คำถามคลาสสิกที่เราได้รับมาตลอดคือ จะซื้อ iPad รุ่นไหนดีถึงจะเหมาะกับการใช้งาน ไม่แพงเกินจนกระเป๋าฉีก ไม่ด้อยเกินจนใช้แล้วขัดใจ วันนี้แพนมีคำตอบครับ

(อัปเดตข้อมูลในบทความหลังงานเปิดตัว iPad Gen 9 และ iPad Mini Gen 6 ข้อมูลจึงต่างจากในคลิป)

iPad รุ่นปัจจุบันที่มีให้เลือกตอนนี้มี 4 รุ่นหลัก และย่อยเป็น 5 ทางเลือกนะครับคือ

  • iPad Gen 9 ไอแพดที่ถูกที่สุด ราคาเริ่มต้น 11,400 บาท
  • iPad Mini Gen 6 ไอแพดที่เครื่องเล็กที่สุด เริ่มต้น 17,900 บาท
  • iPad Air Gen 4 ไอแพดหลากสี เริ่มต้น 19,900 บาท
  • iPad Pro M1 ไอแพดทรงพลัง ซึ่งมีรุ่นย่อยเป็น 11 นิ้วและ 12.9 นิ้ว เริ่มต้น 27,900 บาท

แยกประเภทตามการใช้งาน

สำหรับนักเรียน แพนแนะนำเป็น iPad Gen 9 หรือ iPad Air Gen 4

เพราะนักเรียนต้องการจอใหญ่เพื่อจดบันทึกได้สะดวก iPad Mini จึงไม่เหมาะ ซึ่งถ้างบถึงไป iPad Pro M1 เลยก็ได้ แต่สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันนักเรียน เราว่ามันเกินตัวไปครับ แพงไปเยอะ

ส่วนจะเลือก iPad Gen 9 หรือ iPad Air Gen 4 ดี? เมื่อราคารุ่นเริ่มต้นต่างกัน 8,500 บาท

ถ้ามีงบซื้อให้ซื้อ iPad Air 4 เพราะเหนือกว่า iPad Gen 9 ทุกเรื่อง ทั้งจอดีกว่า จอใหญ่กว่า เบากว่า ประสิทธิภาพสูงกว่า ต่อ USB-C ได้ด้วย แต่การที่แอปเปิ้ลอัปเกรด iPad Gen 9 แล้วเพิ่มความจุพื้นฐานเป็น 64 GB ก็ทำให้เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้ iPad Gen 9 คุ้มราคามากขึ้น จากเดิมใน iPad Gen 8 เราจะแนะนำให้ซื้อรุ่น 128 GB เพราะรุ่นเริ่มต้นมีความจุแค่ 32 GB แต่ใน Gen9 เราซื้อรุ่นเริ่มต้น 64 GB ได้เลย

ส่วนปากกา ถ้าไม่ได้ใช้เพื่อวาดรูป ใช้จดบันทึกอย่างเดียว ซื้อปากกาจีนราคาไม่กี่ร้อยก็พอครับ เพราะ Apple Pencil ของจริงสำหรับ iPad Gen 9 อยู่ที่ 3,400 บาท คิดเป็นราคา 30% ของราคาเครื่องเลยนะครับ แพงมาก

สำหรับสายอ่านหนังสือ แนะนำเป็น iPad Mini Gen 6 หรือ iPad Air 4

ถ้าเป็นคนอ่าน pocket book เน้นอ่านมือเดียวได้ หรือนักอ่านการ์ตูนแบบเปิดทีละหน้าก็ได้ ไม่ต้องดูหน้าคู่ iPad Mini Gen 6 เหมาะที่สุดเพราะเครื่องเบาสุด ถือนาน ๆ ไม่ปวดมือ

ถ้าเป็นคนอ่านหนังสือเล่มใหญ่ หรือชอบอ่านการ์ตูนแบบหน้าคู่ แสดงผลหน้าซ้าย-ขวาพร้อมกันเหมือนหนังสือจริง ให้เลือก iPad Air 4

ถ้ามีงบจะไป iPad Pro 11 นิ้วก็ได้ เพราะน้ำหนักพอๆ กับ iPad Air 4 แต่ถ้าเน้นอ่านหนังสือ iPad Air 4 ก็ดีพอแล้ว ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มให้เปลืองก็ได้

ส่วน iPad Gen 9 ที่ไม่แนะนำเพราะจอไม่ดีเท่าและเครื่องหนักกว่า iPad Air 4 และ iPad Pro 12.9 นิ้วไม่แนะนำสำหรับสายอ่านหนังสือเลย เพราะเครื่องหนักมาก ถือนาน ๆ ปวดข้อมือ

สำหรับคนต้องการใช้งานแทนคอมพิวเตอร์ แนะนำ iPad Air 4 หรือ iPad Pro

การใช้ทำงาน ต้องการจอใหญ่ มองเห็นองค์ประกอบในจอชัด ใช้งานเปิด 2 หน้าต่างถนัดๆ iPad Mini จึงไม่เหมาะกับเรื่องนี้

จริงๆ iPad Air 4 ก็มีประสิทธิภาพเกินพอสำหรับงานทั่วไปอย่างการทำเอกสาร ตรวจงาน หรือทำพรีเซนต์แล้ว เอาราคาส่วนต่างระหว่าง Air กับ Pro ไปซื้อคีย์บอร์ดจะเหมาะกว่าสำหรับคนที่มีงบจำกัด

iPad Pro เหมาะสำหรับคนที่ต้องการจอใหญ่จริง ๆ ก็จะมีทางเลือกเป็นรุ่น 12.9 นิ้ว แต่ก็ต้องชั่งใจว่าเราต้องการทำงานในรูปแบบ iPad จริงๆ หรือใช้งานแบบโน้ตบุ๊กเป็นหลัก เพราะค่าตัว iPad Pro 12.9 นิ้วนั้นซื้อโน้ตบุ๊กดี ๆ ที่อาจจะมีน้ำหนักเบากว่า iPad Pro + Keyboard ด้วยซ้ำ

ส่วนคีย์บอร์ด เราไม่ค่อยอยากแนะนำ Magic Keyboard สำหรับ iPad เท่าไหร่ เพราะแพงมาก และหนักมาก เราแนะนำให้ซื้อ Magic Keyboard สำหรับแมคราคา 3 พันกว่าบาท แล้วหาเคสที่ตั้ง iPad ได้ก็จะถูกกว่า และพิมพ์สะดวกกว่า Magic Keyboard ของ iPad ด้วย

สำหรับเกมเมอร์ แนะนำ iPad Air 4 หรือ iPad Pro 11

อันนี้ตัดสินจากประสิทธิภาพเครื่องล้วนๆ ซึ่ง iPad Air 4 ใช้ชิป Apple A14 ตัวเดียวกับ iPhone 12 ก็น่าจะรองรับการเล่นเกมไปได้อีกหลายปี

แต่ถ้าอยากได้ประสิทธิภาพขั้นสุด อยากได้จอ 120 Hz ด้วย ก็ต้องไป iPad Pro 11 ครับ ส่วนที่ไม่แนะนำ 12.9 นิ้ว เพราะประสิทธิภาพไม่ต่างจาก 11 มากมาย แถมเครื่องหนักด้วย

iPad Pro 12.9 นิ้ว เหมาะซื้อมาต่อจอย Bluetooth แล้วเล่นแบบวางเครื่องบนโต๊ะมากกว่า

สำหรับสายความบันเทิง ชอบดูหนังดูซีรีส์ แนะนำ iPad Air 4 หรือ iPad Pro

ไม่แนะนำ iPad Gen 9 เพราะจอแย่ที่สุดในบรรดา iPad ทั้งหมด ส่วน iPad Mini ก็จอเล็กไป

ถ้าอยากได้ความอลังการของภาพและเสียงขั้นสุด ก็ต้อง iPad Pro 12.9 นิ้ว เพราะจอดีที่สุด เสียงดัง เสียงดี

แต่ถ้าใช้นอนดูบนเตียง แนะนำ iPad Air 4 ก็พอ เพราะเบากว่า ถือดูสบายกว่า เวลาดูแล้วสะลึมสะลือ iPad ร่วงลงหน้าจะไม่บาดเจ็บหนักเท่า iPad Pro 12.9

สำหรับช่างภาพ คนทำงานโปรดักชัน แนะนำ iPad Pro 12.9 นิ้ว

เพราะเป็น iPad ที่มีจอดีที่สุด แสดงสีสันถูกต้องสมจริงที่สุด

ประสิทธิภาพสูงสุด สามารถจบงานได้ที่หน้างานเลย พอร์ตเชื่อมต่อก็เร็วที่สุด

5G หรือ Wifi

ส่วนจะซื้อรุ่น Wifi หรือ 5G ดี แพนเชียร์ให้ซื้อรุ่น Wifi นะครับ มันประหยัดกว่าทุกประตู ทั้งราคาเครื่องถูกกว่า ไม่ต้องจ่ายเงินอีกซิมหนึ่งสำหรับ iPad ด้วย ซึ่งซิมที่อยู่ใน iPad เราใช้โทรคุยไม่ได้นะครับ ใช้งานข้อมูลอย่างเดียว

แล้วใครที่เหมาะสำหรับรุ่น 5G คือคนที่ต้องการเชื่อมต่อเน็ตตลอดเวลา ต้องการให้ iPad รับข้อมูลตลอดแม้เวลาที่เราไม่สนใจมัน เช่นคนเทรดหุ้น ต้องการรับโนติให้เด้งตลอดเวลา เปิดจอมาก็พร้อมใช้เน็ตทันที แบบนี้ถึงจะเหมาะกับรุ่น 5G ครับ

ส่วนแพน แพนเลือกประหยัดไปได้หลายพัน แล้วรอเปิด Personal Hotspot จากมือถือไม่เกิน 10 วินาที แล้วใช้เน็ตได้ดีกว่าครับ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส