ทุกปีเรารอชมเรือธงจาก OPPO เสมอ และปีนี้ก็ไม่รอช้า OPPO Find X3 Pro 5G สมาร์ตโฟนเรือธง ตระกูลที่ดีที่สุดของ OPPO แล้ว และแนวคิดของ OPPO Find X3 Pro 5G คือ Awaken Colour แปลเป็นไทยเก๋ ๆ น่าจะ “การตื่นรู้ของสี” ปูมาขนาดนี้ สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ต้องเน้นที่กล้องและหน้าจอแน่นอน
ดีไซน์
จุดแรกที่สัมผัสได้คือบางและเบากว่ามือถือระดับเรือธงตัวท็อป ที่ส่วนใหญ่จะหนัก 200 กรัมขึ้นไป แต่ OPPO Find X3 Pro 5G หนักแค่ 193 กรัม และหนา 8.26 mm ครับ ก็ถ้าเทียบกับ Find X2 Pro ที่เคยจับเมื่อปีที่แล้ว ก็จับถือสบายกว่า
และดีไซน์ของฝาหลังนี้ออปโป้บอกว่าเป็นดีไซน์จากโลกอนาคต เน้นความลื่นไหลของส่วนโค้งต่าง ๆ ก็จะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่จะแบนเรียบแล้วค่อย ๆ โค้งขึ้นไปรับส่วนของกล้อง ซึ่งกว่าจะได้ฝาหลังที่เส้นสายลื่นไหลแบบนี้ ออปโป้บอกกับเราว่าผ่านกระบวนการนับร้อยขั้น ใช้ผลิตต่อชิ้น 40 ชั่วโมง กว่าจะออกมาเป็นฝาหลังนี้
โดย OPPO Find X3 Pro 5G สีที่จับตอนนี้คือ Gloss Black คือดำเงา และ Blue หรือสีน้ำเงินแบบด้านผสมเงา แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะมีสีไหนขายในไทยบ้าง อาจจะมากกว่านี้ก็ได้
ทีเด็ดของ OPPO Find X3 Pro 5G คือการทำงานกับสี 10 Bit หรือสีสันพันล้านเฉดสีทั้งกระบวนการ หรือที่เรียกว่า 10-bit Full-path Colour Engine คือกล้องก็ถ่ายและเก็บเป็นไฟล์แบบพันล้านสี หน้าจอก็รองรับการแสดงผลแบบพันล้านสีพร้อมสนับสนุนมาตรฐาน HDR10+ ทำให้สีสันของภาพและวิดีโอที่ได้จาก OPPO Find X3 Pro 5G นั้นโดดเด่นอิ่มแน่น
หน้าจอ
ซึ่งหน้าจอนี้มีขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด QHD+ ให้ความสว่างสูงสุดถึง 1300 nit สู้แสงแดดได้สบาย ๆ พร้อมให้สีสันสมจริง ที่สำคัญคือ Refresh Rate 120 Hz ครับ เคลื่อนไหวนุ่มนวล นอกจากนี้ยังมี Colour Vision Enhancement ที่ OPPO ใส่ใจการใช้งานของผู้ใช้ทุกคน ด้วยการใส่ระบบช่วยเหลือคนที่มีปัญหาเรื่องการมองเห็นสี เห็นได้สีสันได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น
กล้อง
ส่วนกล้องหลังให้มา 4 ตัวครับ เริ่มจาก 2 เลนส์ใหญ่ก่อน
- ตัวบนสุด 50 ล้านพิกเซล Ultra Wide Angle
- ตัวใหญ่ล่างสุด 50 ล้านพิกเซล Wide Angle
- ซึ่งทั้งคู่ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 ที่ร่วมพัฒนากับ OPPO เพื่อให้ได้ภาพคุณภาพดีที่สุดทั้งเลนส์มุมกว้างมาก และเลนส์หลักครับ
เลนส์ตัวต่อมาคือเลนส์ทางซ้ายตัวนี้ เป็นเลนส์มาโครที่ OPPO เรียกว่า Microlens ความละเอียด 3 ล้านพิกเซล พร้อม Ring Flash ซึ่งน่าจะเป็นมือถือรุ่นแรกในโลกที่เอาแฟลชมาล้อมรอบเลนส์
- ซึ่งแฟลชแบบรอบเลนส์นี้มีประโยชน์เวลาที่เราถ่ายรูปใกล้วัตถุมาก ๆ จะทำให้วัตถุสว่างและให้ภาพคุณภาพดี เพราะปัญหาของการถ่ายภาพมาโครคือ เวลาเอากล้องเข้าไปใกล้มาก ๆ วัตถุจะมืด เพราะตัวมือถือไปบังแสง แต่พอมี Ring Flash ไปอยู่ตรงนั้นก็แก้ปัญหานี้ได้
- ซึ่งในโหมด Microscope เราสามารถขยายวัตถุที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ถึง 60 เท่า นี่น้อง ๆ กล้องจุลทรรศน์เลย
สุดท้ายคือเลนส์ตัวเล็กนี้ นี่เป็นเลนส์ Telephoto หรือเลนส์ซูมแบบ Hybrid 5 เท่า 13 ล้านพิกเซล
โดยกล้องของมือถือรุ่นนี้ยังสามารถถ่ายภาพเป็นไฟล์แบบ RAW+ ที่เก็บรายละเอียดมากกว่าไฟล์ RAW เดิม ๆ ได้ด้วย ใครที่เป็นช่างภาพสายแต่งรูปต่อ ก็ต้องชอบฟีเจอร์นี้แน่ ๆ
ซึ่งนอกจากจะให้คุณภาพภาพนิ่งที่ดีแล้ว ยังมี Cinematic Mode โหมดการถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพ สามารถถ่ายวิดีโอแบบพันล้านสีด้วย LOG และขอบเขตสี BT2020
สเปก
สุดท้ายที่ต้องพูดถึงคือสเปก เกิดเป็นเรือธงปีนี้ จะใช้ชิปอะไรได้อีกนอกจาก Qualcomm Snapdragon 888 มาพร้อม RAM 12 GB และหน่วยความจำ 256 GB พร้อมรองรับการชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC 2.0 แล้วยังรองรับ 30W AirVOOC Wireless Flash Charge เป็นรุ่นแรกของไทย คือชาร์จไร้สายกับอุปกรณ์ที่รองรับเต็ม 100% ใน 80 นาทีเท่านั้น
ตอนนี้ราคาไทยของ OPPO Find X3 Pro 5G ยังไม่ออก แต่ได้ยินแว่ว ๆ ว่าไม่เกิน 35,000 บาท ถูกกว่าตอน OPPO Find X2 Pro 5G เปิดตัว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส