ทุกวันนี้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น เราได้เห็นทั้งรถไฟฟ้า 100% ปลั๊กอินไฮบริด และไฮบริดบนท้องถนน สถานีชาร์จผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ไปจนถึงทิศทางของแบรนด์รถแต่ละค่าย ต่างมอบวิสัยทัศน์กว้างไกลว่า แบรนด์ของตัวเองจะเลิกผลิตรถสันดาปภายในทศวรรษหน้า จะบอกว่านี่เป็นอนาคตของวงการยานยนต์ก็คงไม่ผิดนัก
วันนี้ผมอยู่กับแบรนด์ที่จริงจังเรื่องเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าอย่าง MG ในงานแถลงข่าว “New Era New Growth for MG and Thailand Automotive Industry” ซึ่งผู้บริหารคนสำคัญ มร. จาง ไห่โป – กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้แสดงวิสัยทัศน์ และแผนการดำเนินงานในปี 2022 รวมถึงทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย จะเป็นยังไงไปฟังพร้อม ๆ กันเลยครับ
กล่าวต้อนรับโดย คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ – รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด พูดถึงความเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้านนับตั้งแต่โควิด-19 เข้ามาในปี 2019 หนึ่งในนั้นคือเรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และการวางโครงสร้างเครือข่ายพลังงานไฟฟ้าในทุกมิติ
ต่อด้วย ดร. วีระเชษฐ์ ขันเงิน คณะกรรมการกำกับและดูแลนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ มาพูดถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่เน้นส่งเสริมการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ตั้งแต่กระบวนการผลิตรถ ZEV (เฟสแรกคือ BEV) จำนวน 30% หรือประมาณ 725,000 คัน การใช้งานรถไฟฟ้า โดยการช่วยเหลือด้านภาษี (ภาษีป้ายทะเบียนของรถ EV ครึ่งหนึ่งของรถสันดาป) การสนับสนุกให้ภาครัฐเปลี่ยนมาใช้รถ ev ไปจนถึงการสนับสนุนสถานีชาร์จ DC ต้องมี 12,000 จุด ภายในปี 2030
และปิดท้ายที่มร. จาง ไห่โป กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์โลกให้ความสำคัญกับการติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อช่วยในการขับขี่ การเชื่อมต่อระหว่างคนและรถมากยิ่งขึ้น การใช้งานรถร่วมกัน (Sharing Economy) รวมถึงพลังงานสะอาด และให้ความสำคัญกับ Zero Emission ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เติบโตอย่างก้าวกระโดด คาดการณ์ว่า ไม่เกินปี 2030 นี้ จะมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 25 ล้านคันทั่วโลก
ความสำเร็จของ MG ในปี 2021
แม้จะมีสถานการณ์โควิด-19 แต่เอ็มจีมียอดขายรวมอยู่ที่ 31,005 คัน หรือมีอัตราการเติบโตที่ 9.5% โดยมีสถิติที่น่าสนใจ เช่น ALL NEW MG5 สามารถขึ้นเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มรถยนต์ขนาดเล็กหลังเปิดตัวเพียงแค่ 2 เดือน
รถในกลุ่ม SUV สามารถรั้งตำแหน่งในกลุ่มผู้นำ ส่วนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้นจากกลุ่มลูกค้าทั่วไปและลูกค้าองค์กร ครองการเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 90%
MG ในฐานะผู้นำด้านรถไฟฟ้า
คำว่า “อีวี” ของ เอ็มจี ไม่ใช่แค่ตัวรถ แต่รวมถึงระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่ผสมผสานเทคโนโลยี ความทันสมัย และความคุ้มค่า เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน
เป้าหมายใหญ่ของเอ็มจี คือ การสร้างรากฐานของสังคมยานยนต์ไฟฟ้า ให้กับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Ecosystem ให้แข็งแกร่งและหยั่งรากลึกในประเทศไทย รวมถึงผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เทียบชั้นอุตสาหกรรมยานยนต์โลก สมกับตำแหน่งผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างแท้จริง
ถึงแม้นโยบายต่าง ๆ จากทางรัฐจะมาช้า แต่ทาง MG ก็ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะเทคโนโลยีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แผนการทำงานของ MG ในปี 2022
ปี 2022 MG มีแผนลงทุนแบตเตอรี่กว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมไปถึงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2023 รวมถึงตั้งเป้าหมายยอดขายรวมภายในประเทศ 50,000 คัน (ปี 2021 ทำได้ 32,000 คัน) และทำให้รถ SUV เข้ามาเป็นส่วนแบ่งในตลาดมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้รถของคนไทยแต่ละกลุ่ม
คงเห็นภาพชัดขึ้นว่า MG เอาจริงเอาจังกับเรื่องเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า รวมถึงพร้อมผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยก้าวสู่ยุคใหม่ขนาดไหน ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ผมเชื่อว่าอีกไม่นานรถไฟฟ้าจะเป็นของที่มีอยู่ทุกบ้านอย่างแน่นอน
แต่หากใครที่ยังไม่กล้าก้าวขาไปแบบเต็มตัว เอ็มจียังมีทางสายกลางทั้งรถไฮบริด ปลั๊กอินไฮบริดให้คุณได้เลือกใช้อยู่ เรามารอดูกันว่ารถรุ่นใหม่ของเอ็มจีจะมีอะไรให้ว้าวบ้าง ซึ่งแบไต๋ไม่พลาดที่จะเอามารีวิวแบบเจาะลึกให้ทุกคนได้รู้แน่นอนครับ