สวัสดีค่ะเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวแบไต๋
กลับมาเจอกันอีกครั้งนะคะ กับภาคต่อของ “อยากเก่งอังกฤษ จำเป็นไหมต้องไปเมืองนอก?”
สัปดาห์ที่แล้วเวลากระชั้นชิด ต้องรีบโพสต์บทความ แล้วออกไปทำธุระต่อ
( โพสต์ มาจากศัพท์ภาษาอังกฤษว่า “Post” เลยต้องสะกดด้วย “ต์” แบบนี้นะคะ
ครูทอมคำไทยสอนเอาไว้ใน #แบไต๋ไอที อย่าลืมใช้กันให้ถูกต้องด้วยนะฮ้าฟ )
เขียนค้างไว้ถึงแค่เรื่องพื้นฐาน ยังไม่ได้เจาะลึกถึงรายละเอียด ว่าที่บอกว่าอยากเก่งภาษาอังกฤษ เราฝึกเองได้ นี่ต้องทำยังไง
ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรือพูดภาษาอังกฤษบ่อยๆ เดี๋ยวก็เก่งเองเนี่ย
การลงมือปฏิบัติให้เห็นเป็นรูปธรรม จริงๆแล้วต้องทำอย่างไร
ใครยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 อ่านย้อนหลังได้ที่นี่เลยค่ะ
http://www.beartai.com/article/faunglada/5891
เอาล่ะ สัปดาห์นี้เราก็จะมาต่อกัน สำหรับหลายๆคนที่อยากฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษด้วยตนเอง
ทำได้ง่ายๆในชีวิตประจำวันของเรานี่แหละ ไม่ต้องไปไกลถึงเมืองนอกเมืองนา
แต่อาจจะต้องอาศัยความตั้งใจจริง แรงกระตุ้น บวกกับความพยายามเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย
ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตนเอง เพื่ออนาคตการสปี๊คอิงชลิชอันสดใส
(เฟื่องไม่ได้บอกว่าวิธีต่างๆที่เฟื่องกำลังจะเล่านี้จะใช้ได้ผลกับทุกคน ทุกวิธี
แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เฟื่องทำจริงๆ แล้วคิดว่าเป็นปัจจัยเริ่มต้นสำคัญที่ช่วยทำให้เฟื่องมีพื้นฐานภาษาอังกฤษ
สามารถต่อยอดมาได้จนถึงทุกวันนี้
ใครคิดว่าตัวเองเหมาะกับวิธีไหน จะเลือกเอาไปลองใช้ซัก 2-3-4 วิธีก็ตามสะดวกเลยค่าาา)
ดูหนังเป็นกิจกรรมที่หลายๆคนทำเป็นประจำอยู่แล้ว และเชื่อว่าสมัยนี้ส่วนใหญ่ก็ดูหนังแบบพากย์อังกฤษ Subtitle ไทยกัน
(ใช่มั้ยคะ ?ฮ่าๆ ใครที่ยังดูพากย์ไทยอยู่สารภาพมานะ ! แล้วเปลี่ยนรีบเปลี่ยนมาดูแบบอินเตอร์เดี๋ยวนี้ !)
ดังนั้น ทำสิ่งที่เราชอบไปด้วย แล้วก็ได้เรียนภาษาอังกฤษไปด้วย… โว้ว อะไรจะดีขนาดนั้น ทำกันเต๊อะ!
ขั้นตอนง่ายๆในการฝึก มีดังนี้
-> เปลี่ยนมาดูหนัง/รายการทีวีแบบ Sound ภาษาอังกฤษ
-> ลองฟังให้พอผ่านหู ควบคู่ไปกับการอ่านซับไตเติ้ล
ในช่วงแรกนี้ ยังไม่ต้องโฟกัสว่าฉันต้องฟังๆ เพราะจะกดดันตัวเองมากไป แถมดูหนังไม่สนุก
อ่านซับไตเติ้ลไปเป็นหลักเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่คราวนี้ลองเปิดโสตประสาทหูของคุณให้กว้างๆไว้
-> ฟังไปด้วย อ่านเทียบกับซับไตเติ้ลไปด้วย
ฟังไปบ่อยๆนานๆ จะมีคำที่เราพอคุ้นหู และจับใจความได้บ้าง
ลองฟังแล้วดูซิ คำนี้ในซับไตเติ้ล เขาแปลว่าอะไร หรือลองฟังทั้งประโยค แล้วอ่านซับดูซิ ว่าเขาแปลยังไง
-> ฟังคำไหนออก ลองออกเสียงตาม อันนี้แนะนำสำหรับการดูหนังที่บ้านอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ
ฮ่าๆ อย่าริหาญไปทำในโรงหนังเด็ดขาด ฟังให้ชัด เลียนแบบให้ถูก เสียงสระ/ตัวสะกด/stress เขาออกยังไง
ลอกมาให้ครบ พูดบ่อยๆให้กล้ามเนื้อปากและลิ้นได้บริหารกันบ้าง
หรือถ้าฟังออกทั้งประโยค ก็ลองก๊อปปี้มาพูดทั้งประโยคเลย เท่จะตายไป
(เวลาพูด อย่าลืมใส่น้ำเสียง/อารมณ์เหมือนตัวละครในหนังด้วยนะ อินมาก บอกเลย)
-> ฟังก่อน อ่านซับไตเติ้ลทีหลัง ขั้นนี้คือ Advance ขึ้นมาอีกระดับนึง อาศัย 3 ส่วนด้วยกันคือ
:: ฟังสำเนียง Native ออก โดยการฝึกปรือ ดูหนังบ่อยๆให้หูของคุณคุ้นเคยกับสำเนียงเจ้าของภาษา
:: คลังคำศัพท์พอประมาณในหัว จากการสั่งสมวิชาด้วยการฝึกทักษะอังกฤษด้วยวิธีอื่นๆ
:: ความกล้า กล้าที่จะท้าทายความสามารถตนเองว่าเราฟังออกไหม รู้เรื่องไหม
แรกๆอาจจะฟังแล้วมาอ่านเทียบซับดูก่อนว่า เราจับใจความถูก แปลถูกหรือเปล่า
พอเริ่มอยู่ตัวก็ฟังอย่างเดียวโลดดด อันไหนไม่ชัวร์จริงๆค่อยกวาดตามาดูซับเทียบ
หากคุณทำได้ถึงขั้นนี้ คุณจะพบว่า ตอนที่เรามัวแต่เอาเวลาไปอ่านซับไตเติ้ลหนัง เราพลาดอะไรๆในหนังไปเยอะเลย
-> เปลี่ยนเป็น English Subtitle
ขั้นนี้ Advance ที่สุด แล้วถ้าทำได้แล้ว ก็ยินดีด้วยค่ะ คุณสามารถสื่อสารกับฝรั่งได้อย่างสบายๆแล้ว
ทำเหมือนเดิมให้หมด แต่แค่คราวนี้เปลี่ยนจากซับไตเติ้ลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษซะ
ฟังไปด้วย อ่านไปด้วย จะได้รู้ว่าจริงๆเวลาเขาพูดประโยคแบบนี้กัน เขาออกเสียงยังไงนะ
หรือบางทีเราฟังคำไหนตกหล่นไป เวลามาอ่านในซับจะได้รู้ว่า อ่ออออ เขาพูดเต็มๆแบบนี้นี่เอง
แนะนำให้มี dict อยู่ข้างๆด้วย เผื่อศัพท์คำไหนฟังไม่ออก แต่จำเป็นต่อการแปลจริงๆจะได้เปิดดูเดี๋ยวนั้นเลย
(แต่จริงๆภาษาอังกฤษ เราไม่จำเป็นต้องรู้ความหมายทุกคำ แค่อ่านโดยรวม เดาจากบริบทแล้วพอเข้าใจได้ก็พอแล้ว
อย่าเป็น perfectionist ต้องเปิดดิกท์ไปซะทุกคำ!)
2. ฟัง/ร้องเพลงภาษาอังกฤษ
การร้องเพลงภาษาอังกฤษ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เก่งขึ้นได้
ช่วงแรกๆที่เราฟังเพลงฝรั่ง บางทีเราก็ยังเดาไม่ออกหรอกว่าบางคำมันคือคำว่าอะไร
(ตัวอย่างเช่น ตอนเด็กๆเฟื่องชอบอินมากร้องเพลงไททานิค แต่ร้องว่า “แอลฟี่ไนท์อินมายดรีม” คือสมัยนั้นเกม Arcade ที่ชื่อว่า Alfie เป็นเกมที่เฟื่องชอบเล่น 55 เลยติ๊ต่างไปซะอย่างงั้น โตขึ้นมาหน่อยเลยถึงเพิ่งรู้ว่า อ๋ออ จริงๆเค้าร้องว่า “Every night in my dream”)
หลักการฟังเพลง/ร้องเพลงให้ได้ความรู้ ง่ายๆค่ะอันนี้
-> หาเพลงที่คุณชอบ มันต้องมีบ้างแหละเพลงที่เราฟังแล้วรู้สึก โอ้วใช่จังเลย
เพราะจังเลย อาจจะเปิดเจอตอนฟังในวิทยุในรถ ในยูทูบ หรืออะไรก็ตามแต่
ฟังไปบ่อยๆเราก็เริ่มอยากจะร้องได้ ร้องตามคลอๆไปก่อน
-> Search หา lyrics (เนื้อร้อง) แต่การร้องเพลงอังกฤษ หากคุณยังไม่เทพจริงๆ
เป็นไปได้ยากมากกกก ที่คุณจะฟังออก ร้องตาม เข้าใจความหมายได้ทุกคำ
เพราะฉะนั้น ว่างๆ เก็บเพลงที่คุณชอบ มาเสิร์ชเนื้อร้องที่ถูกต้องกันเถอะ
คราวนี้เราก็จะได้รู้ว่า อ๋ออออ ที่แท้เขาก็ร้องแบบนี้นี่เอง แปลคำไหนไม่ออกก็เปิดดิกท์ดูเลย
สิ่งที่เราจะได้ก็คือ การออกเสียง การเรียงประโยค และคำศัพท์ใหม่ๆ
แต่เรื่องแกรมมาเป๊ะ ต้องบอกเลยว่า หวังจากเพลงไม่ได้นะคะ
เพราะหลายๆครั้ง นักแต่งเพลงต้องเลือกใช้คำให้ลงกับทำนองที่วางไว้
เป็นข้ออนุโลมของเพลงค่ะ อาจมีการตัดคำช่วย หรือ Verb บางตัวออกไป
ที่ยังเข้าใจความหมายได้อยู่
-> ลองร้องตาม แนะนำให้ Print เนื้อออกมาเลยค่ะ หรือใครใคร่เปิดใน Tablet ก็ได้
แต่แนะในเปิดในโปรแกรมที่สามารถขีดๆเขียนๆลงไปได้นะคะ
เราสามารถจดศัพท์ที่เราไม่รู้ไว้ด้านบนคำ หรือลองร้องตามให้ลงจังหวะ
แล้วลองดูว่า คำไหนต้องออกเสียงรวบไปกับคำไหน
คำไหนออกเสียงนิดเดียวแล้วผ่านไป คำไหนเน้นยังไง
-> ลองเปลี่ยนเนื้อเพลงไทยที่คุณชอบเป็นเวอร์ชันอังกฤษ
วิธีนี้อาจจะฟังดูแหม่งๆ แต่เป็นวิธีที่เฟื่องทำจริง
แล้วก็สนุกดีด้วย ไม่ได้บอกให้มานั่งแปลเนื้อจริงจัง เปิดดิกท์หาศัพท์นะคะ
แค่เวลาว่างๆ ฮัมเพลงในห้องน้ำ แทนที่จะร้องเพลงไทยที่เราชอบเป็นภาษาไทยปกติ
ลองคิดแทนค่าเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ต้องแปลถูกเป๊ะก็ได้
แค่ขอให้ความหมายครบ แล้วคำที่เลือกมาใช้ลงกับทำนองก็พอ
สนุก และท้าทายดีนะคะ อยากให้ลอง 55
3. เล่นเกมที่มีภาษาอังกฤษ
รู้นะว่าหลายคนในนี้เป็นสาวกเกม จะบอกว่าการเล่นเกมก็ช่วยให้คุณเก่งอังกฤษได้! (แต่ต้องเล่นให้ถูกวิธีนะ)
จริงๆมีหลายเกมที่สร้างขึ้นสำหรับฝึกทักษะภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ
ถ้าเล่นเกมแบบนั้นได้เลย ก็จะดีค่ะ (แต่เกมพวกนี้มันไม่สนุกเท่าเกมออนไลน์อย่างอื่นนี่เนาะ)
ฉะนั้น เล่นเกมอะไรก็ได้ ที่มีศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวข้อง
อย่างเช่น ตอนเด็กๆ Ragnarok Online ก็เป็นเกมฮิตช่วงนึงของเฟื่องเลยนะคะ
ได้เรียนศัพท์จากเกมนี้เยอะพอตัว ครูพักลักจำ
ชื่อไอเท็ม (item) ชื่ออาชีพ (job) หูยย อะไรมาสารพัด
แต่การเล่นก็ต้องหมั่นสังเกตและเอามาเชื่อมโยงนะ อ๋ออออ สิ่งนี้ใช้ภาษาอังกฤษแบบนี้นี่เอง
4. อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ
หลายๆคนอาจจะไม่ชอบ และเบื่อกับการอ่านหนังสือ ยิ่งเป็นอังกฤษด้วยแล้วยิ่งไม่อยากจะอ่านเข้าไปใหญ่
เข้าใจยาก แต่ไหนๆก็ขอพูดซักหน่อย
การอ่านหนังสือทำให้คุณได้คำศัพท์/ไวยากรณ์/การเรียบเรียงความคิดในการเล่าเรื่อง ได้ดีที่สุดค่ะ
เพราะการเขียนหนังสือ จำเป็นต้องใช้ไวยากรณ์ที่ถูกต้อง เลือกใช้คำศัพท์หลากหลาย และการร้อยเรียงเรื่อง
ก็ต้องจัดลำดับให้ดี
ฉะนั้นการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษจะทำให้คุณได้ทักษะอ่าน/เขียน เป็นประโยชน์ต่อการใช้อังกฤษในระดับการทำงาน
ไม่ใช่เพียงเพื่อการสื่อสารเท่านั้น คุณจะเขียนเก่งขึ้น มีคลังคำศัพท์มากขึ้น รู้จักการใช้รูปประโยคที่หลากหลายมากขึ้น
การอ่านจริงๆแล้ว อยากให้ลองหาเรื่องง่ายๆมาอ่านก่อน
คำศัพท์ไหนที่ไม่รู้ก็ลองอ่านผ่านๆแล้วเดาจากบริบทเอา ไม่จำเป็นต้องหาความหมายแบบเป๊ะๆทุกคำ
แต่ถ้าเดาไม่ออกจริงๆ แล้วเจอคำนั้นบ่อย จำเป็นต้องทราบความหมาย ก็ค่อยเปิดศัพท์กันก็ได้ค่ะ
หรือออออ ถ้าขยันหน่อย แนะให้รอบแรก อ่านไปแบบไม่เปิดดิกท์ ลองดูให้เข้าใจเรื่องคร่าวๆ
และอ่านรอบสองค่อยลองมาเจาะศัพท์ดู เปิดดิกท์ไปอ่านไป แล้วก็จดคำแปลไว้บนศัพท์
5. เบ็ดเตล็ดกับอังกฤษ
นอกเหนือจากการทำกิจกรรมที่แนะนำไปข้างต้นแล้ว เฟื่องยังอยากแนะนำทิปส์เล็กๆน้อยๆที่จะทำให้คุณเก่งอังกฤษขึ้น
– คุยภาษาอังกฤษ : กล้าคุยภาษาอังกฤษ อาจจะชักชวนเพื่อนหรือคนในครอบครัวที่อยากฝึกมาพูดกัน
และกล้าที่จะออกเสียงอย่างถูกต้อง อย่ากลัวคนจะหาว่าโอเวอร์ ใส่สำเนียงเข้าไปเถอะค่ะ ทำให้เป็นนิสัย
ช่วยได้จริงๆ
– ไม่รู้แล้วหาศัพท์ : หากไม่รู้ ต้องรู้จักหาความรู้ ว่างๆเจอคำอะไรก็เปิดดิกท์ดู คุณจะมีคลังคำศัพท์เยอะขึ้น
สุดท้ายนี้ขอฝากเป็นกำลังใจให้ทุกคนในการฝึกภาษาอังกฤษนะคะ
มีปัญหาหรืออยากรู้อะไรเกี่ยวกับภาษาเข้ามาคุยกันได้ใน twitter: @faunglada
หรือ www.facebook.com/FLD.official นะคะ