Dell XPS เราได้ยินชื่อนี้มายาวนาน จนเป็นภาพจำว่า ถ้าเป็น Dell XPS รับรองได้ว่าได้เครื่องแรง ดีไซน์ดี งานประกอบระดับท็อป เพราะ XPS มาจากคำว่า Xtreme Performance System และนี่คือ The New XPS 13 ในรหัส 9310 โน้ตบุ๊กขนาด 13 นิ้ว ที่คุณจะอยากพกพาไปทำงานตลอดทั้งวัน!
ดีไซน์
จุดเด่นของ Dell XPS ทุกรุ่นคือดีไซน์ งั้นเรามาดูดีไซน์ของ Dell XPS 13 รุ่นใหม่นี้กันครับ เริ่มจากฝาหลังตัวนี้ที่มีโลโก้ Dell วงกลมอยู่ตรงกล้อง ก็เป็นอลูมิเนียมชิ้นเดียวที่ให้สัมผัสแน่นหนา ไม่รู้สึกว่าจอมีความอ่อนบิดไปมาเวลาที่กางหรือพับโน้ตบุ๊ก ซึ่งงานออกแบบก็ใส่ใจในรายละเอียดให้สามารถกางโน้ตบุ๊กออกด้วยมือเดียวได้ ไม่ต้องใช้อีกมือไปกดฐานเครื่องเวลากางเครื่อง
ตรงขอบเครื่องนี้ก็เป็นอลูมิเนียมขัดมันที่สะดุดตาเวลาใช้งาน สีของฝาหลังนี้เรียกว่า Platinum Silver นะครับ ซึ่งก็เป็นสีเดียวกับด้านใต้ท้องเครื่องที่มีโลโก้ XPS สะท้อนแสงอยู่ โดยรวมเวลาพับเครื่องเพื่อพกพาก็เป็นเครื่องขนาดกะทัดรัดที่สวยงาม แข็งแรงครับ แล้วในกล่องก็มีซองใส่โน้ตบุ๊กสวย ๆ ดูพรีเมี่ยม มาให้ใส่เสริมความดูดีด้วยนะ
ส่วนตัวเครื่องด้านใน เห็นลายเป็นแบบนี้ก็รู้เลยว่านี่คือ Carbon Fiber วัสดุที่แข็งแรงแต่มีน้ำหนักเบา ก็เสริมทำให้ดีไซน์ของแป้นคีย์บอร์ดดูมีรายละเอียดมากขึ้น ซึ่งตัวคีย์บอร์ดนี้ก็ให้ขนาดปุ่มมาตรฐาน มีไฟใต้คีย์บอร์ด และสัมผัสในการพิมพ์ทำได้ดีครับ เราพิมพ์บทสำหรับรีวิว Dell XPS ทั้งหมดบนเครื่องนี้ ก็พอใจกับคีย์บอร์ดตัวนี้ ไม่มีปุ่มประหลาดหรือการวางปุ่มแปลก ๆ จนกดผิดกดถูก
ที่คีย์บอร์ดนี้มีปุ่มพิเศษอยู่คือเซนเซอร์อ่านลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power นะครับก็สแกนลายนิ้วมือเพื่อล็อกอินเข้าเครื่องได้รวดเร็วเลยทีเดียว แต่คีย์บอร์ดนี้อาจรู้สึกอุ่น ๆ บ้างเมื่อใช้งานไปสักพักครับ ส่วน Trackpad ก็ใช้งานได้คล่องดี มีขนาดใหญ่มากพอที่จะใช้งานได้สะดวก แม้ไม่ได้ใช้เมาส์ก็สั่งงานได้สบาย ๆ ครับ
ทีเด็ดของ Dell XPS 13 รุ่นใหม่รหัส 9310 นี้คือหน้าจอครับ ซึ่งทำจาก Corning Gorilla Glass รับประกันความแข็งแกร่งเพราะนี่เป็นจอสัมผัสด้วย ก็ต้องทนไม้ทนมือ สู้กับรอยขีดข่วนได้ดีหน่อย แล้วจะเห็นว่าขอบจอ InfinityEdge นั้นบางมาก ให้พื้นที่หน้าจอถึง 91.5% ของพื้นที่ทั้งหมด ทำให้หน้าจอ 13.4 นิ้วอยู่ในเครื่องขนาดเล็กแบบนี้ได้ แต่ขอบบนจะหนากว่าขอบข้างหน่อยเพราะว่ามี Webcam อยู่
Dell XPS 13 ตัวที่รีวิวเป็นรุ่นท็อป เลยเป็นจอที่จัดเต็มความละเอียด 4K ให้สีสันได้ถึง 90% ของขอบเขตสี DCI-P3 แถมมี Contrast 1500:1 และให้ความสว่างสูงสุด 500 nit โดยรวมแล้วก็เป็นหน้าจอที่ให้คุณภาพภาพสวยมาก การใช้งานทั่วไปคือตัวอักษรคมกริบ มองแทบไม่เห็นพิกเซลบนหน้าจอเลย
นอกจากนี้ยังสามารถเปิดใช้โหมด HDR เพื่อแสดงวิดีโอ HDR ของ Youtube หรือ Netflix ในแบบ Dolby Vision ได้เลย แต่การเปิดใช้ HDR จะกินแบตเตอรี่มากกว่าเดิมนะครับ สำหรับคนที่ต้องการเปิด เราก็แนะนำให้ตั้งระบบว่าเปิด HDR เมื่อเสียบปลั้กจะดีกว่า
กล้อง Webcam ความละเอียด 720p ของ Dell XPS 13 ครับ นอกจากนี้กล้อง Webcam ตัวนี้เรายังสามารถใช้ใบหน้าเพื่อล็อกอินเข้าเครื่องผ่าน Windows Hello ได้อย่างรวดเร็วด้วย เพราะมีกล้อง infared ช่วยสแกนใบหน้า แต่จุดสังเกตสำหรับ Webcam ตัวนี้คือไม่มีบานเลื่อนเปิด-ปิดเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้นะครับ
มาดูพอร์ตรอบเครื่องกันบ้าง ก็ตามสไตล์ของโน้ตบุ๊กบางเบายุคใหม่ ๆ ที่พอร์ตจะน้อยนิดหนึ่ง คือด้านซ้ายและด้านขวาจะมีพอร์ต Thunderbolt 4 ในรูปแบบ USB-C ด้านละช่อง ซึ่งก็เป็นพอร์ตสารพัดประโยชน์ทั้งเสียบชาร์จไฟ เสียบภาพออกจอภายนอก หรือจะต่อฮับแปลงเป็น USB-A หรือช่องเสียบสาย LAN ก็ได้ ซึ่งในกล่องจะมีสายแปลงพอร์ตเป็น USB-A มาให้ 1 เส้นครับ
นอกจากนี้ด้านซ้ายของเครื่องก็จะมีช่องอ่าน MicroSD มาให้ ส่วนด้านขวาก็เป็นช่องเสียบหูฟังพร้อมไมโครโฟนแบบ 3.5 mm มาให้ครับ
ซึ่งหัวชาร์จแบบ USB-C ที่ให้มาพร้อมเครื่องนั้นสามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 45 Watt นะครับ ซึ่งเราก็สามารถใช้หัวชาร์จแบบ USB-C รุ่นอื่น ๆ ชาร์จ Dell XPS 13 ได้เช่นกันครับ แต่ถ้าจ่ายไฟได้ไม่ถึง 45 Watt อย่างเราเทสต์กับหัวชาร์จ 30 Watt ระบบก็จะเตือนว่าชาร์จช้าหน่อยนะ
ส่วนเรื่องลำโพง Dell XPS 13 ตัวนี้มีลำโพงมาให้ 2 ตัวอยู่ด้านล่างเครื่องแล้วสะท้อนเสียงขึ้นมาให้ได้ยินครับ ซึ่งก็ไม่ได้แปะเป็นพิเศษว่าเป็นลำโพงแบรนด์ใด แต่ก็จัดว่าเป็นลำโพงที่ให้เสียงได้ดีเลย ทั้งดังและหนักแน่นด้วยการประมวลผลเสียงพิเศษของ Wave Maxx ซึ่งเราสามารถปรับแต่งได้ด้วยการเรียกโปรแกรม MaxxAudio Pro ขึ้นมาครับ ถ้าลองปิดฟังก์ชันนี้ดู จะเห็นว่าเสียงดรอปลงไปเยอะ เราจึงแนะนำให้เปิดตลอด นอกจากนี้ถ้าเราใส่หูฟัง ยังสามารถใช้ฟังก์ชั่น Wave Nx ที่จะใช้กล้อง Webcam ตรวจจับใบหน้าของเราเพื่อหันทิศทางเสียงตามใบหน้าของเราได้ด้วยนะ เจ๋งไปเลย
โดยรวมแล้ว Dell XPS 13 ตัวนี้นี้มีน้ำหนัก 1.29 กิโลครับ ซึ่งถ้าชั่งรวมกับที่ชาร์จก็จะมีน้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม
ก็ถือว่าไม่หนัก แต่ก็ไม่ใช่รุ่นที่น้ำหนักเบาที่สุดสำหรับโน้ตบุ๊กธุรกิจเกรดท็อปแบบนี้ แต่ถ้าเป็น Dell XPS 13 รุ่นรองที่ไม่มีจอสัมผัส และเป็นจอ Full HD ธรรมดา จะหนักเหลือแค่ 1.2 กิโลกรัมครับ
สเปก
มาดูในส่วนของประสิทธิภาพเครื่องกันบ้าง Dell XPS 13 รหัส 9310 ตัวท็อปที่เราได้มารีวิว ใช้ Intel Core i7 – 1165G7 แรม 16 GB พร้อม SSD 512 GB ถือเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่เรียกว่า Intel Evo ซึ่งการจะได้ชื่อว่า Intel Evo ที่การันตีว่าเป็นโน้ตบุ๊กยุคใหม่ของอินเทล จะต้องใช้ชิปในตระกูล Intel Core Gen 11 Tiger Lake ระดับ Core i5 ขึ้นไป แล้วต้องรองรับ Thunderbolt 4 รองรับ Wi-Fi 6 เปิด-ปิดเครื่องเร็ว และอื่น ๆ อีกเพียบ ซึ่ง Dell XPS 13 รุ่นนี้รองรับหมด จึงได้ตรา Intel Evo มา
ซึ่งผลการทดสอบประสิทธิภาพด้วย Geekbench 5 ก็ได้คะแนน Multicore ได้ 5437 คะแนน ซึ่งก็เป็นคะแนนที่จัดว่าสูงสำหรับ CPU ของโน้ตบุ๊กครับ ส่วน 3Dmark ชุด Wild Life ทดสอบประสิทธิภาพของ Intel Iris Xe หน่วยประมวลผลกราฟิกตัวล่าสุดของ Intel ก็ได้คะแนนไป 9482 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนระดับเดียวกับ Nvidia Geforce 960m หรือ iPad Air 4 ครับ และประสิทธิภาพของ SSD เราทดสอบผ่าน CrytralDiskMark 8 ก็ทำความเร็วในการอ่านได้สูงสุด 3.2 GB/s และเขียนได้เกือบ 2.9 GB/s ซึ่งก็ถือเป็นความเร็วที่สูงมาก
ส่วนการใช้งานในชีวิตจริง ถือว่าลื่นไหลมาก เราใช้งานร่วมกับ Google Chrome มากกว่า 20 แท็บ พร้อมกับเปิดโปรแกรมอื่น ๆ อย่าง Word หรือ LINE ก็ไม่มีอาการหน่วงให้เห็น สามารถใช้งานได้ลื่น ๆ ตลอดครับ
เพียงแต่ว่าด้วยจอ 4K ซึ่งกินไฟมากกว่าจอธรรมดา ทำให้เราใช้งานได้ต่อเนื่องราว 5-6 ชั่วโมงเท่านั้นในโหมดพลังงานแบบ Better Battery ซึ่งรูปแบบงานที่เราใช้คือเปิด Google Chrome หลายๆ แท็บเพื่อทำงานครับ Dell XPS 13 นั้นให้ซอฟต์แวร์ที่น่าสนใจมาหลายตัวครับ เช่น Killer Control Center ตัวนี้เป็นโปรแกรมของชิป Wi-Fi 6 แบรนด์ Killer ที่อยู่ในเครื่อง ซึ่งก็สามารถปรับจูนการใช้ Wi-Fi ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้
นอกจากนี้ยังมี Dell Mobile Connect ที่เชื่อมมือถือของคุณกับ Dell XPS ส่งภาพหรือควบคุมมือถือจากโน้ตบุ๊กได้ หรือแสดงโนติจากมือถือในคอมก็ได้ หรือ Dell SupportAssist ศูนย์รวมการดูแลเครื่องทั้งช่วยอัปเดตไดร์เวอร์ ล้างไฟล์ขยะ จูนประสิทธิภาพเครื่อง ประสิทธิภาพเครือข่ายให้ดีขึ้น โปรแกรมเหล่านี้อย่าลืมใช้กันนะครับ มันจะช่วยให้เรารีดประสิทธิภาพของเครื่องออกมาได้เต็มที่ขึ้น
จุดสังเกต
ที่เราพบใน Dell XPS 13 ตัวที่เราได้มาทดสอบตัวนี้คือ เมื่อเปิด HDR และเครื่องร้อนในระดับหนึ่ง ภาพบนหน้าจอจะกระพริบ ซึ่งก็น่าจะเป็นปัญหาจากไดร์เวอร์ซึ่งน่าจะแก้ไขได้จากการปรับปรุงไดร์เวอร์หรือซ่อมแซมวินโดวส์ครับ ซึ่งก็น่าจะเป็นปัญหาเฉพาะตัวเครื่องนี้ครับ
รีวิวที่ดีต้องมีราคา
- สำหรับ Dell XPS 13 รหัส 9310 ตัวท็อป ใช้ Intel Core i7 – 1165G7 พร้อมแรม 16 GB SSD 512 GB และจอสัมผัส 4K ตัวนี้ ราคา 76,990 บาท
- ส่วนเครื่องรุ่นน้องใช้ Intel Core i5 – 1135G7 พร้อมแรม 8 GB SSD 512 GB จอธรรมดา ทัชไม่ได้ ความละเอียด Full HD ก็จะมีราคา 56,990 บาท
ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมประกัน 3 ปีแบบ Dell Premium Support ให้บริการทางโทรศัพท์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อม On-Site Service ซ่อมตรงถึงบ้านในวันถัดไปด้วยนะ