[บทความ] เกิดอะไรขึ้นกับวงการเกม ทำไมเกิดการปลดพนักงานครั้งใหญ่

หนึ่งในเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดในวงการเกมในตอนนี้คือการปลดทีมงานของค่ายครั้งใหญ่ ที่ไม่ว่าค่ายเจ้าประจำที่ชอบปลดอย่าง EA หรือค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Sony, Microsoft แม้แต่ Nintendo ก็มีข่าวว่าได้ปลดพนักงานออกในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

แล้วทำไมถึงได้เกิดเหตุการณ์นี้ถึงเกิดขึ้นกับวงการเกม ซึ่งหากติดตามข่าวเศรษฐกิจจะรู้ว่าตอนนี้เกิดวิกฤตทั่วโลก เพราะหลังจากโรคระบาดผ่านพ้นไปเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดี แถมต่อด้วยสงครามทางการค้าและสงครามจริง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่บริษัทจะปลดคนออกเพื่อความอยู่รอด เพราะมันเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด

ต้นทุนเกมทุกวันนี้สูงมากจนต้องลดต้นทุน

อีกจุดหนึ่งที่ค่ายเกมต้องรัดเข็มขัดคือทุนสร้างเกมที่ทุกวันนี้เกมฟอร์มยักษ์ระดับ AAA ต้องใช้เงินมากขนาดแซงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ไปแล้ว เช่น ‘Marvel’s Spider-Man 2’ ที่มีข้อมูลหลุดว่ามันใช้ทุนสร้างมากถึง 315 ล้านเหรียญ ทำให้ต้องขายให้ได้เกิน 10 ล้านชุดถึงจะทำกำไร ซึ่งแม้ว่าตัวเกมจะทำยอดเข้าเป้าจริงแต่ก็ได้กำไรไม่มากนัก หากไม่ใช่เกมฟอร์มยักษ์ทุนสูงที่การันตีว่าจะขายดีจริง ๆ อย่าง ‘Call of Duty’ หรือ ‘GTA’ ก็ยากที่จะคืนทุน

และการลดต้นทุนที่ง่ายที่สุดก็อย่างที่บอกไปคือการปลดทีมงานส่วนเกินออกไป และทุกวันนี้ทีมงานของค่ายมีจำนวนมากเกินความจำเป็น แถมหากไปค้นข้อมูลเงินเดือนของทีมงานสร้างเกมก็ค่อนข้างสูง (ในต่างประเทศ) ทำให้ไม่น่าแปลกใจอะไรที่เจ้าของค่ายจะเลือกแนวทางนี้เพราะต้นทุนที่สูงที่สุดคือจำนวนพนักงานที่เป็นส่วนเกินออกไป

วงการเกมกำลังเปลี่ยนผ่านสู่เกมจากค่ายเล็ก

ในยุคนี้การหาช่องทางจัดจำหน่ายเกมเป็นเรื่องง่ายมาก เพราะมีร้านค้าออนไลน์มากมายไม่ว่าจะเป็น Steam หรือบนคอนโซลก็มีถือว่าเป็นเวทีแจ้งเกิดของค่ายเกมเล็ก ๆ บางค่ายมีทีมงานไม่กี่คนก็สามารถสร้างวิดีโอเกมที่ประสบความสำเร็จถล่มทลายได้เช่น ‘Stardew Valley’ ที่เริ่มต้นด้วยคนสร้างคนเดียวแต่ทำยอดขายได้หลักสิบล้านชุด

หรือล่าสุด ‘Palworld’ ที่ประสบความสำเร็จมหาศาลที่สร้างจากค่ายเกมเล็ก ๆ อย่าง Pocketpair ที่ใช้ทุนสร้าง 6.7 ล้านเหรียญเท่านั้น แต่มียอดขายเกิน 19 ล้านชุด หรือล่าสุดกับเกม ‘Stellar Blade’ ที่ไม่ได้มาจากค่ายยักษ์ใหญแต่สร้างกระแสได้ทั่วโลกจนทำยอดจองล่วงหน้าได้ถล่มทลาย โดยไม่ได้เป็นภาคต่อหรือมาจากทีมงานที่มีชื่อเสียงมาก่อน หรือเกม ‘Baldur’s Gate 3’ ที่ไม่ได้มาจากค่ายยักษ์ใหญ่เช่นกันแต่ก็ประสบความสำเร็จขายดีและยังได้รับรางวัลเกมยอดเยี่ยมแห่งปี 2023 แซงหน้าเกมฟอร์มยักษ์จากค่ายอื่นไปได้

เชื่อว่าค่ายเกมยักษ์ใหญ่เองก็มองหนทางที่ไม่ต้องใช้เงินทุนสูงจากทีมงานดังภายในบริษัท แต่หันไปสนับสนุนทีมงานเล็ก ๆ แล้วโปรโมตเกมให้เป็นกระแสและต่อให้มันจะขายไม่ดีค่ายเกมก็ไม่เจ็บตัวหนัก แต่หากมันกลายเป็นกระแสขึ้นมาแบบ เกม ‘Stellar Blade’ มันจะทำกำไรได้มหาศาล ซึ่งมันอาจจะเป็นแนวทางใหม่ที่บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ใช้ในการสร้างวิดีโอเกมในอนาคตและมันส่งผลให้มีการปลดทีมงานที่เป็นพนักงานประจำ

ระบบ AI ช่วยทำงาน

ประเด็น AI นี้อาจจะดูว่าไม่ใช่ของแปลก เพราะทุกวงการต่างหวาดกลัวการมาของระบบปัญญาประดิษฐ์มาแย่งงาน และแวดวงเกมก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้จะยังไม่มีอะไรมายืนยันว่ามีการนำมาสร้างเกมแล้วจริง ๆ แต่มันก็สามารถช่วยเสริมทีมงานให้สร้างเกมได้รวดเร็วขึ้นอย่างมาก และระบบ AI ยังมีการพัฒนาขึ้นทุกวันทำให้มันสามารถทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงได้ในอนาคตอันใกล้

และแน่นอนในเมื่อ AI มันฉลาดขึ้นจึงไม่จำเป็นต้องมีทีมงานมากมายเหมือนกับยุคก่อนแล้ว แม้ว่าจะมีกระแสต่อต้านเกมทีมที่สร้างด้วย AI ก็ตามแต่เชื่อเถอะว่ามันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานในอนาคตเพราะมันทำให้ประหยัดเงินได้และไม่จำเป็นต้องจ้างทีมงานมากเกินความจำเป็น และเราไม่สามารถหนีมันพ้นแน่ เพราะขึ้นชื่อว่า “นายทุน” หากอะไรสามารถทำให้เสียเงินน้อยลงไม่มีทางที่จะไม่เลือกใช้งาน

ปลดเพราะการเข้าซื้อบริษัท

ข้อมูลนี้มาจากทีมงานสร้างเกม ‘Baldur’s Gate 3’ ที่ได้ออกมาบอกว่าสาเหตุที่แท้จริงแล้วการปลดทีมงานสร้างเกมมาพร้อมเมื่อมีการเข้าซื้อกิจการจะมีการปลดพนักงานเพื่อเอาใจผู้ถือหุ้นเท่านั้น และการเงินของบริษัทไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย ซึ่งก็ไม่ใช่แค่แวดวงเกมเท่านั้น เพราะทุกการควบรวมหรือการเข้าซื้อบริษัทการลดต้นทุนด้วยการปลดคนงานจนเป็นเรื่องปรกติ

เพราะเมื่อมีการลดต้นทุนสำเร็จหุ้นก็จะขึ้น ผู้ถือหุ้นรายใหม่ก็ได้เงินมากขึ้นฟังดูอาจจะโหดร้ายแต่ตลาดวิดีโอเกมก็เป็นส่วนหนึ่งของโลกธุรกิจทำให้ไม่แปลกที่จะมีการใช้วิธีการเดียวกัน และก็เป็นอีกสาเหตุที่ค่ายเกมที่สร้าง ‘Baldur’s Gate 3’ ไม่ยอมขายกิจการให้ค่ายใหญ่เพราะไม่อยากให้กระทบกับทีมงาน

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการปลดทีมงานในวงการเกมยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เพราะมันไม่ใช่แค่วงการเกมมันเป็นแทบทุกวงการเพราะไม่มีใครหนีพ้นวิกฤตเศรษฐกิจนี้พ้น อย่างไรก็ตามในส่วนของแฟนเกมคงจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะเรายังคงมีเกมดี ๆ ออกมาให้เล่นกันต่อเนื่องเหมือนเดิมเพียงแต่มันอาจจะไม่ได้มาจากค่ายใหญ่หรือเป็นเกมที่มีต้นทุนที่ลดลงเน้นที่ความสนุกของเกมเพลย์มากกว่า