กล้าพูดเลยว่า OPPO Enco X เป็นหูฟังแบบ True Wireless ที่ชอบที่สุดรุ่นหนึ่งของปี 2021 นี้เลย เพราะออปโป้ทำการบ้านร่วมกับ Dynaudio แบรนด์เครื่องเสียงจากเดนมาร์กในการพัฒนาหูฟังรุ่นนี้ออกมาได้ดีจริง ๆ วันนี้จะมาเจาะลึกข้อดี ข้อสังเกตของหูฟังรุ่นนี้ให้ฟังกัน
ดีไซน์
พูดถึงดีไซน์ตัวหูฟังกันก่อน เริ่มจากกล่องชาร์จ เป็นทรงรี ๆ แบน ๆ แบบนี้ แล้วก็มีเส้นสีเทาคาดรอบกล่องตรงนี้ ซึ่งไม่ใช่อยู่ ๆ OPPO คิดจะทำกล่องหูฟังแบบนี้แล้วก็ดีไซน์เลยนะ มันมีเรื่องราวตรงที่เป็นดีไซน์ที่สดุดี OPPO X3 เครื่องเล่น MP3 รุ่นแรกของบริษัทเมื่อสิบกว่าปีก่อน ซึ่งนำมาออกแบบเป็นหูฟัง True Wireless ที่ดีที่สุดของออปโป้ในปีนี้
ส่วนประกอบอื่น ๆ ของเคสก็มีปุ่มสำหรับกดเพื่อเข้าโหมด Pair หูฟังเข้ากับอุปกรณ์อยู่ที่เคสนี้นะ แล้วก็มีพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จไฟ และด้านหน้าจะมีไฟดวงเล็ก ๆ สำหรับแจ้งสถานะการชาร์จหรือการ pairing กับอุปกรณ์ และด้านหลังก็เห็นโลโกชัดเจนว่า Co-Created With Dynaudio หรือ OPPO ร่วมงานกับ Dynaudio ในการสร้างหูฟังรุ่นนี้ออกมา
มาที่ตัวหูฟังกันบ้าง ก็จะเป็นหูฟังแบบ In-ear ดีไซน์ก้านสั้น ก็ทำให้ใส่สบายก้านไม่เกะกะ น้ำหนักเบาใส่นาน ๆ ไม่เมื่อยหู ไม่ปวดหู แถมยึดเกาะหูได้ดี ไม่หลุดจากหูออกมาง่าย ๆ พร้อมกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP54 คือสามารถกันฝุ่นส่วนใหญ่และกันละอองน้ำได้ แต่ลงน้ำไม่ได้นะ
และแน่นอนสำหรับหูฟังแบบ In-ear ก็ต้องมีจุกหูฟังอีก 2 ขนาดอยู่ในกล่อง รวมที่ติดอยู่กับหูอยู่แล้ว ก็มีจุกหูฟัง 3 ขนาด ให้เลือกใส่จนเหมาะกับหูของเรา
OPPO Enco X นั้นมี 2 สีให้เลือก คือสีขาวแบบนี้ แล้วก็สีน้ำเงิน ใครที่คิดว่าหูฟังสีขาวใส่แล้วจะเลอะง่าย ก็ซื้อสีน้ำเงินได้
เสียง
เสียงจาก OPPO Enco X เป็นเสียงที่คนรักเสียงดนตรีจะชอบได้ง่าย ๆ เลย ที่โดดเด่นที่สุดคือเสียงเบส เสียงกระแทกจังหวะต่าง ๆ ที่ Impact มาก รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนภายในหูของเราได้เลย แต่ก็เป็นเบสที่กระชับมาก ไม่ไปกวนเสียงกลางจนมัว ทำให้เสียงกลาง-แหลม ยังสดใสมีรายละเอียดของดนตรีและเสียงร้อง แต่ก็ไม่ได้ใสมากจนปลายเสียงแตก รวม ๆ คือเป็นเสียงเน้นเบสหน่อย ใครชอบฟังจังหวะน่าจะชอบ แต่ก็ไม่ทิ้งเสียงอื่น ๆ จนด้อย
อีกเรื่องที่หลายคนสนใจคือฟังก์ชันการตัดเสียงรบกวนภายนอกหรือ ANC (Active Noise Cancelling) ซึ่งหูฟังรุ่นนี้มีไมค์ 3 ตัวต่อข้าง สามารถตัดเสียงแบบ Hybrid ได้คือมีไมค์ Feedback ด้านในหูฟังเพื่อวิเคราะห์เสียงรบกวนที่ยังอยู่ในหู มีไมค์ Feedforward ด้านนอกรับเสียงรบกวน แล้วเอาเสียงมาประมวลผลหักล้างกัน สุดท้ายคือไมค์ตัวที่ 3 ที่ปลายก้าน เน้นรับเสียงพูด
ซึ่ง OPPO Enco X มีระบบตัดเสียงรบกวนให้เลือกใช้ 4 รูปแบบเลย ตั้งแต่ตัดเสียงรบกวนสูงสุด คือถ้าเปิดใช้แล้วจะรู้สึกถึงความเงียบทันที ถ้าเปิดเพลงก็แทบไม่ได้ยินเสียงภายนอกเลย ถือว่าตัดเสียงรบกวนได้ดีมาก แต่ถ้าใครไม่อยากเงียบขนาดนั้น ก็ยังมีโหมดตัดเสียงรบกวนปกติให้เลือก ส่วนถ้าใครต้องการอายุแบตเตอรี่สูงสุดก็สามารถปิดโหมดตัดเสียงได้ แต่โหมดสุดท้ายถ้าต้องการให้เสียงภายนอกเข้ามาด้วย ก็เลือกเป็น Transparency ได้ ซึ่งโหมดนี้ก็รับรู้เสียงภายนอกได้เป็นธรรมชาติดี สามารถคุยกับคนอื่นรู้เรื่อง หรือจะใช้เวลาคุยโทรศัพท์ ก็ทำให้เสียงพูดไม่ก้องในหู ทำให้อึดอัดน้อยลง แต่ระบบจะให้เราเลือกใช้ได้ 2 โหมดเพื่อให้สลับใช้งานง่าย ๆ
ทำไม OPPO Enco X ถึงเสียงดีขนาดนี้ ?
ก็ต้องบอกว่า เป็นการรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญด้านเสียง OPPO และ Dynaudio โดย Dynaudio เป็นผู้ผลิตลำโพงระดับ High-end ที่มีราคาสูงมาก ได้มาพัฒนาระบบเสียงร่วมกับ OPPO ทำให้ OPPO Enco X มีประสิทธิภาพเสียงทางดนตรีในระดับ High-end อัดเทคโนโลยีลงไปเพียบ เรียกรวม ๆ ว่า DBEE 3.0 หรือ Dynamic Balance Enhanced Engine 3.0
เริ่มจากสิ่งที่สำคัญที่สุดคือไดร์เวอร์หรือดอกลำโพงเล็ก ๆ ในหูฟังรุ่นนี้มีถึง 2 ดอกต่อข้าง ที่เรียกว่า Coaxial Dual-Driver Design ลำโพงใหญ่คือ 11mm dynamic driver ให้เสียงต่ำ และลำโพงเล็กคือ 6mm balanced membrane driver ให้เสียงสูง-กลาง ที่สอดประสานกัน ไม่ขัดแย้งกันจนเสียงพร่ามัว
นอกจากนี้ยังรองรับ Codec เสียง 3 ตัวคือ SBC ที่เป็นมาตรฐานของ Bluetooth, AAC ระบบเสียงที่ดีขึ้นสำหรับอุปกรณ์ที่รองรับ และ Codec ที่ดีที่สุดคือ LHDC ให้เสียงคมชัดเหมือนต้นฉบับ ลดการ Delay ที่ส่งเสียงด้วยแบนด์วิดท์สูง ให้คุณภาพเสียงระดับ Hi-Res ผ่านการฟังแบบไร้สายได้เลย แต่อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับหูฟังก็ต้องรองรับ LHDC นะครับถึงจะใช้มาตรฐานนี้ได้ เช่น OPPO Find X2 Pro 5G หรือ OPPO Reno 4, Reno 3, Reno 2 ส่วนรุ่นอื่น ๆ จะมีอัปเดตตามมา
อีกจุดที่ OPPO Enco X ทำได้ดีคือการคุยโทรศัพท์ เราเอาไปใช้คุยโทรศัพท์จริง ๆ และ LINE Call ปลายสายก็ไม่มีการบ่นว่าเสียงพูดของเราฟังยากเลย
แถมหูฟังนี้ยังสามารถใช้งานหูฟังข้างไหนก็ได้เป็นหูหลัก เราจะใช้หูฟังข้างซ้ายหรือข้างขวาคุยโทรศัพท์ข้างเดียวก็ได้ จะอึดอัดเวลาคุยน้อยกว่า
การควบคุมการใช้งาน
หูฟังที่ดีก็ต้องมีการควบคุมที่ดีใช่ไหม สำหรับ OPPO Enco X จะควบคุมด้วยการแตะที่ก้านหูฟังเป็นหลัก ท่ามาตรฐานคือ แตะ ๆ ที่หูซ้ายหรือขวาเพื่อเปลี่ยนเพลง, ลูบขึ้น-ลงเพื่อเพิ่ม-ลดเสียง, กดแตะค้างที่หูฟังจนมีเสียงเพื่อเปลี่ยนโหมดตัดเสียงรบกวน นอกจากนี้เมื่อถอดหูฟังออก เพลงก็จะหยุดด้วย
แต่เราก็สามารถปรับรูปแบบการสั่งงานนี้ได้ทั้งหมดผ่านแอป สำหรับมือถือ OPPO เราเข้าไปปรับการสั่งงานจากหน้า Bluetooth ของระบบหลังจากเชื่อมต่อหูฟังได้เลย ซึ่งการเชื่อมต่อกับมือถือ OPPO ด้วยกันเองจะมีกราฟิกสวย ๆ แสดงการเชื่อมต่อพร้อมแสดงแบตเตอรี่ด้วย แถมยังสามารถทดสอบการใส่หูฟังว่าเราใส่หูฟังแน่นดีไหม และสามารถอัปเดตเฟิร์มแวร์ได้ด้วย
ส่วนมือถือ Android อื่น ๆ ก็สามารถโหลดแอป HeyMelody จาก Play Store มาใช้ปรับแต่งหูฟังได้แบบเดียวกับมือถือของ OPPO เลย ส่วน iOS ยังไม่มีแอปนะ
แบตเตอรี่
ส่วนอายุแบตเตอรี่ออปโปแจ้งกับเราว่า หูฟังรุ่นนี้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 4 ชั่วโมงถ้าเปิดระบบ ANC ขั้นสูงสุด และเอาไปชาร์จต่อในเคสได้อีก 4 รอบ รวมอายุการใช้งาน 20 ชั่วโมง ส่วนถ้าไม่เปิดระบบ ANC จะใช้งานต่อเนื่อง 5.5 ชั่วโมง และถ้าเอาไปชาร์จกับเคสเรื่อย ๆ จะใช้งานได้ 25 ชั่วโมง
ซึ่งนอกจากเราจะชาร์จหูฟังผ่านช่อง USB-C ได้แล้ว ยังสามารถเอาไปชาร์จไร้สายได้ด้วย จะวางบนแท่นชาร์จ หรือวางบนมือถือที่มีระบบ Reverse Wireless Charge ก็ทำได้ทั้งนั้น
ข้อสังเกต
สำหรับ OPPO Enco X น่าจะทำให้ควบคุมผ่านแอปได้ไปเลย เช่นสามารถเลือกโหมดการตัดเสียงรบกวนจากในแอปได้ เพราะตอนนี้เราสามารถเลือกรูปแบบการแตะหูฟังเพื่อปรับการตัดเสียงรบกวนได้ แต่เราก็ต้องไปแตะหูฟังเพื่อปรับด้วยตัวเองอีกที ไม่สามารถกดจากแอปได้ตรง ๆ แถมสำหรับคนที่ชอบปรับแต่งเสียงด้วยตัวเอง หูฟังรุ่นนี้ปรับ EQ ของตัวเองไม่ได้ ถ้าจะปรับคงต้องปรับกันจากแอปเล่นเพลงกันเอง
(อัปเดต) ใน Firmware ล่าสุด ผู้ใช้สามารถเลือก EQ ได้ 3 แบบ และสามารถเลือกระดับการปรับเสียงรบกวนจากแอป HeyMelody ได้โดยตรงแล้ว
นอกจากนี้บางจังหวะที่เราใส่หูฟังเข้าออก ก็อาจจะมีการลั่นคำสั่งบ้าง ถ้าเราจับหูฟังไม่ดี เช่นจับก้านหูฟังจนมันคิดว่าเราแตะเบิ้ล เพลงก็จะเปลี่ยนเองเป็นต้น
รีวิวที่ดีต้องมีราคา
OPPO Enco X เปิดตัวในไทยด้วยราคา 5,999 บาท
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส