แพนพร้อมนะ เรคอร์ดครับ ห้า สี่ สาม สอง ไป!
นี่ก็คือภาพจริง ๆ สถานการณ์จริง ๆ และเป็นการออกกองแบบออนไลน์แบบจริง ๆ นะครับ
เพราะด้วยสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ ทำให้การทำงานของหลายคนก็เปลี่ยนแปลงไป แบไต๋เองก็ต้องปรับตัว โดยเฉพาะการออกกองที่ก็ต้องทำแบบที่เห็นนี่แหละครับ ออกกองแบบออนไลน์
กล่าวคือช่างภาพ ทาเลนต์ คอนเทนต์ โปรดิวเซอร์ จะออนไลน์ถ่ายทำกันจากบ้านของตัวเอง แล้วกระบวนการจะมีอะไรบ้าง แตกต่างจากออกกองปกติอย่างไร แพนจะพาทุกคนไปแบไต๋ ออกกอง from Home กันครับ
โดยทั่วไปการออกกองของแบไต๋ ก็จะมีประมาณ 4-5 ตำแหน่ง ตากล้อง 2 คน
คอนเทนต์ 1 คน โปรดิวเซอร์ 1 คน ทาเลนต์ 1 คน ซึ่งถ้ามารวมตัวกันตอนนี้ก็จะไม่ดีใช่ไหมครับ จึงเกิดเป็น beartai ออกกอง From Home
ก่อนอื่นเรามาพูดถึงอุปกรณ์พื้นฐานที่ต้องมีในการออกกอง from Home กัน
- คอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กอย่างน้อย 1 เครื่อง
- การ์ดจับภาพ หรือการ์ดแคปเจอร์
- กล้องอย่างน้อย 1 ตัว
- ไมค์อย่างน้อย 1 ตัว
- โปรแกรมที่ใช้ในการสื่อสาร อย่างเช่น Discord
- โปรแกรมที่ใช้ในการควบคุมเครื่องระยะไกล ในกรณีที่เรคอร์ดผ่าน OBS อาจจะให้โปรดิวซ์รีโมตเครื่องเพื่อช่วยกดเรคอร์ดให้เราครับ อย่างเช่น TeamViewer
- โปรแกรมที่ใช้ในการเรคอร์ด แพนเลือกใช้ OBS
- สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ยิ่งแรง ยิ่งดี
เพื่อให้ทุกคนเข้าใจง่าย ๆ แพนอธิบายเป็นขั้นตอนให้ฟัง
การที่เราจะทำคลิป ๆ นึงได้ ก็จะต้องมีภาพและเสียงถูกไหม เรื่องภาพเชื่อว่าหลาย ๆ คนรู้อยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องเสียงถ้าเป็นไมค์ไร้สายก็อยากให้ต่อไปที่กล้องโดยตรงเลย เพื่อลดปัญหาที่ภาพกับเสียงไม่ตรงกัน จากนั้นทั้งสองอย่างก็จะรวมผ่าน HDMI เข้าที่ แคปเจอร์การ์ด แล้วก็เข้าไปที่คอมพิวเตอร์
ทำไมต้อง Capture Card
ทำไมต้องแคปเจอร์การ์ดทั้ง ๆ ที่สามารถต่อกล้องเข้าคอมพิวเตอร์โดยตรงได้ แพนต้องบอกก่อนครับว่ากล้องแบบนั้นผู้ผลิตออกแบบมาให้เป็นกล้อง Webcam ก็จะได้ความละเอียดที่ประมาณ 720p ไม่ได้ชัดเจนมากเท่าการต่อเข้าแคปเจอร์การ์ด
และแคปเจอร์การ์ดเนี่ยก็ยังมีหลายรุ่นหลายราคาอีกด้วย บางรุ่นก็รองรับเพียง FullHD บางรุ่นรองรับ 2k 4k ไปจนถึง HDR
แต่กรณีเราใช้ไมค์แยกแบบไม่ติดกล้องนะครับ ก็สามารถอัดได้แล้วค่อยมา Sync ทีหลัง แต่อาจจะมีปัญหาเสียงดีเลย์กันนิดหน่อยซึ่งแก้ปัญหาได้ไม่ยากเพียงใช้วิธีการตัดต่อครับ
หลังจากที่ภาพและเสียงเข้ามาที่เครื่องได้แล้ว แบไต๋จะใช้เป็นโปรแกรม OBS Studio ในการอัดครับ
แต่อย่างของแพน แพนมีรีโมตแบบนี้ก็เลยสามารถควบคุมกล้องจากตรงนี้ได้เลยโดยไม่ต้องลุกไปกดอัดนะครับ แพนจึงกดอัดที่ตัวกล้องได้เลย
ข้อดีเลยคือแพนจะได้ไฟล์คุณภาพที่ดีกว่าแล้วก็ยังไม่หนักภาระเครื่องด้วย ถ้าเป็นปกติทั่วไปเพียงเท่านี้ก็สามารถทำงานได้แล้ว แต่ที่แบไต๋ทั้งหมดนี้จะถูกควบคุมผ่านคอมพิวเตอร์อีกเครื่อง เช่นคอมพิวเตอร์ของโปรดิวเซอร์ ที่จะรีโมตกดอัด กดเช็กเทป กดส่งไฟล์ จากระยะไกลนะครับ เพื่อให้ทาเลนต์เบื้องหน้าไม่ต้องเสียสมาธิกับงานเบื้องหลังครับผม
ส่วนการสื่อสารกับทีมงาน แบไต๋ใช้เป็น Discord เพราะสามารถ Stream หน้าจอเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจสอบข้อมูลไปพร้อมกันครับ
ซึ่งการเซตระบบทั้งหมดจะทำในสถานที่ถ่ายทำ อาจจะเป็นบ้าน หรือสตูดิโอส่วนตัวของทาเลนต์ก็ได้
ถ้าทาเลนต์ทำไม่เป็นละ
ก็อาจจะส่งโปรดิวเซอร์ หรือช่างภาพไปเซตให้ แต่อย่างน้อยก็เป็นการเข้าไปเซตคนเดียว ในพื้นที่ปิด ไม่มีการสัมผัส หรือแออัด สิ่งที่ต้องเน้นย้ำคือการเซตควรจะต้องเซ็ตให้เป็นแบบครั้งเดียวจบ เพื่อความสะดวกในการถ่ายครั้งต่อ ๆ ไป
ในเมื่อการออกกองเป็น from Home แบบนี้ หน้าที่ของแต่ละคนจะเป็นยังไงบ้างละ
เริ่มจากทีมขาย ในช่วงคุยกับลูกค้าก็ต้องสื่อสารให้จบเลยว่า ในสภาวการณ์แบบนี้การถายทำจะมีการเปลี่ยนแปลง อาจมีข้อจำกัดบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งสำคัญมากนะครับ ถ้าคุยกันไม่เคลียร์หรือไม่เรียบร้อยอาจเกิดปัญหาภายหลังได้ครับ
คอนเทนต์ แน่นอนว่ายังคงต้องคิดงาน หรือทำสคริปต์ถ่ายทำเช่นเดิม แต่ต้องเพิ่มเติมการเล่าเรื่องให้สอดคล้องกับรูปแบบการถ่ายทำที่เปลี่ยนไป ส่วนในระหว่างถ่ายทำก็จะร่วมมอนิเตอร์อยู่ในโปรแกรมสื่อสารด้วย เพื่อคอยบรีฟสคริปต์ และเช็กสคริปต์ว่าที่ทาเลนต์เล่าถูกต้องไหม
โปรดิวเซอร์ ยังคงควบคุมดูแลการถ่ายทำทุกภาคส่วนเช่นเดิม แต่หน้าที่ที่จะเพิ่มเข้ามาคือการต้องเช็กความพร้อมของระบบก่อนถ่ายทำ รวมถึงการกดเรคอร์ดแทนช่างภาพ เพราะว่าเป็นคนเดียวที่จะควบคุมอุปกรณ์ทุกชิ้นจากระยะไกล
ทาเลนต์ ยังคงรับหน้าที่ในการถ่ายทอดคอนเทนต์เช่นเดิม เพียงแต่จะต้องมากดปุ่มเปิดเครื่อง หรือเปิดโปรแกรมอะไรบ้างนิดหน่อย เพื่อให้โปรดิวเซอร์เข้ามารีโมตอุปกรณ์ได้ครับ
ช่างภาพ การทำงานจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน แม้จะไม่ได้ออกมาถ่ายทาเลนต์ด้วยตัวเองแล้ว แต่ยังคงต้องถ่ายอินเสิร์ตสินค้าอยู่เช่นเดิม โดยจะใช้วิธีส่งสินค้าไปให้ที่บ้าน และให้ช่างภาพใช้อุปกรณ์สตูดิโอที่ทางบริษัทส่งไปให้ถ่ายภาพอินเสิร์ตจากที่บ้านแทน
ส่วนตัดต่อก็เหมือนเดิมนะครับ เพราะปกติก็ Work form Home อยู่แล้ว
ข้อจำกัด
แม้ออกกอง from Home จะทำให้เรายังสามารถถ่ายทำอยู่ได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับการออกมาพบเจอกันข้างนอก แต่ก็มีข้อจำกัดเกิดขึ้นเหมือนกันนะครับ
ข้อแรก การถ่ายทำที่จะใช้เวลามากขึ้น เมื่อก่อน เราถ่ายคิวทาเลนต์เสร็จ ก็ต่อด้วยถ่ายอินเสิร์ตเลย แต่วิธีนี้ก็ต้องเผื่อเวลาในการถ่ายอินเสิร์ตเพิ่มขึ้นอีก 1 วันเต็ม ๆ เพื่อส่งสินค้าไปให้ช่างภาพ
ข้อสอง การถ่ายทำวิธีนี้อาจไม่เหมาะกับสินค้าบางประเภท เช่นสินค้าที่มีขนาดใหญ่ หรือสินค้าที่ไม่สามารถนั่งรีวิวเฉย ๆ ได้ ต้องมีการมูฟเมนต์ เราก็ต้องปรับสคริปต์ให้เหมาะสมกับการถ่ายในรูปแบบนี้
ข้อสาม การลงทุนเรื่องอุปกรณ์ที่อาจจะสูงขึ้น เพราะต้องเตรียมอุปกรณ์โปรดักชันให้เพียงพอกับทาเลนต์ทุกคน
เช่นคอมพิวเตอร์สเปกแรงในการเรคอร์ด การ์ดแคปเจอร์ระดับ 4K ที่ราคาก็ไม่เบา รวมไปถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ก็ต้องไว้ใจได้ เพื่อให้การบันทึกภาพและเสียงของเราสมบูรณ์ที่สุด
ออกกอง from Home ถือเป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยให้เราสามารถทำงานสายโปรดักชันได้ในสภาวการณ์แบบนี้ จริงอยู่ว่าข้อจำกัดนั้นมี แต่ข้อดีก็มองข้ามไม่ได้เลย เพราะแลกกับความปลอดภัยที่เรียกได้ว่าแทบจะ 100% จากการไม่ต้องออกไปนอกบ้าน
แบไต๋ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกันครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส