วันนี้ต้าอยู่กับ ROG Phone 5 เกมมิ่งสมาร์ตโฟนที่แรงที่สุดในเวลานี้ ใช้ซีพียูทรงพลัง Snapdragon 888 กับจอลื่นตาระดับ 144Hz แถมใส่อุปกรณ์เสริมได้ด้วย!
เกริ่นเรื่องเลขรุ่นกันหน่อย ถ้ายังจำได้รุ่นล่าสุดก็คือ ROG Phone 3 ที่ผมเคยรีวิวไปแล้ว แต่รุ่นนี้ที่ออกมาข้ามเลข 4 มาใช้เป็น ROG Phone 5 เลย ที่ข้ามก็เพราะเลข 4 ในความเชื่อจีน มีความหมายไม่ดีครับ
แกะกล่องออกมา ปกติแล้วกล่องมือถือเวลาเราแกะออกมาก็แทบจะไม่ได้จับเลยใช่ไหมครับ แต่รุ่นนี้เขาใส่ลูกเล่นมาให้เราสแกน AR เพื่อดูอนิเมชันเพลิน
ส่วนอุปกรณ์ที่ให้มา ก็มีอะแดปเตอร์ HyperCharge USB-C 65W พร้อมสายถักที่สวยงาม แข็งแรงด้วยนะ นอกจากนี้ก็มีเคสแถมมาให้ เป็นพลาสติกสีดำ ผมว่าป้องกันได้เฉพาะรอยขีดข่วน แต่คงไม่ได้กันกระแทก ส่วนหูฟังอันนี้ไม่ได้แถมให้ รวมถึงฟิล์มกันรอยด้วยนะ อันนี้ผมแอบเสียดาย
ดีไซน์
พูดถึงงานออกแบบดีไซน์ของ ROG Phone 5 รุ่นนี้ชูความเป็น Dot Matrix สังเกตได้จากลวดลายจุด ๆ บนฝาหลังได้เลย อีกทั้งตัวโลโก้ ROG ยังมีไฟ RGB วิบวับ ๆ ปรับแสงสีได้! ถูกใจเกมเมอร์จริง ๆ แต่ฝาหลังแอบเห็นรอยนิ้วมือง่ายไปนิด แก้ได้ด้วยการใส่เคสครับ
ด้านหน้าจอ ROG Phone 5 ก็ใช้จอ Samsung AMOLED ความละเอียด FHD+ ขนาด 6.78 นิ้ว แสดงสีแม่นยำระดับ DELTA E น้อยกว่า 1 แถมรองรับ HDR 10+ ด้วยนะ
แต่จุดที่เราเหล่าเกมเมอร์สนใจคือค่า Refrest rate เป็นหลัก รุ่นนี้จัดมาให้สูงถึง 144Hz แถมยังตอบสนองการทัชระดับ 300Hz ที่ทัชปุ๊บติดปั๊บ ถามว่าดียังไงเดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังช่วงเล่นเกมครับ
ส่วนไมโครโฟน ROG Phone 5 จัดเต็มครับ ให้มา 4 ตัว กระจายอยู่รอบเครื่อง (หลัง บน ล่าง ขวา) คุณภาพเสียงที่ได้ ผมว่าเสียงดีอยู่นะ เวลาไลฟ์ตอนเล่นเกมเสียงชัดแน่ ๆ ต่อด้วยลำโพงคู่ที่อยู่บนและล่าง อย่างรุ่นที่แล้วผมจำได้ว่าเสียงดีมาก เสียงดังเบสแน่นกว่ามือถือทั่วไปเยอะเลยครับ ผมไม่ได้มโนไปเองนะ รุ่นนี้ติด 1 ใน 5 คุณภาพเสียงดีจาก DXOMark ที่สูงถึง 79 คะแนน
แต่ถ้าใครอยากได้ใช้หูฟัง รุ่นนี้เขาก็เอาช่อง 3.5 มม. พร้อมกับใส่ชิปเสียงคุณภาพสูง อย่าง DAC ESS SABRE PRO รหัส ES9280AC Pro ชิปเสียงคุณภาพสูงใส่มาให้ด้วย คุณภาพเสียงดี รวมถึงรองรับ การอ่านไฟล์ HI-RES และปรับแต่งเสียงผ่าน AudioWizard ได้เลย
ส่วนข้าง ๆ กันก็จะมี USB-C จุดแรก ส่วน USB-C อีกจุดอยู่ตรงกลางเครื่องฝั่งซ้าย ใกล้ ๆ กันมีช่อง 5 Pin ไว้ต่ออุปกรณ์เสริมแบบนี้ครับ เท่ป่ะล่ะ! ซึ่งอุปกรณ์เสริมตัวนี้ชื่อว่า AeroActive Cooler 5 เอาไว้ระบายความร้อน พร้อมกับเป็นปุ่มเสริมให้กับการเล่นเกม และยังสามารถกางบานพับด้านหลังออกมาเป็นขาตั้งได้อีกด้วย เจ๋งมาก จริง ๆ ยังมีอีกเยอะเลย ซึ่งส่วนใหญ่ต้องจ่ายตังซื้อเพิ่มครับ กลับมาที่เครื่อง ส่วนแถบแดง ๆ ตรงนี้คือถาดใส่ซิมการ์ดแบบคู่ ที่รองรับ 5G ครับ
สลับไปที่ด้านขวา จะมีปุ่ม Power สีแดง ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และจุดเด่นของ ROG Phone 5 อย่าง AIR TRIGGERS 5 สองฝั่งตรงนี้ครับ! ถ้าเทียบกับจอยเกมก็คือปุ่ม R1/ R2 นั่นเองครับ
มาพูดถึงน้ำหนักตัวเครื่องกันบ้าง มือถือสำหรับเล่นเกมแบบนี้จะหนักไหม น้ำหนักอยู่ที่ 243 กรัม ชั่งพร้อม AeroActive Cooler 5 น้ำหนักอยู่ที่ 283 กรัม ส่วนความหนาอยู่ที่ 9.9 มม. ถือว่าไม่มากสำหรับมือถือที่อัดสเปกมาโหด ๆ แบบนี้
สเปก
รุ่นนี้ใช้ซีพียู Qualcomm Snapdragon 888 ตัวแรง ที่วางตำแหน่งไว้ที่กลางเครื่องเพื่อให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้ดีที่สุด ร่วมกับ AeroActive Cooler 5
ผมลองเทสผลกับ Geekbench 5 ได้คะแนนแบบ Multi-Core อยู่ 3659 คะแนน ลองเอาไปเทียบกับอันดับมือถือ Android แล้ว ตัวนี้แรงที่สุด ด้านกราฟิกก็ทดสอบด้วย 3DMark Wild Life แบบ 20 รอบติด คะแนนที่ออกมาอยู่ที่สูงสุด 5844 และต่ำสุด 5333 ครับ ถือว่าทำได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ ในตอนนี้เลยครับ
ในส่วนของแรมก็ให้มาสูงถึง 16GB ส่วนหน่วยความจำก็ให้มา 256GB เป็นแบบ UFS 3.1 ที่เร็วกว่ามือถือทั่ว ๆ ไปครับ ด้านแบตเตอรี่เองก็ให้มาเป็นแบบ 6000mAh โดยแบ่งเป็น 3000+3000mAh พร้อมกับมี HyperCharging 65W ระบบชาร์จไว 0-70% ในเวลา 30 นาที เรียกว่าให้แบตเตอรี่มาแบบเพียงพอต่อการเล่นเกมต่อเนื่องยาว ๆ แน่นอนครับ
ลองเอามาเล่นเกมกันบ้าง เกมที่ทดสอบคือ Genshin Impact ครับ ลองปรับภาพสูงสุด กับ 60 FPS ก็บอกเลยว่า ลื่น สุด สุด! เลยครับ เวลาใช้เอฟเฟกต์เยอะ ๆ แทบไม่มีอาการเฟรมดรอปเลย ส่วนเรื่องความร้อน ก็เช็กได้เหมือนกันผ่าน Real-time info อันนี้เราจะเห็นการทำงานของ CPU GPU แบตเตอรี่ ความร้อน และ FPS ครับ
พอพูดถึง FPS อันนี้หลายคนคงอยากรู้ว่า หน้าจอ 144Hz จะมีเกมไหนที่รันถึงบ้าง อันนี้จะอยู่ในแอป Armory Crate หัวข้อ Featured ครับ โหลดไปเล่นกันได้
และการที่ ROG Phone 5 มี AIR TRIGGERS หรือ R1 / R2 ขึ้นมาก็จะช่วยเพิ่มความได้เปรียบให้กับการเล่นเกมด้วยนะครับ
มาพูดถึงเรื่องความร้อนกันบ้างครับ สำหรับการทดสอบเล่นเกมตลอดการรีวิว ความร้อนเครื่องสูงสุดจะอยู่ที่ราว ๆ 50 องศาครับ ถือว่าปกติ แต่ถ้าเราใส่อุปกรณ์เสริมอย่าง AeroActive Cooler 5 ก็จะช่วยลดความร้อนลงมาเหลือราว ๆ 45 องศา แม้ความร้อนจะลดลงไม่เยอะ แต่ประสิทธิภาพจะเห็นความต่างเลยครับ
นอกจากนี้ ROG Phone 5 ยังมีปุ่มให้เลือกโหมดการทำงานของเครื่องด้วยครับ โดยกดปุ่ม X Mode+ บนแถบแจ้งเตือนได้เลย หรือถ้าจะปรับแต่งเองก็เข้าไปปรับได้ที่ Armoury Crate เลยครับ
กล้อง
ROG Phone 5 ให้กล้องหลังมา 3 เลนส์ คือ เลนส์หลัก 64MP f/1.8 รองรับการถ่ายวิดีโอสูงสุดถึง 8K 30fps หรือถ้าอยากถ่ายสโลโมชันก็ได้ที่สูงสุด 4K 120fps เลย นอกจากนี้ยังมี Motion Tracking เอาไว้จิกโฟกัสเวลาถ่ายวัตถุเคลื่อนไหวครับ ด้านการถ่ายภาพธรรมดาก็จัดว่าเด็ด เก็บรายละเอียด แสง สี ได้ดี
ถัดมาเลนส์ Ultra-wide 13MP f/2.4 เก็บภาพได้กว้างจุใจเลย, สุดท้ายเป็นเลนส์ Macro 5 MP f/2.0 เอาไว้ถ่ายภาพใกล้ ๆ ครับ กลับมาที่กล้องหน้า 24 MP, f/2.5 อันนี้รองรับการถ่ายวิดีโอที่ 1080p 30fps และรองรับการปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้าด้วยนะ หรือช่วงนี้ใส่หน้ากากสแกนหน้าไม่ได้ ก็สแกนลายนิ้วมือบนจอได้เหมือนกันครับ
โดยสรุปเรื่องกล้องถือว่าทำได้ดีครับ แต่ถ้าสู้กับเรือธงค่ายอื่น ๆ ก็คงจะไม่ได้เพราะ เขาออกแบบมาเพื่อเน้นประสิทธิภาพเล่นเกมเป็นหลัก
ข้อสังเกต
ผมบอกเลยว่า ROG Phone 5 ถือว่าเป็นขั้นสุดสำหรับมือถือฝั่ง Android ทั้งสเปก หน้าจอ การใช้งาน แต่ก็ยังมีข้อสังเกตครับ คือรุ่นนี้ไม่กันน้ำครับ แต่เขาก็ไม่ได้กันมาตั้งแต่รุ่นแรกแล้วนะ ตรงนี้อยากให้มีครับ
รีวิวที่ดีก็ต้องมีราคา
ROG Phone 5 พร้อม AeroActive Cooler มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 29,990 บาท ดูข้อมูลเพิ่มเติม https://th.rog.gg/j6VrP