คุณผู้ชมวันนี้ผมจะแบไต๋แอป T-Connect บริการจากโตโยต้า ที่มีฟีเจอร์ต่าง ๆ แอป T-Connect เราสามารถเปิดดูได้เลยว่ารถอยู่ตรงไหน บอกแบบนี้ครับว่าเรื่องรถหายเป็นเรื่องใหญ่มาก แถมวิธีการขโมยรถก็เปลี่ยนไป ทำให้โตโยต้าได้พัฒนาระบบ T-Connect ให้สามารถติดตามรถได้ แม้ดับเครื่อง จะน่าสนใจแค่ไหน เดี๋ยวแบไต๋ให้ดู
เล่าให้ฟังก่อนว่า T-Connect เป็นบริการเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับผู้ใช้รถยนต์ Toyota รุ่นใหม่ ๆ โดยเฉพาะ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในทรัพย์สิน ช่วยให้การดูแลรถยนต์เป็นเรื่องง่าย เพื่ออำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ปัจจุบันนี้ T-Connect ได้พัฒนาฟีเจอร์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้รถยนต์ Toyota ได้รับประสบการณ์การใช้งานรูปแบบใหม่ และบริการที่สะดวกสบายที่สุดครับ
ส่วนการใช้งานเพียงดาวน์โหลดแอป T-Connect รองรับทั้ง iOS และ Android แล้วลงทะเบียน กรอกเลขตัวรถ วันจดทะเบียนและเลขทะเบียนรถ เมื่อกรอกเสร็จ แอปจะซิงก์กับรถแล้วใช้งานได้เลย ลงทะเบียนง่ายไม่ยุ่งยาก ตรงนี้ใครที่ใช้รถยนต์ Toyota รุ่นใหม่ ๆ ใช้งานได้ฟรีในปีแรก ส่วนใครที่กังวลว่าข้อมูลที่เรากรอกลงไปจะรั่วไหลไหม ทาง Toyota ใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูงระดับสากล จึงมั่นใจได้ครับว่าข้อมูลของคุณไม่หลุดไปที่อื่นแน่นอน
และถ้ายังกังวลว่าทางโตโยต้าจะนำข้อมูลในแอปฯ T-Connect ไปใช้โดยไม่บอกกล่าว ไม่ต้องห่วงครับ เพราะเขาปฏิบัติตามนโยบายเก็บรักษาข้อมูลของลูกค้าตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด จึงสบายใจได้ หรือตรงนี้หากมีข้อสงสัย สามารถโทรไปสอบถาม Call Center ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยครับ จะมีเจ้าหน้าที่คอย Support ตลอดเวลาครับ
พูดถึงการป้องข้อมูลลูกค้ารั่วไหล หรือ Data Privacy ไป หลายท่านอาจยังไม่มั่นใจ เดี๋ยวผมจะพาไปดูว่าโตโยต้าเขามีการนำข้อมูลไปใช้ หรือจัดเก็บข้อมูลอย่างไรบ้าง
กรณีที่มีการส่งต่อข้อมูลให้กับบริษัทภายนอกหรือ Third Party ยกตัวอย่าง เช่น บริการประกันภัยขับดี ลดให้ PHYD ตรงนี้เทคโนโลยีคอนเนคเต็ดจะมีการนำข้อมูลการใช้รถ พฤติกรรมการขับขี่ของคุณ ส่งต่อให้บริษัทประกันภัย คำนวณออกมาเป็นส่วนลดเบี้ยประกันปีถัดไป โดยตาม พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว ทางโตโยต้าไม่สามารถนำข้อมูลลูกค้าไปใช้ หรือ ส่งต่อให้บริษัทอื่น ๆ และบุคคลภายนอก หากจะนำข้อมูลไปใช้หรือส่งต่อต้องได้รับความยินยอมจากทางลูกค้าก่อนเท่านั้น
ดังนั้น ก่อนเข้าร่วมโปรแกรม PHYD ทางโตโยต้าและบริษัทประกันภัยฯ จะมีการแจ้งเงื่อนไขและขอความยินยอมจากลูกค้าก่อนเสมอ
และถ้ากรณีมีคนอื่นโทรเข้ามาขอข้อมูลเราผ่าน Call Center เช่น โทรมาขอตำแหน่งรถล่าสุด ขอบอกตรงนี้ให้ท่านผู้ชมหายห่วง Call Center ไม่มีทางให้ข้อมูลเรากับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของแน่นอนครับ เขาจะมีการตรวจเช็กก่อนเสมอว่าคนที่โทรเข้ามาเนี่ยใช่เจ้าของรถไหม รวมทั้งให้ส่งหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของรถมายืนยันก่อนให้ข้อมูลทุกครั้งครับ
ส่วนฟีเจอร์เด่น ๆ ของ T-Connect ที่น่าสนใจก็มีเยอะแยะมากมาย แต่ที่เด่น ๆ จริง ๆ เลยก็มีอยู่ 4 ฟีเจอร์ด้วยกัน
Find My Car ฟีเจอร์นี้จะทำให้เรารู้ว่าตำแหน่งรถที่จอดอยู่ที่ไหน และยังสามารถกดปุ่มนำทาง เพื่อขอเส้นทางผ่าน Google Maps กลับไปยังรถได้ เท่าที่ผมทราบ เคยมีลูกค้าหลงป่าแล้วใช้ฟังก์ชัน Find My Car นำทางกลับมาที่รถได้จริงๆ ด้วยนะครับ
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันโหมดจอดรถ อันนี้เราใส่ชั้นจอดรถหรือตำแหน่งเสาและถ่ายรูปไว้ เพื่อหารถได้ง่ายขึ้น ซึ่งโหมดจอดรถยังมีข้อดี เมื่อคุณเปิดโหมดจอดทิ้งไว้ ถ้ารถถูกสตาร์ทโดยคนอื่น โดนขโมย แอปฯ ก็จะส่งแจ้งเตือนความผิดปกตินี้มาให้คุณทันที
อีกทั้งสามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่หรือ Geo-Fencing ซึ่งกำหนดได้ขั้นต่ำ 1 กิโลเมตร สูงสุด 500 กิโลเมตร หากรถของเรามีคนขับออกนอกเขตที่ตั้งค่าไว้ แอปจะเด้งเตือนเพื่อให้เรารู้และสามารถเข้าเช็กตำแหน่งของรถเราได้ เหมาะใช้เวลาไปจอดรถตามสถานที่เปลี่ยว ก็ปักหมุดไว้ อุ่นใจมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ TheftTrack บริการช่วยติดตามรถหาย ถ้าคุณเปิดโหมดจอดรถทิ้งไว้ แบบที่ผมเล่าไปก่อนหน้า เมื่อเกิดเหตุการณ์รถถูกขโมย จะมีแจ้งเตือนส่งมาในกล่องข้อความ เมื่อคุณเช็กใน Find My Car พบว่ารถถูกขโมยจริงๆ คุณสามารถกด SOS ในแจ้งเตือนที่ส่งมา เพื่อขอความช่วยเหลือให้คอลเซ็นเตอร์ช่วยประสานงานกับทางตำรวจเพื่อติดตามรถหายกลับคืนมาได้ ตรงนี้จะมีเจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องตลอด 24 ชั่วโมง
ในกรณีแอปฯ ไม่แสดงตำแหน่งรถยนต์ล่าสุด เนื่องจากขโมยอาจจะขโมยรถขึ้นขึ้นรถยก รถดับเครื่องอยู่ คุณสามารถเปิดตำแหน่งของรถเพื่อระบุพิกัดได้แม้ดับเครื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมา ทีคอนเน็กต์ได้ช่วยลูกค้าติดตามรถหายกลับคืนมาเป็นสิบ ๆ ราย ผ่านบริการติดตามรถหาย เป็นอีกฟังก์ชันที่ช่วยให้หมดกังวล รู้สึกปลอดภัยในทรัพย์สินมากขึ้นเลย
ฟีเจอร์ต่อมาถือว่าเป็นประโยชน์มากกกก อย่าง SOS หากต้องการความช่วยเหลือ เช่น ยางรั่ว รถเสีย
สตาร์ตไม่ติด เพียงกดปุ่ม “ช่วยเหลือฉุกเฉิน” ที่หน้า แอปตรงนี้ ก็จะติดต่อเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์เพื่อบอกพิกัดและประสานความช่วยเหลือได้ทันที สามารถประสานงานได้ทั้งประกันภัย รถยก หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน ตำรวจ สะดวกสุด ๆ
แต่ถ้าเกิดเหตุรุนแรงอย่างรถชน ระบบจะส่ง Auto SOS เด้งไปที่คอลเซ็นเตอร์ทำการติดต่อลูกค้าทันที เพื่อสอบถามว่าลูกค้าได้รับอุบัติเหตุ ต้องการให้ประสานงานความช่วยเหลือด้านใดหรือไม่ ซึ่งบริการตรงนี้ ทีคอนเน็คท์คอลเซ็นเตอร์เขาพร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมงเลยครับ
และฟีเจอร์ที่ขาดไม่ได้ก็คือการดูข้อมูลพื้นฐานของรถบนแอป T-Connect ที่ดูทั้งเลขกิโลเมตร น้ำมันในถังที่เหลือ อันนี้เดี๋ยวเปิดเทียบกับรถแบบสดๆเลยว่าตรงไหม ก็ถูกต้องแม่นยำเลย รวมไปถึง สถานะเครื่องยนต์ วันจดทะเบียน ที่จะเตือนล่วงหน้าให้ไปต่อทะเบียน อันนี้มีประโยชน์มาก ๆ และข้อมูลการขับขี่ ตรงนี้เราตั้งค่าให้คนในบ้านหรือเพื่อน ๆ เข้าถึงรถเราได้สูงสุด 4 คน รวมเราเป็น 5 คน ซึ่งคนเพิ่มเข้ามาจะเข้าไปตั้งค่าเมนูต่าง ๆ ไม่ได้ เจ้าของตัวจริงเท่านั้นจะทำได้ อีกทั้งนัดเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็กระยะหรือซ่อมส่วนที่มีปัญหา โดยจะหาศูนย์บริการโตโยต้าที่ใกล้ที่สุด และแจ้งเตือนเมื่อถึงวันนัดเข้ารับบริการด้วยครับ
ลงลองใช้ T-Connect แบบฉบับแบไต๋กับฟีเจอร์ Find My Car และ Geo Fencing กันครับ ในแอป T-Connect พอเข้าไปผมเห็นข้อมูลและตำแหน่งของรถ ทีนี้ผมจะตั้งรัศมีการขับรถไว้ 1 กิโลเมตร และเปิดตำแหน่งรถขณะดับเครื่อง
ถ้ามีคนเอารถไป แต่ยังอยู่ในรัศมีที่ผมตั้งไว้อยู่ ทีนี้ผมไปเช็กที่กล่องข้อความ มีแจ้งเตือนครับว่าตอนนี้รถอยู่นอกเขตที่ผมกำหนด มีปุ่มค้นหารถยนต์ก็จิ้มเข้าไป แอปจะแจ้งพิกัดล่าสุดของรถและเรากดนำทางซึ่งจะลิงก์ไปที่ Google Maps ทันที เรากดนำทางไปเลยครับ
มาถึงอีกฟีเจอร์ที่ทำให้เราเหมือนมีเลขาส่วนตัวคือบริการผู้ช่วยส่วนตัว Concierge Service ที่นอกจากจะคอยให้ความช่วยเหลือแล้ว เรายังสามารถขอเส้นทางได้อีกด้วย
โทรขอเส้นทาง ทางคอลเซ็นเตอร์ก็จะส่งพิกัดเข้ามาที่กล่องข้อความ เราก็จิ้มแล้วจะเข้าหน้าระบบนำทางให้เลยทันที อีกทั้งสามารถสอบถามและจองร้านอาหารได้อีกด้วย ถือเป็นความสะดวกสบายของผู้ใช้แอป T-Connect ของ Toyota เลยครับ
ไหนๆ แล้ว ขอลองเทสอีกเพิ่มอีกสักนิดเมื่อสักครู่ผมได้พูดถึงฟังก์ชันข้อมูลรถและการขับไป เราลองมาดูกันดีกว่า ข้อมูลในตัวรถ กับ ข้อมูลในแอปฯ จะตรงกันไหม โอเคเริ่มที่เลขไมล์กก่อน ตรงนะครับ ระดับน้ำมันก็โอเคเลยถือว่าใกล้เคียงเลย ถือว่าฟีเจอร์นี้ใช้ได้ ผ่านครับ
ข้อสังเกต
ระบบ T-Connect ของโตโยต้า โดยรวมการใช้งาน และฟีเจอร์ที่ให้มาถือว่าดีเลยทีเดียว แต่การแจ้งพิกัดในฟีเจอร์ Find My Car จะไม่ได้เรียลไทม์แบบเดียวกับระบบนำทาง ดังนั้นคุณจะต้องเข้าเมนูค้นหารถยนต์ใหม่ทุกครั้ง เพื่อเช็กพิกัดล่าสุดของรถ
หลักๆ ผมว่าจุดแข็งของแอป T-Connect คือคอลเซ็นเตอร์ ที่คอยให้บริการผ่านฟังก์ชันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นให้ความช่วยเหลือ ติดตามรถหาย TheftTrack, SOS, หรือให้บริการอำนวยความสะดวกอื่นๆ อย่าง Concierge Services ที่พร้อมช่วยเหลือคุณ ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เกิดเหตุฉุกเฉิน เกิดอะไรขึ้นมา คุณกดโทรไปหาเขากริ๊งเดียว ติดต่อได้ทันทีเลย
ส่วนใครที่อยากรู้เพิ่มเติมว่ารถยนต์โตโยต้ารุ่นไหนที่สามารถใช้งาน T-Connect ได้บ้าง สามารถตรวจสอบได้ที่ www.t-connect.in.th เลยครับ รถที่สามารถใช้งานแอปฯตัวนี้ได้ จะผลิตตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นไป หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามตัวแทนจำหน่ายโตโยต้า โชว์รูมใกล้บ้านได้เลยครับ
แอป T-Connect จากโตโยต้า ถือเป็นบริการที่จะทำให้ผู้ใช้รถโตโยต้าได้รับความสะดวกสบายเหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยดูแลทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม ในวันนี้ T-Connect ได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่เพื่อมอบประสบการณ์และความอุ่นใจในการใช้รถมากยิ่งขึ้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ T-Connect Support Center 02-386-2000 กด 3 อีเมล : [email protected] เว็บไซต์ : www.t-connect.in.th