ถ้าพูดถึงโน้ตบุ๊กเกมมิงราคาคุ้มค่าแห่งปี 2020 ซีรีส์ ASUS TUF GAMING คงเป็นหนึ่งในตัวเลือกในใจใครหลายคน เพราะเป็นโน้ตบุ๊กที่ “ไม่กั๊กสเปก” จัดเต็มด้วยหน้าจอลื่น ๆ 144Hz และเกมมิ่งคีย์บอร์ดแบบปรับสีไฟ RGB ได้ ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ทั้งตัว A15 และ A17, สเปกก็มีให้เลือกหลากหลาย จะเป็นซีพียู AMD Ryzen 5, 7, 9 ในตระกูล 4000 Seires คู่กับการ์ดจอแยก Nvidia GTX 1650 จนถึง RTX 2060 แถมมี Windows 10 Home และ Microsoft Office ติดตั้งมาให้ด้วยนะ ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ค่าตัวก็น่าคบ! เริ่มต้นที่ 24,990 บาท
สเปก
แต่โน้ตบุ๊กที่เราจะมารีวิวในวันนี้ไม่ใช่ตัวเริ่มต้นครับ เป็นโน้ตบุ๊ก ASUS TUF GAMING A15 สเปกรองท็อปที่มาพร้อมกับ AMD Ryzen 7 4800H แกนประมวลผล 8 Core 16 Thread คอเกมแบบเราจะรู้ดีว่ายิ่งเลขเยอะแปลว่ายิ่งดี ถือว่าค่าย ASUS โหดจริง ๆ ครับ เป็นเจ้าแรกในไทยที่เอาซีพียู AMD โค้ดเนม Renoir 4000 series มาใส่ลงในโน้ตบุ๊ก
ส่วนการ์ดจอรุ่นนี้ก็จับคู่มากับค่ายเขียว Nvidia RTX 2060 พอจับคู่กันก็ถือว่าลงตัวครับ ซีพียูแรง การ์ดจอแรง เล่นเกมไม่มีอาการคอขวดแน่นอนครับ!
ด้านแรมก็ให้มาถึง 16 GB เป็นแบบ DDR4 มีความเร็ว 3200MHz อัปเกรดเพิ่มได้อีกหนึ่งช่อง ส่วนตัว SSD ก็ให้มา 1TB เป็นแบบ SSD M.2 NVMe PCIe มีช่องให้ใส่สองช่องครับ อัปเกรดกันได้แบบเต็ม ๆ หรือถ้าไม่พออีกก็รองรับการเพิ่ม HDD/SATA 2.5 ได้อีกด้วยนะครับ
หน้าจอ
ส่วนหน้าจออันนี้สำคัญเลยครับ คนเล่นเกมคงจะอยากได้จอลื่น ๆ ASUS TUF GAMING A15 ก็เลยจัดมาให้เป็นจอ IPS 15.6 นิ้ว พร้อมอัตรารีเฟรชเรต 144Hz เล่นเกมแนว FPS ได้ลื่น ๆ เลยครับ แต่ถ้าใครรู้สึกว่าจอเล็กไปก็มีรุ่นจอ 17 นิ้ว ในชื่อรุ่น A17 ให้ใช้แบบเต็มตาครับ
สำหรับซอฟต์แวร์ภายในก็มีการติดตั้ง Windows 10 Home และ Microsoft Office Home & Student 2019 มาให้ตั้งแต่โรงงาน ไม่ต้องเสียเวลาโหลดเลย เปิดปุ๊บใช้ได้ปั๊บ ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มด้วยนะครับ
ลำโพง
ด้านลำโพงรุ่นนี้ก็เป็นมาพร้อมระบบเสียง DTS: X Ultra ข้อดีคือเราปรับโปรไฟล์เสียงได้หลายรูปแบบครับ จะดูหนัง ฟังเพลง ก็เลือกได้ แต่ที่ผมชอบคือมีโปรไฟล์เสียงการเล่นเกมด้วยครับ มี Strategy สำหรับเกมแนววางแผน RPG สำหรับเกมแนวเก็บเลเวล Shooter สำหรับแนว FPS หรือจะปรับแต่งเองก็ได้เหมือนกันครับ
ทดสอบการเล่นเกม
- มาเทสกับเกมแนว Battle Royale อย่าง PUBG ที่ปรับความละเอียด Full HD กับการตั้งค่าแบบ Ultra ทุกอย่าง FPS ที่ได้อยู่ราว ๆ 80-120 เฟรมครับ อันนี้ถือว่า เล่นได้ลื่น ๆ เลย
- ส่วนเกมแนวสงครามอย่าง Call of Duty : Modern Warfare ก็ทำ FPS อยู่ที่ 70-85 ถือว่าดีมากสำหรับโน้ตบุ๊กเลยนะครับ และเกมจากค่าย EA อย่าง Battlefield 1 ปรับภาพสวยสุด FPS วิ่งอยู่ที่ 110-135 เลยครับ เรื่องเสียงที่พูดค้างไว้ก็ต้องบอกว่าเสียงดีเลยครับ มิติเสียงดีมาก
- ต่อมาเป็นเกมสาย eSport ที่หลายคนเล่นอย่าง CS:GO และ Tom Clancy’s Rainbow Six Siege ผมก็ลองปรับกราฟิกสูงสุด FPS ดีดเกิน 150 ทุกฉากเลยครับ ส่วนเกม Overwatch กับการตั้งค่าระดับ Epic FPS จะวิ่งอยู่ที่ 70-100 ครับ และเกม Valorant กับตั้งค่ากราฟิกสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ก็ทำ FPS ได้อยู่ที่ 130-144 ครับ มีอาการเฟรมดร็อปตอนเริ่มเกมหรือสลับมุมกล้องบ้าง
- ส่วนเกม GTA V ที่ขึ้นชื่อว่ามีรายละเอียดเยอะมาก ก็ปรับการตั้งค่าสูงสุดทุกอย่าง ทำ FPS ได้อยู่ที่ 60-75 FPS ถือว่าเล่นได้สบาย ๆ เลยครับ
โดยภาพรวมในทุกเกมก็ถือว่าโอเคเลยครับ อาจจะมีเฟรมเรตตกบ้างเวลาเจอเอฟเฟคเยอะ ๆ ครับ แต่ทั้งหมดนี้เราปรับค่าให้สูงที่สุดทั้งหมด FPS ก็เลยไปไม่ถึง 144 เท่ากับจอ 144Hz ครับ แต่ทั้งนี้สามารถปรับลดคุณภาพลงก็จะได้ FPS ที่สูงขึ้นครับ
การทำงาน
ทดสอบเกมไปเยอะแล้ว ทีนี้ลองเอามาทำงานกันบ้างครับ ผมลองตัดต่อวิดีโอ 4K ผ่าน Adobe Premiere Pro แบบนี้ ลองกด Playback แบบ ½ ก็ลื่น ๆ เลยครับ ไม่มีอาการกระตุกให้เห็นเลย ส่วนเรนเดอร์วิดีโอ 4K ขนาด 3 นาที ก็ใช้เวลาอยู่ที่ 2.37 นาทีครับ ถ้าจะซื้อมาใช้งานทั้งการเล่นเกม และตัดต่อวิดีโอ ถือว่าเหมาะสมเลยครับ
การระบายความร้อน
สิ่งที่ต้องพูดถึงของรุ่นนี้คือเรื่องระบายความร้อนครับ รุ่นนี้มีช่องระบายความร้อนสามจุดครับ ด้านหลังสองจุด และด้านข้างขวาอีกหนึ่งเครื่งครับ ส่วนด้านหลังและใต้เครื่องใช้ดีไซน์รังผึ้ง Honeycomb Design เพิ่มช่องว่างระบายอากาศให้ใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่า และมีระบบ ASUS Intelligent Cooling ที่สามารถปรับได้สามโหมด Silent, Performance, Turbo ผ่านโปรแกรม Armoury Crate ได้เลยครับ และในซอฟต์แวร์ตัวนี้ก็สามารถเช็กค่าการทำงานของเครื่องได้ด้วยนะ อยากรู้ว่าเครื่องร้อนแค่ไหน หรือทำงานที่ประสิทธิภาพเท่าไรกดดูง่าย ๆ เลยครับ
จากการทดสอบใช้งานและเล่นเกมไปราว ๆ 30 นาที ความร้อนของซีพียูวัดสูงสุดได้อยู่ที่ 95 องศา ส่วนการ์ดจอสูงสุด 78 องศาครับ แต่ความร้อนขนาดนี้ ผมเล่นตั้งนานยัง ไม่รู้สึกว่าร้อนตรงคีย์บอร์ดเลยครับ เรื่องระบายความร้อนก็มีจุดที่น่าสนใจ รุ่นนี้มี Anti-Dust Cooling ที่เป่าฝุ่นออกจากระบบพัดลมทั้งสองฝั่ง ป้องกันฝุ่นเข้าไปติดในซิงก์ระบายความร้อนครับ
ดีไซน์
ดูต่อกันที่เรื่องดีไซน์กันบ้างครับ ASUS TUF GAMING A15 ก็ดูดุดันครับ ฝาหลังเปลี่ยนมาใช้ฝาหลังแบบเรียบ และมีโลโก้ตรงกลางครับ ส่วนสีให้เลือกสองสีคือ สีเทา Fortress Grey และ Bonfire Black ส่วนความทนทานก็ผ่านมาตรฐานทางการทหาร Military Grade ทนตก ทนสั่น ทนร้อน ทนหนาว และทนชื้นครับ ทนสมชื่อ The Ultimate Force หรือ TUF ที่ล้อมาจากคำว่า Tough ที่แปลว่าทนทาน
ด้านบนมีกล้อง Webcam 720p มาให้ใช้ด้วยครับ เดี๋ยวนี้คอเกมหลายคนชอบคีย์บอร์ดมีไฟวิบวับครับ รุ่นนี้ก็สามารถปรับไฟ RGB ใต้คีย์บอร์ดได้ด้วยครับ แต่สำหรับปุ่ม WASD อันนี้จะเป็นปุ่มใส มองกลางคืนชัดเจน การปรับเปลี่ยนไฟก็ปรับได้ 4 รูปแบบ Static, Breathing, Strobing, Color Cycle ส่วนความสว่างก็ปรับได้ 4 ระดับเหมือนกันครับ สามารถกดบนคีย์บอร์ดได้เลยครับ หรือถ้าต้องการปรับแต่งแบบละเอียดก็เข้าไปที่ Armoury Crate ได้เลยครับ ส่วนทัชแพดอันนี้ก็มีขนาดไม่ใหญ่มากครับ สัมผัสก็ลื่น ๆ และมีปุ่มคลิกมาให้ด้วยนะ
พอร์ตการเชื่อมต่อ
สำหรับพอร์ตของรุ่นนี้ฝั่งขวาก็มี Kensington Lock หนึ่งช่อง, USB-A 2.0 หนึ่งช่อง, อีกฝั่งหนึ่งก็จะมี ช่องหูฟัง 3.5 มม หนึ่งช่อง, USB-C 3.2 ที่รองรับ DisplayPort 1.4 หนึ่งช่อง, USB-A 3.2 สองช่อง, HDMI 2.0b หนึ่งช่อง, ช่องเสียบสาย LAN RJ 45 หนึ่งช่อง และช่องเสียบ Power อีกช่องครับ ก็ถือว่าพอร์ตให้มาครบพอสมควรเลยนะครับ เพียงพอกับการต่อเมาส์ คีย์บอร์ด รวมถึงจอแยกด้วย ส่วนใครต้องการเน็ตแบบลื่นไหลก็เสียบสาย LAN ได้ครับ
ข้อสังเกต
ที่ผมเจอระหว่างเล่นเกมหรือตัดต่อก็คือ เสียงพัดลมก็ค่อนข้างดัง ได้ยินชัดเลยครับ คนเดินผ่านมาก็มีทักเรื่องเสียงพัดลมครับ ส่วนอีกเรื่องคือสีหน้าจอครับ ด้วยความที่มีจอเล่นเกม อัตรารีเฟรขเรตสูงถึง 144Hz การแสดงสีหน้าจออาจจะไม่สดใสมากนัก ซึ่งคุณก็ต้องเลือกระหว่าง refresh rate สูงหรือสีจอดี แต่เราเอาเครื่องนี้ไว้เล่นเกม! ก็ต้องจอ Refresh rate สูงสิ!
ราคา
สรุปครับสรุป โน้ตบุ๊ก ASUS TUF GAMING A15 มีค่าตัวไม่แรงเลยครับ สเปก AMD Ryzen 5 4600H คู่กับการ์ดจอ GTX 1650 แรม 8GB พร้อมจอ 144Hz ราคาเริ่มต้นที่ 24,990 บาท พร้อมมีประกันแบบ Global Warranty 2 ปี พร้อมประกันอุบัติเหตุ Perfect Warranty ใน 1 ปีแรกที่พร้อมให้ความคุ้มครองในส่วนของค่าอะไหล่ถึง 80% สำหรับกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
ส่วนรุ่นที่เรารีวิวอยู่นี้เป็นรุ่นรองท็อปครับ สเปกซีพียู AMD Ryzen 7 4800H การ์ดจอ RTX 2060 แรม 16GB ความจุ SSD 1TB กับหน้าจอ 144Hz มีค่าตัวอยู่ที่ 40990 บาทครับ
ดูข้อมูลเพิ่มเติม คลิกลิงก์นี้เลย https://bit.ly/3odtppO