ต้องยอมรับว่าการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ เราไม่มีทางเลือกกับสภาพอากาศภายในเมืองมากนัก การเปลี่ยนแปลงสู่อากาศที่ดีขึ้นต้องใช้เวลา ทั้งเปลี่ยนผ่านจากรถที่ใช้น้ำมันสู่รถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ปล่อยมลพิษสู่อากาศ หรือการผลักดันกฎหมายสภาพอากาศต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดการควบคุมมลพิษมากขึ้น ซึ่งเราก็ต้องช่วยกันให้เกิดขึ้นได้จริงต่อไป
แต่อากาศที่เราสามารถจัดการได้ด้วยมือเราตอนนี้ คืออากาศในบ้านของเรา วันนี้เราจึงมาแบไต๋เทคโนโลยีฟอกอากาศต่างๆ ให้ฟังกัน ทั้ง HEPA Filter, Activated Carbon หรือถ่านกัมมันต์ รวมถึงเทคโนโลยีสร้างอนุภาคไฟฟ้าในอากาศอย่าง Panasonic nanoe X (นาโน อี เอกซ์) ด้วยครับ
เทคโนโลยีฟอกอากาศที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาของอากาศในแต่ละเรื่องที่แตกต่างกันไปครับ เราจึงเห็นว่าในเครื่องฟอกอากาศหรือเครื่องปรับอากาศ มีการใช้เทคโนโลยีฟอกอากาศหลายตัว ผสมกันเพื่อจัดการอากาศให้ออกมาดีที่สุด
เริ่มต้นจากกลุ่มเทคโนโลยีจัดการฝุ่นในอากาศ ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ คือ PM10 (Particulate Matter) หรือฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 10 ไมโครเมตร และ PM2.5 หรือฝุ่นที่มีขนาดเล็กว่า 2.5 ไมโครเมตร ที่สามารถดูดซึมเข้ากระแสเลือด จนทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้
ซึ่งเทคโนโลยีที่จัดการเรื่องฝุ่นในอากาศนี้คือฟิลเตอร์กรองอากาศ ที่ทำงานโดยอาศัยหลักการง่าย ๆ คือใช้พัดลมดูดอากาศมาผ่านฟิลเตอร์ที่มีลักษณะเป็นตาข่ายละเอียด เพื่อดักฝุ่นและอนุภาคที่ลอยอยู่ในอากาศออกไป ทำให้เราได้อากาศที่บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
แผ่นกรองยอดนิยมในปัจจุบันคือ HEPA Filter หรือ High-Efficiency Particulate Air หมายถึงแผ่นกรองที่มีประสิทธิภาพสูงนั้นเอง โดยมีการกำหนดมาตรฐานว่าแผ่นกรองที่จะเรียกว่า HEPA ได้ จะต้องดักฝุ่นขนาดใหญ่กว่า 0.3 ไมโครเมตร (PM0.3) ได้มากกว่า 99.95% ขึ้นไป ถ้าดักได้น้อยกว่านี้ก็จะเป็นแผ่นกรองชนิด EPA ซึ่งต้องดักฝุ่นขนาด 1 ไมโครเมตรได้มากกว่า 85% ครับ
เราจึงมักเห็น HEPA Filter มาพร้อมฟิลเตอร์กรองฝุ่นแบบตาข่ายหยาบ ๆ ด้วย เพื่อดักฝุ่นขนาดใหญ่ ไม่ให้เข้าไปติด HEPA Filter จนอายุการใช้งานลดลงเร็วเกินไป ซึ่งเราสามารถดูดฝุ่นทำความสะอาดฟิลเตอร์หยาบตัวนี้ได้ แต่ HEPA Filter ถ้าใช้จนครบอายุแล้ว ก็ต้องซื้อเปลี่ยนใหม่อย่างเดียวครับ
ปัญหามลพิษในอากาศต่อมาคือกลิ่นครับ ซึ่ง HEPA Filter ไม่สามารถช่วยลดกลิ่นได้ จึงต้องมีฟิลเตอร์อีกตัวคือ Activated Carbon หรือถ่านกัมมันต์ เข้ามาช่วยจัดการ
หน้าตาก็จะเป็นแผงสีดำๆ ที่มีผงถ่านอยู่ด้านในแบบนี้ ซึ่งภายในของถ่านกัมมันต์นั้นจะมีรูพรุนจำนวนมาก จึงสามารถดักจับกลิ่นและ VOC (Volatile organic compound) ที่เป็นสารอินทรีย์ระเหยง่ายในอากาศที่อาจเป็นอันตราย เช่นกลิ่นน้ำมัน หรือกลิ่นสีต่าง ๆ ได้ ทำให้กลิ่นในห้อง ลดลงเร็วกว่าปกติ ซึ่งคุณสมบัติดูดซับกลิ่นของถ่านกัมมันต์ ทำให้เราเอาไปใช้ดูดกลิ่นในตู้เย็น หรืออยู่ในเครื่องกรองน้ำ เพื่อดูดกลิ่นในน้ำได้ด้วยครับ
แต่ฟิลเตอร์ทั้ง 2 ประเภทใหญ่ ๆ ที่ผมเล่ามาก็ยังไม่สามารถจัดการกับเชื้อโรค เชื้อไวรัส เชื้อราที่อยู่ในอากาศได้ จึงต้องการมีฟอกอากาศในอีกรูปแบบหนึ่งที่อาศัยไฟฟ้ามาสร้างประจุในอากาศ เช่นเทคโนโลยี Panasonic nanoe X จากญี่ปุ่นครับ
ชื่อเทคโนโลยี nanoe นั้นมาจากคำว่า Nano Technology + electric ครับ ซึ่งหลักการทำงานของมันคือใช้ไฟฟ้าเพื่อสร้างอนุมูลอิสระไฮดรอกซิลหรืออนุภาคที่มีโมเลกุลของออกซิเจน และไฮโดรเจน (OH) ซึ่งอนุภาคลักษณะนี้จะอยู่ในอากาศได้ไม่นาน พานาโซนิคจึงพัฒนาให้เทคโนโลยีนี้เพื่อสร้างอนุมูลอิสระไฮดรอกซิลจำนวนหนาแน่น แล้วนำน้ำไปล้อมรอบ เพื่อให้คงสภาพอยู่ในอากาศได้นานถึง 10 นาที
เมื่ออนุภาค OH ลอยไปเจอกับสิ่งต่างๆ เช่นไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา กลิ่นไม่พึงประสงค์ สารก่อภูมิแพ้ ละอองเกษรดอกไม้ และสารก่ออันตรายต่างๆ ก็จะดูดเอาธาตุไฮโดรเจนออกจากเป้าหมาย ถ้าเป็นเชื้อโรค ก็ทำให้โปรตีนสูญเสียองค์ประกอบไปจนเชื้อถูกยับยั้ง ถ้าเป็นกลิ่นไม่พึงประสงค์ ก็จะถูกดูดไฮโดรเจนออกไปจนคงสภาพเดิมไม่ได้ และถูกกำจัดไป
ซึ่งเมื่ออนุภาค OH ได้ H มาเติมก็จะกลายเป็น H2O หรือน้ำนั้นเอง ทำให้เมื่อสิ้นสุดปฏิกิริยาก็จะได้ผลลัพธ์เป็นไอน้ำที่ไม่มีพิษครับ
โดย nanoe X นั้นเป็นการพัฒนาเทคโนโลยี nanoe ให้ดีขึ้น สามารถสร้างอนุมูลอิสระไฮดรอกซิล ที่ระดับ 9.6 ล้านล้านอนุมูลต่อวินาที เทียบกับ nanoe เดิมที่สร้างได้ระดับ 480,000 ล้านอนุมูลต่อวินาที โดยเมื่อมีการสร้างอนุมูลอิสระออกมามากขึ้น ก็ทำให้อนุมูลอิสระไฮดรอกซิลเหล่านี้สามารถลอยไปเกาะกับพื้นผิวของสิ่งของต่าง ๆ เช่นลูกบิดประตู ผ้าม่าน เพื่อยับยั้งเชื้อโรคต่าง ๆ ได้เร็วกว่า ดีกว่า nanoe เดิมครับ
Panasonic จึงพูดว่า เทคโนโลยี nanoe X จึงเหมาะสำหรับการใช้ในบ้านยุคนี้เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายเชื้อโคโรน่าไวรัสอีกด้วยครับ
นอกจากนี้การใช้เครื่องฟอกอากาศหรือแอร์ที่มี nanoe X ยังมีผลพลอยได้ในด้านรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวและเส้นผมด้วย เพราะอนุภาคจะเข้าไปรวมตัวกับไขมันธรรมชาติเพื่อเคลือบผิวหนัง ทำให้ผิวหนังลอกลดลง และความชื้นจาก nanoe X ยังทำให้ผมมีโอกาสแห้งเสียลดลงด้วย
เมื่อ nanoe X ไม่จำเป็นต้องใช้ฟิลเตอร์เหมือนกับ HEPA หรือถ่านกัมมันต์ ทำให้สามารถใช้งานในส่วนนี้ได้ยาวนาน โดยไม่ต้องเปลี่ยนอะไหล่สิ้นเปลืองบ่อย ๆ ด้วย เก็บเงินไว้เปลี่ยน HEPA Filter อย่างเดียวพอ
เมื่อรู้จักเทคโนโลยีในวงการฟอกอากาศกันไปแล้ว ก็ลองพิจารณาเทคโนโลยีที่เหมาะกับความต้องการของเรากันนะครับ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยี nanoe™ X ได้ที่นี่เลย https://bit.ly/3GQjYGC