เมกะเทรนด์คือแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก ถ้าให้ยกตัวอย่างเมกะเทรนด์ในทศวรรษนี้ คงหนีไม่พ้น Cloud Computing รากฐานสำคัญของชีวิตยุคดิจิทัลและโลกอนาคต

จากวิกฤตโควิด-19 ทำให้เห็นได้ว่าใครที่สามารถปรับตัวรับกับเมกะเทรนด์นี้ได้ ก็จะสามารถอยู่รอดได้ เช่น ปรับการประชุมแบบเห็นหน้ามาเป็นการประชุมออนไลน์, การพิมพ์เอกสารบน Cloud ที่ข้อมูลจะซิงค์กันตลอด หรือด้านความบันเทิงอย่างบริการ Streaming และเกม

โดยบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ Cloud Computing ก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด เช่น Zoom, Salesforce และ Workday โดย GlobeNewswire ได้คาดการณ์ไว้ว่า ธุรกิจ Cloud Computing เติบโตเฉลี่ยปีละ 17.5% ซึ่งมากกว่าอัตราเงินเฟ้อแน่ ๆ แล้วถ้าให้คิดเป็นตัวเงินง่าย ๆ นั่นคือการทำให้เงิน 1 ล้านบาท กลายเป็น 2.2 ล้านบาท ภายใน 5 ปี

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • Zoom ผลิตซอฟต์แวร์เพื่อการประชุมออนไลน์
  • Salesforce ผลิตระบบคลาวด์สำหรับการขาย บริการ และการทำตลาด (CRM)
  • Workday ผลิตระบบคลาวด์ระดับองค์กรสำหรับการบริหารการเงินและทรัพยากรบุคคล

วิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้คนต้องอยู่บ้าน ยังส่งผลให้ธุรกิจเกมและอีสปอร์ตเติบโตขึ้นไปอีก ถ้ายังจำกันได้ มีช่วงหนึ่งที่เกม Animal Crossing ฮิตมาก ๆ จนเครื่อง Nintendo Switch ขาดตลาดไปเลยครับ โดยในปี 2020 นี้ ทาง Newzoo ได้คาดการณ์ไว้ว่ารายได้ของธุรกิจเกมและอีสปอร์ตจะทะลุเป้าที่ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐครับ

และอีกธุรกิจที่มาแรง เพราะคนออกจากบ้านไม่ได้คือ ธุรกิจ eCommerce ครับ ซึ่งข้อนี้คุณไม่ต้องไปเอาตัวเลขจากสำนักไหนมาหรอกครับ แค่ดูตัวคุณเองว่า 11.11 และ 12.12 ที่ผ่านมา มีพัสดุมาส่งที่บ้านกี่กล่อง นี่ก็น่าจะบอกถึงความนิยมของธุรกิจนี้ได้ โดยธุรกิจที่เติบโตมาคู่กับ eCommerce คือ FINTECH ครับ เรียกได้ว่าเป็นคู่สร้างคู่สม เพราะซื้อไวก็ต้องโอนไว

เป็นที่น่าเสียดายว่าธุรกิจที่น่าลงทุนทั้งหลายเหล่านี้มีบริษัทอยู่ในตลาดต่างประเทศครับ ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศนั้นมีความเสี่ยงสูง ทั้งช่วงเวลาการเปิด-ปิดของตลาดที่ไม่ตรงกัน รวมไปถึงความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน การลงทุนผ่านกองทุนที่มีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลจึงเป็นตัวเลือกที่ดีครับ โดยตัวเลือกที่นักลงทุนนิยมกันคือ กองทุน ETF (Exchange Traded Fund)

กองทุน ETF คือกองทุนดัชนีแบบหนึ่ง โดยมุ่งสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนีหรือราคาของสินทรัพย์ที่กองทุนนี้ใช้อ้างอิงครับ ไม่ว่าจะเป็น หุ้นในประเทศ, หุ้นต่างประเทศ, ตราสารหนี้, ทองคำ หรือสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นต้น

โดยกองทุนลักษณะนี้เรียกว่า กองทุนเชิงรับ (Passive Fund) ครับ เนื่องจากผู้จัดการกองทุนจะทำการจัดสัดส่วนการลงทุนให้คล้ายกับดัชนีอ้างอิงมากที่สุด เช่น กองทุน ETF ที่อ้างอิงกับดัชนี S&P 500 ก็จะกระจายเงินลงทุนเพื่อซื้อหุ้นทุกตัวในสัดส่วนที่เท่ากันกับที่มีอยู่ในดัชนี S&P 500 เพื่อให้ได้ตอบแทนที่เท่ากับหรือใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงให้มากที่สุด

สำหรับกองทุน ETF ในประเทศไทยนั้น การที่มีตัวเลือกไม่เยอะอาจจะทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าคุณอยากได้ ETF ระดับเมกะเทรนด์อย่างกลุ่มคลาวด์, กลุ่มอีสปอร์ต หรือกลุ่มเทคโนโลยีจีน คุณจะไปหาจากไหน? เรื่องนี้ Jitta Wealth ช่วยได้ครับ

Jitta Wealth คือ Wealth Tech รายแรกของไทยที่ได้รับใบอนุญาตในการบริหารกองทุนส่วนบุคคล โดยมีจุดเด่นในด้านระบบติดตามและการปรับพอร์ตอัตโนมัติ ทำให้การลงทุนของคุณง่ายขึ้น ปัจจุบัน Jitta Wealth มีกองทุนส่วนบุคคลให้เลือก 3 แบบคือ

  • Jitta Ranking จัดพอร์ตหุ้นที่เน้นคุณค่าด้วย AI ตามหลักการของวอร์เรน บัฟเฟตต์
  • Global ETF พอร์ตลงทุนสินทรัพย์คุณภาพดีทั่วโลก เพื่อผลตอบแทนสูงที่สุดในความเสี่ยงต่ำที่สุด
  • Thematic ซึ่งเป็นการลงทุนในธีมธุรกิจแห่งอนาคตหรือเมกะเทรนด์ที่คุณชื่นชอบ โดยกองทุนส่วนบุคคลนี้ จะทำการคัดเลือก ETF ที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละธีมธุรกิจ โดยจัดสัดส่วนการลงทุนในแต่ละธีมธุรกิจให้เท่า ๆ กันเพื่อลดความผันผวนครับ ซึ่งตอนนี้ Jitta Wealth มีธีมธุรกิจให้คุณเลือกมากถึง 12 ธีม เช่น กลุ่มเทคโนโลยีจีน, กลุ่มอีคอมเมิร์ซ, กลุ่มธุรกิจสุขภาพ หรือเทรนด์หลักของปี 2020 อย่าง กลุ่มคลาวด์, กลุ่มเอไอและหุ่นยนต์, เกมและอีสปอร์ต ก็มีให้เลือกครับ ซึ่งคุณสามารถเลือกได้มากถึง 5 ธีมธุรกิจในพอร์ตเดียว

ยกตัวอย่างธีมธุรกิจที่ผมสนใจอย่างเทคโนโลยีจีน เมื่อคุณคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ของ Jitta Wealth แล้วเลือกดูข้อมูลของ Thematic คุณจะพบกับรายละเอียดทั้งหมดครับว่าเขาลงทุนผ่านกองทุนอะไร เขาอ้างอิงกับดัชนีไหน มีผลตอบแทนย้อนหลังเท่าไร และนี่ครับข้อมูลที่สำคัญว่าเขาลงทุนใน ETF อะไรบ้าง (อ่าน : ทรัพย์สินที่ลงทุนสูงสุด 10 อันดับแรก) จากรายชื่อ 10 บริษัทนี้ นี่คือการลงทุนในธุรกิจโลกอนาคตจริง ๆ ครับ

อีกหนึ่งธีมธุรกิจที่ผมไม่คิดว่าจะลงทุนได้ แต่ Jitta Wealth บอกว่านี่แหละคือธุรกิจโลกอนาคต นั่นก็คือ ธีม Cannabis หรือธีมกัญชาที่ใช้ในทางการแพทย์

สำหรับประเทศไทยนั้น ทางคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการ พ.ร.บ.ยาเสพติด ไปเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการปลดล็อกกฎหมายเพื่อให้ผู้ป่วย, หมอพื้นบ้าน, แพทย์แผนไทย และเกษตรกร สามารถผลิต จำหน่าย และครอบครองกัญชาที่ใช้ในทางการแพทย์ได้

ทาง Jitta Wealth ได้บอกกับผมว่า แม้ว่าผลตอบแทนในตอนนี้ของธีม Cannabis อาจจะไม่หวือหวา แต่อย่าลืมว่าหลายประเทศกำลังให้ความสนใจและปรับเปลี่ยนเพื่อให้กัญชาที่ใช้ในทางการแพทย์ถูกกฎหมายแล้ว ดังนั้น นี่คือส่วนประกอบของธีมสุขภาพที่เป็นธุรกิจแห่งอนาคตครับ อนาคตจริง ๆ ลอยไปในอนาคตเลยครับ

ใครที่อยากลงทุนธุรกิจเมกะเทรนด์กับ Jitta Wealth คุณสามารถเปิดบัญชีเพื่อเริ่มลงทุนในแบบ Thematic ได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 100,000 บาท บางคนอาจจะตกใจกับตัวเลขนี้นะครับ แต่ผมต้องบอกว่า นี่คือตัวเลขที่น้อยมากสำหรับการไปลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วเงินลงทุนมักเริ่มต้นที่หลักสิบล้านบาท นี่จึงถือว่าเป็นการลดระดับเพดานลงมาเพื่อให้นักลงทุนหน้าใหม่สามารถเข้าถึงการลงทุนเหล่านี้ได้ครับ และหากคุณยังไม่มั่นใจและต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปได้ที่เว็บไซต์ jittawealth.com

SUPER : การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน