มือถือสมัยนี้สวยขนาดนี้แล้วนะครับ นี่คือ OPPO Reno6 Pro 5G ตัวท็อปของกลุ่ม OPPO Reno6 Series 5G แล้ว ฝาหลังสวยขนาดนี้ผมใช้งานไม่ใส่เคสแน่นอน แต่ไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียว เครื่องแรง แถมกล้องดีด้วยครับ วันนี้แบไต๋ให้รู้กัน
ดีไซน์
OPPO Reno6 Pro 5G สี Lunar Grey ซึ่งเป็นสีเทา-เงินพร้อมประกายเมทัลลิคซึ่งมาจากผิวสัมผัสแบบ Reno Glow เอกลักษณ์ของสมาร์ตโฟนตระกูล Reno มานาน ผิวสัมผัสนี้จะเป็นแบบเนื้อทรายละเอียด ซึ่งนอกจากจะสวยแล้วรอยนิ้วมือยังไม่ติดฝาหลังด้วยครับ และฝาหลังนี้เป็นกระจกนะครับ ตรงโลโก้ OPPO ตรงมุมนี้ก็จะ เป็นกระจกเรียบ เวลาเอานิ้วไปลูบผ่านตรงนี้ ผิวสัมผัสจะเปลี่ยนเป็นหนืด ๆ แบบลูบกระจก
ตัวเครื่องนี้หนาแค่ 7.99 มม. งานประกอบแน่นหนาสมเป็นเรือธงกลุ่ม Reno จับแล้วรู้สึกได้ว่านี่คือของแพงที่ออกแบบมาดี ขอบจอโค้งนิด ๆ ที่ไม่มากเกินจนทำให้จอลั่นได้ง่าย แต่ทำให้จับกระชับมือและพรีเมี่ยมขึ้น ส่วนน้ำหนักก็แค่ 188 กรัม ถือสบาย ๆ
กล้องของ OPPO Reno6 Pro 5G นั้นมีถึง 4 ตัว
- ตัวบนสุดคือกล้องซูมแบบ Hybrid 5 เท่า ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล f/2.4
- ตัวกลางคือกล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล f/1.8 เซ็นเซอร์ Sony IMX766 พร้อม OIS
- ส่วนกล้องตัวล่างสุดเป็นเลนส์มุมกว้าง 0.6 เท่า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.2
- กล้องตัวเล็กข้าง ๆ นี้เป็นเลนส์มาโคร 2 ล้านพิกเซล
- และบริเวณแฟลชคู่ยังมีเซนเซอร์วัดอุณหภูมิสีด้วย
ผมโชว์จุดเด่นของภาพถ่ายจาก OPPO Reno6 Pro 5G ให้ดูก่อนเลยคือ Bokeh Flare Portrait ฟิลเตอร์พิเศษในโหมด Portrait ครับ ใช้เพื่อละลายฉากหลังให้จุดแสงเบื้องหลังกลายเป็นดวงไฟโบเก้ที่สวยงาม ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งภาพถ่ายตอนกลางวันและตอนกลางคืนครับ เช่นตอนกลางวันก็ถ่ายใต้ต้นไม้ที่มีแสงลอดลงมา หรือถ่ายตอนกลางคืนก็ถ่ายให้ Background เป็นดวงไฟต่าง ๆ ก็ได้ ซึ่งการถ่ายภาพบุคคลของ OPPO นั้นเชื่อขนมกินได้ว่าสวยงาม ได้สีผิวที่ใสกระจ่าง ความเนียนของการละลายฉากหลัง เพื่อถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอก็ทำออกมาได้ดีเลย ก็น่าจะเป็นกล้องที่คนชอบถ่ายภาพ Portrait ชอบ และได้ใช้กันบ่อย ๆ เพียงแต่ว่าถ้าเป็นที่แสงน้อยแล้วไม่มีไฟส่องที่ตัวแบบ จะถ่ายยากหน่อย เพราะโหมด Portrait เปิดแฟลชช่วยไม่ได้ครับ
แล้วในโหมดวิดีโอ เรายังสามารถใช้ฟิลเตอร์ Bokeh Flare Portrait Video เพื่อทำวิดีโอที่มีไฟโบเก้เป็นดวงสวย ๆ ได้ด้วยนะคะ ก็จะให้ภาพสวยงามเหมือนอยู่ในความฝัน ให้อารมณ์โรแมนติก หวาน ๆ ซึ่งกล้องก็จะประมวลผลฉากหลังและบันทึกวิดีโอที่สวยงามนี้แบบ Realtime เลยที่ความละเอียด 1080p 30 fps
และยังสามารถถ่ายวิดีโอแบบ Portrait Beautification Video ที่จะปรับใบหน้าให้ดูดีขึ้นได้ด้วย โดยถ่ายได้ที่ความละเอียด 1080p 30fps แต่ถ้าเปิดโหมดวิดีโอหน้าสวยพร้อมเบลอฉากหลัง ก็จะเหลือความละเอียดแค่ 720p 30 fps นะคะ
การถ่ายภาพ
กลับมาดูภาพนิ่งจาก OPPO Reno6 Pro 5G กันต่อครับ กล้องของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้จัดเป็นกล้องที่ดีมาก อยู่แถวหน้าของมือถือยุคปัจจุบันได้เลย AI ทำงานร่วมกับ HDR ได้เหมาะสม แค่ยกมือถือขึ้นมาถ่าย แล้วที่ก็เหลือให้กล้องประมวลผลให้ ก็ได้ภาพที่สวยงามแล้ว ไม่ว่าจะถ่ายอาหาร ถ่ายดอกไม้ ถ่ายวิวทิวทัศน์ ถ่าย Gadget ต่าง ๆ ได้ภาพที่ละมุนละไม สีสันสดใส และเพราะเซ็นเซอร์กล้องตัวหลักมีขนาดใหญ่ 1/1.56” ก็ทำให้สร้างมิติภาพชัดตื้น หน้าชัดหลังเบลอได้เวลาถ่ายวัตถุในระยะใกล้
ช่วงซูมก็เป็นอีกเรื่องที่สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ทำได้ดี เริ่มตั้งแต่ช่วงมุมกว้าง 0.6 เท่าที่สามารถเก็บรายละเอียดภาพได้ดีในส่วนกลางภาพ ส่วนขอบภาพจะเห็นลักษณะภาพที่ยืดออก และความคมชัดน้อยกว่ากลางภาพอยู่บ้าง การซูม 2 เท่าก็ให้ภาพที่สวยงามมีรายละเอียดชัดเจน จน Hybrid Zoom 5 เท่าจะเริ่มเห็นริ้วรอยในภาพ แต่ก็ถือว่าเอาไปใช้งานได้อยู่ดี แล้วถ้าซูมต่อเนื่องไปถึง 10 เท่า และสูงสุด 20 เท่าก็จะเห็นริ้วรอยการขยายที่ชัดเจน แต่ก็ยังเห็นรายละเอียดในภาพอยู่ดีครับ เราซูม 20 เท่าไปที่ตึกใบหยก 2 ที่อยู่ไกลเกือบ 4 กิโลเมตร ยังอ่านป้ายไฟโฆษณาด้านบนได้เลย ความสามารถแบบนี้ใช้บ่อยเวลามองอะไรที่อยู่ไกลไม่เห็นครับ ซูมเข้าไปแล้วดูชัด ๆ ได้เลย
ส่วนการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ตัวกล้องหลักซูม 1 เท่าถ่ายได้ดีอยู่แล้วแม้ไม่ได้เปิด Night Mode แต่ถ้าเปิด Night Mode ช่วยก็จะเห็นรายละเอียดในภาพมากขึ้น อย่างภาพที่เราถ่ายย้อนแสงจันทร์ก็จะเห็นรายละเอียดวัตถุมากขึ้น ส่วนกล้องมุมกว้างนั้นต้องใช้ Night Mode ช่วยถ่ายในที่แสงน้อยครับ เพราะจะทำให้ภาพสว่างขึ้นมาก กลายเป็นภาพสวยขึ้นมาเลย และการซูมในที่แสงน้อยนั้นจะใช้เลนส์ 1 เท่าซูมเป็นหลักครับ ดูจากข้อมูลในภาพถ่ายทำให้เข้าใจว่ากล้องไม่ได้ใช้เลนส์ Hybrid Zoom เข้ามาช่วย ทำให้ช่วงซูม 5 เท่าและ 10 เท่าไม่คมเท่าภาพในช่วงกลางวัน
เนื่องจากว่ากล้องหลักของ OPPO Reno6 Pro 5G นั้นมีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ ทำให้การถ่ายภาพวัตถุระยะใกล้ทำได้ยาก สมาร์ตโฟนรุ่นนี้เลยมีเลนส์มาโครโดยเฉพาะเข้ามาช่วยถ่ายภาพ แต่ด้วยความที่เลนส์นี้มีความละเอียดแค่ 2 ล้านพิกเซล คุณภาพเลยด้อยกว่าเลนส์หลักชัดเจน เราจึงแนะนำให้ถ่ายวัตถุในระยะใกล้ที่สุดที่เลนส์หลักจะถ่ายชัด แล้วเอามาครอปจะได้ภาพที่สวยกว่าครับ
การถ่ายวีดีโอ
เจาะลึกเรื่องวิดีโอกันต่อ OPPO Reno6 Pro 5G สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 60 fps แบบภาพและเสียงที่เห็นในตอนนี้นะคะ ซึ่งที่ความละเอียดระดับนี้ระบบป้องกันภาพสั่นไหวจะทำงานน้อยลง และไม่สามารถใช้เลนส์มุมกว้างและเลนส์ซูมช่วยถ่ายได้
ส่วนการถ่ายในระดับ 4K 30 fps ลงมา ภาพจะครอปเข้ามานิดหนึ่งเพื่อป้องกันภาพสั่นไหวค่ะ และสามารถใช้เลนส์หลังทั้ง 3 ตัวเพื่อช่วยถ่ายวิดีโอได้ ระหว่างถ่ายก็สามารถซูมภาพเข้าออกที่จะสลับเลนส์ไปมาทั้ง 3 ตัวได้ด้วย ก็น่าจะเป็นความละเอียดภาพที่ได้ใช้บ่อย
และแน่นอนว่าเป็นสมาร์ตโฟนจาก OPPO ก็ต้องมีโหมดถ่ายวิดีโอ AI Highlight Video ด้วย โดย AI จะวิเคราะห์ภาพและเลือกถ่ายโหมด Live HDR เพื่อเก็บรายละเอียดในส่วนมืดและสว่างให้อัตโนมัติในที่มีแสงมาก
และถ้าเป็นที่แสงน้อยก็จะเปิดโหมด Night มาให้ ทำให้วิดีโอสว่างกว่าการถ่ายปกติ แต่ข้อจำกัดของโหมด AI นี้คือถ่ายวิดีโอได้แค่ 1080p 30 fps เท่านั้น
กล้องหน้า
มาดูกล้องหน้ากัน กล้องหน้าตรงมุมจอนี้มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f/2.4 ซึ่งเป็นกล้องแบบ Fixed Focus ภาพถ่ายจากกล้องหน้าตัวนี้ก็ออกมาดีเลยครับ สีผิวสวย มีโหมดแต่งหน้าให้สวยด้วย แถมสามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้สวยงามเนียนตาดี ซึ่งถ้าต้องการแสงไฟด้านหลังเป็นโบเก้ก็สามารถเปิดโหมด Bokeh Flare Portrait ได้เช่นกันครับ
หน้าจอ
มาต่อกันที่หน้าจอ AMOLED ขอบโค้งของ OPPO Reno6 Pro 5G กันครับ หน้าจอนี้ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ 3D Curved Display ก็ให้สีสันได้สดใสดีมาก ไม่เสียชื่อจอของ OPPO Reno ตัวท็อป ซึ่งจอนี้สามารถแสดงวิดีโอแบบ HDR ได้ทั้ง Youtube, Amazon Prime และ Netflix ได้สวยสด ซึ่งไม่ใช่สมาร์ตโฟนทุกรุ่นที่สามารถแสดงวิดีโอ HDR ของ Netflix ได้นะครับ รุ่นนี้ผ่านการรองรับจาก Netflix และ Amazon มาแล้ว
นอกจากนี้ยังเป็นหน้าจอนุ่ม 90 Hz ที่สามารถแสดงการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ได้นุ่มนวล และยังเป็นจอที่สามารถปรับระดับความสว่างเองได้ฉลาดกว่าเดิม เพราะมีเซนเซอร์วัดแสงแบบ 360 องศา ทั้งที่ซ่อนอยู่ในฝั่งหน้าจอ และเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิสีด้านหลัง ทำให้ความสว่างของหน้าจอถูกปรับอัตโนมัติให้เหมาะมากขึ้น หมดปัญหานอนใช้มือถือย้อนแสงไฟเวลากลางคืนแล้วจอมืดเอง
ดูรอบเครื่องกันครับ OPPO Reno6 Pro 5G มีช่องใส่ซิม 2 ซิมอยู่ด้านล่างนี้ ก็รองรับ 5G เรียบร้อย แต่ใส่ MicroSD เพิ่มไม่ได้นะครับ มีลำโพงแบบสเตอริโอ เสียงออกบน-ล่าง ให้เสียงได้ดังดี แต่ไม่ต้องไปหาช่องหูฟังแบบ 3.5 mm แล้วนะ มือถือรุ่นนี้เป็นระดับพรีเมี่ยมเลยตัดช่องหูฟังไปเรียบร้อย ถ้าอยากฟังหูฟังสายก็ต้องต่อผ่าน USB-C เท่านั้น โดยในกล่องไม่มีหัวแปลงมาให้นะ
แต่เรื่องการส่งเสียงไร้สายนั้นทำได้ดีมากครับ OPPO Reno6 Pro 5G เป็นมือถือที่รองรับ Codec ของ Bluetooth มากที่สุดตัวหนึ่งเลย คือตัวพื้นฐานอย่าง SBC, AAC, LDAC พวกนี้รองรับอยู่แล้ว แต่ที่พิเศษคือรองรับ aptX Adaptive รุ่นล่าสุดที่ย้อนกลับไปรองรับ aptX, aptX LL, aptX HD ด้วย แถมยังรองรับ LHDC มาตรฐานคู่แข่งกับ LDAC ด้วย พูดง่าย ๆ ว่าเอาหูฟังไร้สายรุ่นไหนมาก็รองรับการส่งสัญญาณเสียงไร้สายที่คุณภาพสูงสุดที่หูฟังรุ่นนั้นจะรองรับได้เลย
ส่วนเรื่องการชาร์จ คุณก็รู้ว่า OPPO เป็นเจ้าแห่งการชาร์จเร็วอยู่แล้ว โดยสมาร์ตโฟนรุ่นนี้รองรับ 65W SuperVOOC 2.0 เทคโนโลยีระดับเรือธงชาร์จแบตเตอรี่ 4500 mAh จาก 0-100% ได้เต็มใน 31 นาทีเท่านั้นเอง กลางคืนไม่ต้องชาร์จแล้ว ตื่นมาชาร์จตอนเช้าก็ทัน
สเปก
OPPO Reno6 Pro 5G ใช้ชิป Snapdragon 870 5G แม้ไม่ใช่เบอร์แรงสุด แต่ก็อยู่ในซีรีส์ท็อป และสมาร์ตโฟนเครื่องนี้ก็อัดแรมมา 12 GB ซึ่งก็ใหญ่พอจะใช้งานได้ลื่น ๆ แล้วแหละ แต่ถ้าใช้งานหนักจริง ๆ ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ RAM Expansion เพื่อดึงพื้นที่ในเครื่องมาใช้เสมือนแรมได้สูงสุด 7 GB เลย
ผลการทดสอบประสิทธิภาพด้วย Geekbench 5 ก็ทำคะแนน Multicore ออกมาได้ที่ 3079 คะแนน ซึ่งก็ใกล้เคียงกับ Snapdragon 865 และ 888 ส่วน 3Dmark ชุด Wild Life Stress Test ก็ทำคะแนนออกมาได้น่าประทับใจมาก ได้คะแนนราว 4200 นิ่งๆ ตลอด 20 รอบทดสอบ
ที่ OPPO Reno6 Pro 5G สามารถจัดการกับความร้อนได้ดีขนาดนี้เพราะมีการใช้ชุดระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber ขนาดใหญ่พิเศษ กินพื้นที่ไป 32% ของพื้นที่โทรศัพท์ ซึ่งเมื่อเทสต์กับเกม Genshin Impact แบบปรับคุณภาพสูงสุดพร้อมเปิด 60 fps ก็เล่นได้ลื่น ๆ เฟรมเรตวิ่งอยู่ราว ๆ 40-50 fps ซึ่งก็ให้ความรู้สึกในการเล่นที่ลื่นไหล แต่เมื่อเล่นไปสักพักจะรู้สึกว่าส่วนบนของเครื่องทั้งฝั่งหน้าจอและฝาหลังมีความร้อนสูงพอสมควร แต่ถึงจะร้อน เฟรมเรตก็ยังไม่ดรอปครับ เพราะเครื่องมีการเร่งระบายความร้อนออกมา
ส่วน PUBG นั้นสามารถเลือกคุณภาพได้สูงสุดถึง Ultra HD พร้อมเลือก Frame Rate ในระดับ Ultra ได้ด้วย ซึ่งในเกม Pubg จะสามารถเปิดฟีเจอร์ Vibration Enhancement เพื่อเสริมการสั่นสร้างอารมณ์ร่วมระหว่างเล่นเกมได้ด้วย ซึ่งตอนนี้มีแค่ Pubg และ LOL ที่รองรับ
การสั่นของสมาร์ตโฟนเครื่องนี้ใช้มอเตอร์ที่เรียกว่า X-axis Linear Motor & 4D Vibration ซึ่งเป็นการสั่นแบบผู้ดีเลย แต่ละจังหวะการใช้งานต่าง ๆ เช่นการพิมพ์คีย์บอร์ด หรือกด back ก็จะมีการสั่นที่แตกต่างกัน ทำให้สัมผัสในการใช้งานดีขึ้นครับ
นอกจากนี้ใน ColorOS 11.3 ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 11 นี้ยังมีฟีเจอร์เด็ด ๆ อีกครับ ที่ผมชอบมากคือนี่ครับ แอป O Relax แอปสวรรค์ของการผ่อนคลายเลย คุณสามารถกดฟังเสียงที่ผ่อนคลายได้มากมาย ทั้งเสียงธรรมชาติ เสียงดนตรี หรือ Noise ต่าง ๆ ซึ่งจะมาพร้อมกราฟิกที่สวยงามผ่อนคลาย ซึ่งถ้าเป็นกลุ่มเสียงธรรมชาติ เรายังสามารถมิกซ์เสียงหลาย ๆ แบบลงไปได้เอง เพื่อให้ได้เสียงอย่างที่ต้องการ
แล้วลองกดปุ่มขีด ๆ ด้านข้างแล้วเลือก Explore เราก็สามารถฟังเสียงที่อยู่ในสถานที่จริงของเมืองต่าง ๆ ได้ เช่นผมเลือกเป็น Bangkok หรือกรุงเทพของเรานี่แหละ ก็จะมีเสียงที่ตลาดท่าเตียน, วัดอรุณ แล้วก็หัวลำโพงให้ฟัง ก็เป็น ambient เพลิน ๆ หรือจะฟังเสียงจากโตเกียวก็ได้นะ
และในเมนู Unwind ก็ยังมีเกมเล็ก ๆ ให้เล่นผ่อนคลาย เช่นเกมถูหน้าจอให้เกิดลายเหมือนเวลาเราฝนดินสอกับเหรียญแบบนี้ครับ
ข้อสังเกต
OPPO Reno6 Pro 5G เราว่าอยู่ที่ความร้อนของเครื่องครับ จริงอยู่ว่าความร้อนนั้นไม่ทำให้ประสิทธิภาพเครื่องลดลงมากนักเพราะมีระบบระบายความร้อนอย่างดี แต่เวลาเล่นเกมกินสเปกมาก ๆ อย่าง Genshin Impact ก็ทำให้การจับเครื่องรู้สึกถึงความร้อนชัดเจนครับ
นอกจากนี้เราว่าตำแหน่งปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงกับปุ่มล็อกที่อยู่ตรงกันข้ามกันพอดี มันทำให้ลั่นง่ายไปนิดหนึ่งครับ บางจังหวะที่มีแรงบีบเครื่องซ้าย-ขวา เช่นเวลากำอยู่ในมือ มันก็ทำให้เกิดการแคปหน้าจอ หรือกลายเป็นการปิดเสียงเครื่องไปครับ และอีกเรื่องหนึ่งคือเครื่องนี้ไม่รองรับการชาร์จไร้สายนะครับ
ราคา
OPPO Reno6 Pro 5G ถือเป็นสมาร์ตโฟนพรีเมี่ยมที่น่าสนใจมาก เครื่องสวย กล้องงาม ประสิทธิภาพดี รองรับการเชื่อมต่อหูฟังมากมาย และรีวิวที่ดีต้องมีราคา ซึ่งราคาของ OPPO Reno6 Pro 5G เปิดตัวออกมาที่ราคา 22,990 บาท