วันนี้นี้นาวลิ้มจะมา #แบไต๋ Vivo V23 5G สมาร์ตกล้องหน้าคู่สุดโหดต้อนรับปี 2022! 50 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล อัลตราไวด์ อยากรู้ว่าโหดจริงขนาดไหน ไปดูกันเลยค่ะ
ดีไซน์
เริ่มกันที่ดีไซน์ก่อนเลยละกันนะคะ สีที่เราได้มารีวิวจะเป็น Sunshine Gold พื้นผิวจะเป็นกระจก AG Glass ให้สัมผัสนุ่มนิ้ว ไม่ฝากอยนิ้วมือไว้ด้วยนะคะ และความสนุกคือเป็นกระจกที่เปลี่ยนสีได้หรือชื่อเฉพาะว่า Color-Changing Glass เวลาเราหันองศาเครื่องก็ในบางมุมก็จะมีสีเขียวเทอร์คอยซ์ แถมฝาหลังเครื่องยังเปลี่ยนสีได้เมื่อโดนแดดหรือแสง UV ค่ะ เดี๋ยวนาวจะทำให้ดู ก็จะเอาตัวหนังสือจาก DIY Box Set ที่ทาง Vivo ให้มาอันนี้นี่แหล่ะ
เป็นยังไงล่ะบอกเลยว่าสี Sunshine Gold ทำแบบนี้ได้รุ่นเดียวนะ แต่ถ้าใครอยากได้สีดำแบบเรียหรูแต่สัมผัสยังคงให้ความรู้สึกพรีเนียมน่าจับก็มีอีกสีให้เลือกเป็นดำ Stardust Black ส่วนทางด้านเฟรมเครื่องหรือขอบตรงนี้เป็นอลูมิเนียม หนาประมาณ 7.39 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักเครื่องทางออฟฟิเชียลเนี้ยเขียนไว้ว่าอยู่ที่ 179 กรัม
ภาพรวมถือว่าสวยดี เปลี่ยนมาเป็นดีไซน์แบบ Boxy บ้าง สมาร์ตโฟนฝั่งแอนดรอยด์ดีไซน์จะได้ไม่จำเจเนอะ
กล้องหน้า
ในเมื่อพระเอกของ Vivo V23 5G คือกล้องหน้า เราก็ต้องเปิด #แบไต๋ กันเลยตั้งแต่ต้นคลิปเลยสิค่ะ! ความละเอียดของกล้องหน้าให้มา 50 ล้านพิกเซล f/2.0 และกล้องอัลตราไวด์ 8 ล้านพิกเซล f2.28 มุมรับภาพ 105 องศา ที่จะทำงานพร้อมกับ ISOCELL 3.0 หรือว่าเทคโนโลยีแบบ Pixel Isolation ที่จะช่วยปรับแสงสีของภาพถ่ายให้คมชัดขึ้น สมจริงขึ้น เก็บรายละเอียดของภาพได้เยอะขึ้น เดี๋ยวนาวจะให้ดูตัวอย่างของถ่ายนะ อย่างตอนถ่ายก็จะมี AI Eye Auto Focus กันเหนียวไม่ให้หน้าของเราเบลอที่ก็จับดวงตาเราไวมาก
ส่วนกล้องอัลตราไวด์ อันนี้ความละเอียดอาจไม่เยอะมาก แต่เรียกว่ามีเพื่อให้เราสามารถถ่ายเซลฟี่ในมุมกว้างได้ หรือไว้ใช้เซลฟี่ภาพหมู่ เวลาจะถ่ายรูปรวมองค์ประชุมกับเพื่อนก็ไม่ต้องเมื่อยยื่นมือถือให้สุดแขน หรือไม่ต้องรบกวนให้ใครมาถ่ายรูปให้แทนแล้วไปลุ้นเอาทีหลังว่าใครรอดบ้าง
และเมื่อพูดถึง Vivo ฟีเจอร์ชื่อชั้นของการเป็นสมาร์ตโฟนสายบิวตี้ก็ยังอยู่ครบ! มีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้เยอะมาก บอกเลยว่าไม่เบื่อง่าย ๆ แน่กับการเซลฟี่ และนาวก็มียกตัวอย่างฟิลเตอร์ที่ชอบมาแนะนำด้วยนะคะ อันแรกเลยเป็น Warm ใส่แสง Ambient ลอดหน้าต่างให้ภาพเราได้ไม่ต้องง้อแสงของจริง, อันต่อมาเป็น Rainbow เสกแสงแฟร์แบบคูล ๆ เข้าให้ภาพดูเก๋ขึ้นได้เลย, Green Orange อันนี้จะออกแนวให้ภาพดูเท่ ๆ เข้ม ๆ กำหนดได้ด้วยนะว่าจะให้แสงฝั่งไหนมากกว่ากัน และ Soft Focus ที่จะเป็นภาพฟุ้ง ๆ ชวนฝัน
และการถ่ายเซลฟี่ในตอนกลางคืนหรือที่แสงน้อยก็ไม่ใช่ปัญหา! เพราะมี Dual-Tone Spotlight แฟลชสองข้างซ้ายขวาบริเวณกล้องหน้าที่ให้อารมณ์คล้าย ๆ ไฟสตูดิโอ ช่วยให้ภาพถ่ายมีสีโทนเย็น เป็นธรรมชาติ หรืออบอุ่นได้ค่ะ
นอกจากนี้เรายังสามารถปรับแต่งใบหน้าของเราให้สวยด้วย AI Face Beauty ที่จะประมวลฐานข้อมูลจากใบหน้าหลายล้านคน เพื่อให้เราปรับสัดส่วนใบหน้าได้ออกมาเพอร์เฟคที่สุด ตั้งแต่หน้าเรียว ,ตาโต, แก้มเรียว, จมูกเรียว และยังมีฟีเจอร์ไกด์ท่าทางให้ด้วย Vivo!
การถ่ายวิดีโอ
ส่วนทางด้านการถ่ายวิดีโอก็ถ่ายได้มากสุด 4k/60fps เหมือนที่ให้เห็นในตัวอย่างตอนเปิดคลิปเลย แถม Dual-Tone Spotlight ยังใช้งานในโหมดวิดีโอได้ด้วยเหมือนกัน ถือว่าตอบโจทย์คอนเทนต์ครีเอเตอร์ใช้ถ่าย Vlog ได้ แต่ถ้าให้นาวแนะนำจริง ๆ ปรับลงมาเหลือที่ Full HD/60fps ก็ได้นะ จะได้ถ่ายได้นาน ๆ ไม่เปลืองแบต
หรือถ้าต้องการภาพถ่ายที่เท่ ๆ ก็ยังมีโหมด Dual View เป็นการถ่ายพร้อมกันทั้งกล้องหน้า/หลัง และ Double Exposure ถ่ายภาพซ้อนที่กำลังคูล ๆ ในตอนนี้เลย
กล้องหลัง
กล้องหน้าไปแล้ว ถัดไปก็หลังกันบ้าง Vivo V23 5G ให้กล้องหลังมาทั้งสิ้น 3 ตัวเลยนะคะ ตัวแรกเป็นกล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล f/1.89, อัลตราไวด์ 8 ล้านพิกเซล f/2.2 และมาโคร 2 ล้านพิกเซล f/2.4 ซึ่งภาพรวมของทุกกล้องต้องบอกว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ดีของสมาร์ตโฟนฝั่งแอนดรอยด์นะคะ สีสันอิ่ม ความคมชัดและรายละเอียดภาพอยู่ในระดับที่มาก แต่ที่เด่นขึ้นคือการถ่ายภาพบุคคลที่แยกคนกับฉากหลังได้เนียนตาขึ้นหรือในชื่อเฉพาะว่า Bokeh flare portrait
ส่วนทางด้านภาพถ่ายตอนกลางคืนก็เก็บแสงได้เก่งขึ้นค่ะ แต่มีข้อสังเกตนิดนึงคือรายละเอียดภาพจะหายไปพอสมควรหากดูซูมดู
หน้าจอ
ถัดมาเป็นเรื่องของหน้าจอกันบ้างนะคะ Vivo V23 5G ให้หน้าจอ AMOLED ที่มีขนาดอยู่ที่ 6.44 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 2400 x 1080 รีเฟรชเรต 90Hz จากการเอาไปใช้งานจริง การไถโซเชี่ยลดูภาพดูวิดีโอไม่มีอะไรติค่ะลื่น ๆ มาดูที่ Netflix บ้างก็ได้ DRM เป็น L1 รับภาพความละเอียดสูงสุดที่ Full HD รองรับสแกนลายนิ้วบนหน้าจอและสแกนใบหน้า
แบตเตอรี่
ส่วนแบตเตอรี่ให้มา 4200 mAh รองรับฟาร์สชาร์จกำลังไฟ 44 วัตต์ แบบไดนามิกป้องกันแบตเสื่อมและไม่ให้แบตเตอรี่ร้อนเกินไป พร้อมยังชาร์จตั้งแต่ 0 – 68% ภายใน 30 นาที จากการทดลองในแล็บของทาง Vivo ค่ะ
สเปก
มากันที่เรื่องของสเปกกันบ้าง Vivo V23 5G ใช้ชิปเซ็ตเป็น Mediatek Dimensity 920 5G ใช้เทคโนโลยีชิปเซ็ต 6nm มีความเสถียรมากขึ้น และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ มาพร้อมโหมดประหยัดพลังงาน ช่วยให้ใช้งานได้อย่างยาวนานกว่าที่เคย
ให้แรมมาที่ 12GB พร้อมความสามารถของ Extended RAM หรือการขยายแรมด้วยหน่วยความจำภายในที่ยังไม่ใช้ได้อีก 4GB ช่วยให้เปิดแอปเบื้องหลังค้างได้สูงสุด 25 แอป พร้อมทั้งยังรองรับ 5G แบบ dual mode ทั้ง SA, NSA และ VoNR
ให้ ROM มาที่ 256GB แต่ถ้าอยากได้ความจุเพิ่ม ใส่ Micro SD เพิ่มได้อีกด้วยนะ จิ้มถาดใส่ซิมออกมาแล้วเลือกได้เลยค่ะว่าจะใส่ 2 นาโนซิมหรือเพิ่มความจุ
โดยเราได้ทำการทดสอบผ่าน 3D Mark ในโหมดเป็น Wild Life Stress Test จำลองว่าหากเล่นเกมนาน ๆ จะส่งผลกระทบอะไรกับการเล่นหรือเปล่า? ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ต้องบอกว่าเลยว่าดี เพราะได้เปอร์เซ็นต์ค่าความคงที่ของการใช้งานอยู่ที่ 99.5% คะแนนลูปดีที่สุดอยู่ที่ 2,312 ส่วนคะแนนลูปน้อยที่สุดอยู่ที่ 2,301 คะแนน
สลับไปดูการเทสบน Geekbench 5 กันบ้างค่ะ สำหรับ Single-Core อยู่ที่ 735 คะแนน ในขณะที่ Multi-Core ได้ 2127 คะแนน
ซึ่งภาพรวมของการนำไปเล่นเกมก็ต้องบอกว่าหายห่วง เกมแห่งยุคทั้งหลายอย่าง ROV, Pokemon Unite ทำได้ดีเลยเฟรมเรตเสถียร ตกบ้างเมื่อต้องเจอกับเอฟเฟกต์อลังการ ส่วนเกมเทสต์สเปกมือถือแห่งยุคอย่าง Genshin Impact ปรับสูงสุดก็เล่นได้นะคะ แต่เพื่อความมันส์อย่างต่อเนื่อง ก็แนะนำให้ปรับที่ low เพื่อเล่นได้ยาว ๆ ด้วยเฟรมที่เสถียรคะ
แต่ถ้าอยากทำให้ประสบการณ์เล่นเกมดื่มด่ำเข้าไปอีก ก็ยังมีฟีเจอร์ Ultra Game Mode ปรับให้การเล่นเกมมีประสิทธิภาพขึ้นทั้งโหมดช่วยประหยัดแบตเตอรี่ที่ลดทอนความแรงลงมาหน่อยแต่เล่นได้นานขึ้น, หรือจะดันเครื่องไปให้สุดด้วย Performance mode, ปิดการแจ้งเตือนโทรเข้าและข้อความ, ปิดหน้าจอแต่เกมยังรันอยู่ หรือจะเรคคอร์ดหน้าจอเอาไปแชร์ลงโซเชี่ยลก็มีนะ
ข้อสังเกต
และแล้วก็มาถึงข้อสังเกตที่กองบรรณาธิการแบไต์จะฝากไว้ให้คุณผู้ชมเสมอ สำหรับ Vivo V23 5G คือลำโพงที่เป็นแบบโมโนคือมีอยู่จุดเดียวถ้วน เวลาชมวิดีโอหรือฟังเพลงที่รายละเอียดเสียงเยอะ ๆ ก็อาจจะไม่ได้ฟิลลิงครบถ้วนค่ะ
รีวิวที่ดีต้องมีราคา!
Vivo V23 5G สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 17,999 บาท ใครที่เป็นสายเซลฟี่บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง หรือถ้าใครที่เป็นแฟน Vivo อยู่แล้ว อัปเกรดมารุ่นนี้เลยค่ะ คุ้ม!