Redmi Note 10 สมาร์ตโฟนราคาสบายกระเป๋า ได้จอ Amoled, กล้องหลัง 4 ตัว, ลำโพง Hi-Res Audio และที่สำคัญน้ำหนักเบาสบายเหมือนไม่ได้ถือ แต่จะมีอะไรอีกบ้างดูกันเลย
หน้าจอ
สิ่งแรกที่เด่นที่สุดเป็นตัวชูโรงหลักของรุ่นนี้เลยคือจอ Amoled ความละเอียดภาพแบบ FHD+ 2400 x1080 พร้อมกับขนาดหน้าจอ 6.43 นิ้ว, รีเฟรชเรตตามมาตรฐานทั่วไปที่ 60Hz
นอกจากนี้เรื่องของความสว่างหน้าจอก็ทำได้สูงสุด 1,100 nit ซึ่งจะมีประโยชน์คือสามารถใช้ในพื้นที่กลางแจ้งได้
ที่กล่าวมาทั้งหมด เมื่อแปลงออกมาเป็นผลลัพธ์ผ่านการใช้งานจริง เราจะได้ประสบการณ์รับชมคอนเทนต์วิดีโอเช่น Youtube หรือ Netflix ในระดับสูงเลยค่ะ จอสว่าง เห็นภาพคมชัดและสีสันที่สดใสเกินราคาค่าตัวลำโพงเองก็ยังเป็นแบบสเตอริโอที่สามารถเล่นเสียงคุณภาพระดับ Hi-Res Audio ได้ด้วยนะ
ดีไซน์
ส่วนทางด้านดีไซน์ Redmi Note 10 ออกแบบมาได้สวยเกินค่าตัวเหมือนกัน ฝาหลังจะใช้วัสดุเป็นพลาสติกแบบด้านโดยจะมีความโค้งแบบลาดลง ส่วนกรอบเครื่องด้านข้างที่เป็นโลหะมันวาว ซึ่งพอรวมกันเราจะได้ทั้งสมาร์ตโฟนที่สวยและถูกออกแบบมาให้ถือได้สบายมือ
ส่วนตำแหน่งกล้องทั้ง 4 ชิ้นตรงนี้จะยื่นออกมาจากตัวฝาหลังประมาณ 1 มม. ค่ะ ก็หมิ่น ๆ ออกมาเล็กน้อยแต่ไม่มีปัญหากับการเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง
แต่ที่ถูกใจมาก ๆ สำหรับเรื่องของดีไซน์คือน้ำหนักตัวเครื่อง Redmi Note 10 หนักเพียงราว ๆ 178 กรัมเท่านั้น เป็นอีกหนึ่งข้อดีสำหรับสมาร์ตโฟนเครื่องนี้เลยนะ
ส่วนเรื่องของสีเครื่อง Redmi Note 10 มีให้เลือกทั้งสิ้น 3 สไตล์ด้วยกัน คือ Onyx Gray เทาประกายดำ, Pebble White ขาวประกายน้ำเงิน และ Lake Green เขียวมรกต
กล้อง
ถัดมาเป็นเรื่องของกล้องกันบ้าง เริ่มกันที่กล้องหลักกันเลยที่ให้ 48 ล้านพิกเซล ชัตเตอร์ไว ให้สีที่อิ่มตัวกำลังดี แต่ที่ออมว่าเยี่ยมจริง ๆ คือ Dynamic Range หรือขอบเขตรายละเอียดของภาพ โดยเฉพาะภาพถ่ายตอนกลางวันจะยิ่งเห็นได้ชัดเลยว่าเกลี่ยคอนทราสต์ออกมาได้ดี ส่วนโหมดภาพถ่ายกลางคืนก็เวิร์กเหมือนกัน แถมไม่ต้องแช่กล้องนานด้วย
สรุปง่าย ๆ เลยคือกล้องหลักอยู่ในมาตรฐานที่น่าพึงพอใจไม่แพ้กล้องมือถือเรือธงเลย นอกจากนี้กล้องตัวอื่น ๆ ก็ถือว่านำไปใช้งานเก็บภาพได้หลากหลายสถานการณ์ ทั้งกล้องมาโครที่มีความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพครีเอต ๆ กับสิ่งของกันแบบใกล้ ๆ หรือจะกล้องอัลตราไวด์ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมรับภาพ 118 องศา ที่อาจจะดูรับภาพได้น้อยไปหน่อย แต่ถ้าใช้ถ่ายภายนอกตัวอาคารหรือลักไก่ถ่ายคนให้ดูสูงขึ้น มุมรับภาพ 118 องศาก็ยังตอบโจทย์ ส่วนตัวท้ายและท้ายสุดตรงนี้คือกล้องวัดระยะความละเอียด 2 ล้านพิกเซลที่ก็จะทำงานร่วมกับกล้องหลักนั่นเอง
ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล ก็ถือเอาใจสายถ่ายเซลฟีพอสมควรเพราะสกินโทนจะออกไปทางอมชมพู แถมมีฟีเจอร์ AI Beautify ปรับผิวเนียน หน้าเรียว ,ตาโต หรือถ้ายังไม่พอใจก็ยังสามารถปรับให้ฉากหลังเบลอได้ด้วยแถมเนียนตาอยู่นะ
และอีกเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่า Redmi Note 10 รุ่นเล็กสุดนี้จะทำได้คือการถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K 30 เฟรม ซึ่งคุณภาพก็ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ แถมมีโหมด Slow-Motion 720p ปรับเฟรมให้สโลว์ได้สูงสุด 960 เฟรมเลย
ส่วนเรื่องของความปลอดภัยก็มีการปลดล็อคด้วยการสแกนลายนิ้วมือข้างเครื่องตรงบริเวณปุ่มปลดล็อกหน้าจอ หรือถ้ารู้สึกว่าไม่ชินกับการวางนิ้วสแกนข้างเครื่องก็มีการสแกนด้วยใบหน้ารองรับด้วยนะ
แบตเตอรี่ให้มาที่ 5000 mAh พร้อมความสามารถชาร์จไฟ Mi Turbo Charge 33 วัตต์ ชาร์จแบตเตอรี่ตั้งแต่ 0 – 100% ภายใน 25 นาที
สเปก
มากันที่เรื่องของสเปกกันบ้าง Redmi Note 10 ใช้ CPU เป็น Qualcomm Snapdragon 678 โดยเราลองทดสอบผ่าน 3D Mark ในโหมด Stress Test จำลองว่าหากเล่นเกมนาน ๆ จะส่งผลกระทบอะไรกับการเล่นหรือเปล่า
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ต้องบอกว่าเลยว่าดี เพราะได้เปอร์เซ็นต์ค่าความคงที่ของการใช้งานอยู่ที่ 99.2% นั่นหมายถึงเวลาที่เราเล่นเฟรมเรตจะตกน้อยมาก ในขนาดที่การเทสต์ประสิทธิภาพกราฟิกที่ชิปประมวลรุ่นนี้ทำได้ที่ 476 คะแนน
สลับไปดูการเทสต์บน Geekbench 5 กันบ้าง สำหรับ Single-Core ทำคะแนนไปได้ 515 ในขณะที่ Multi-Core ได้ 1587 โดยภาพรวมคือเกมแห่งยุคทั้งหลายอย่าง ROV, PUBG หรือ Call of Duty เล่นได้ปกติแค่อาจต้องมีการตั้งค่ากราฟิกระดับ medium กับ low ตามแต่ละเกม
ส่วนเรื่องของ RAM ก็ให้มาถึง 6GB และหน่วยความจำภายในที่ 128GB สามารถใส่ microSD Card เพิ่มได้อีกหนึ่งชิ้น และตามธรรมเนียมของสมาร์ตโฟนระดับกลางที่ใส่ซิมการ์ดได้ 2 ช่อง
ข้อสังเกต
Redmi Note 10 หลังจากที่แบไต๋กันมาแล้วเจอ ที่อยากฝากไว้ให้พิจารณา คือเครื่องนี้ไม่รองรับ 5G นะ แต่เมื่อพิจารณาจากราคาแล้วก็สมเหตุสมผลซื้อรุ่นนี้ไปใช้กันก่อน รุ่นถัดไปรองรับ 5G ก็ค่อยสอยมาก็ได้
รีวิวที่ดีต้องมีราคา
Redmi Note 10 วางจำหน่ายวันที่ 19 มีนาคม มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Onyx Gray, Pebble White และ Lake Green ในความจุ 2 ขนาด ได้แก่
- ความจุ RAM 6GB + ROM 128 GB ราคา 5,999 บาท วางจำหน่าย ที่ Mi Stores, ร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์
- ความจุ RAM 4GB + ROM 64 GB ราคา 4,999 บาท โดยวางจำหน่ายเฉพาะบน Lazada ระหว่างวันที่ 19 – 29 มีนาคม และทุกช่องทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคมเป็นต้นไป
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส