ในตอนนี้ทั้งวงการเกมและภาพยนตร์คงจะรู้จักการมาของ Woke ที่เข้ามามีอิทธิพลอย่างมาก เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทั้งหนังและเกมมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและการนำเสนอ ที่การ Woke ทำให้มีความหลากหลายมากขึ้น แต่ในพักหลังมันเกิดดราม่าตามมามากมายจนหลายคนสงสัยว่ามันควรจะมีหรือไม่

Woke คือ?

ก่อนจะเข้าประเด็นต้องมาทำความรู้จักกับคำว่า “Woke” (โวค) ที่หมายถึงการตื่นรู้หรือมีความตระหนักในความไม่เท่าเทียมกันในสังคม โดยมีการเน้นหนักไปที่การเหยียดสีผิว, เหยียดเชื้อชาติ หรือเหยียดเพศ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาเราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในวงการภาพยนตร์อย่างชัดเจน เช่น การเปลี่ยนตัวละครนางเงือกน้อยใน ‘The Little Mermaid’ มาเป็นคนผิวสี หรือประเด็นในซีรีส์ Star wars ที่กำลังร้อนแรงอยู่ในตอนนี้

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นก็เริ่มมีกระแสตีกลับมากมาย เพราะว่าการ Woke มันเหมือนเป็นการยัดเยียดมากจนเกินไป จนมีดราม่าที่รุนแรงในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ดูเหมือนความ Woke จะไม่ได้ลดน้อยลง แต่กลับลามมาสู่วงการเกม เพราะเริ่มมีผู้พบว่าเรื่องราวและตัวละครในหลายเกมเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด และชื่อชาว Woke ที่แฟนเกมได้ยินมาตลอดคือบริษัท Sweet Baby Inc.

Sweet Baby Inc. ต้นกำเนิดความ Woke ในเกม

ก่อนอื่นก็มาทำความรู้จัก Sweet Baby Inc. สักนิด โดยเป็นบริษัทที่เพิ่งจะเปิดไปไม่นานนี้ (เปิดในปี 2018) โดยหน้าที่ของค่ายจะทำตัวเป็นที่ปรึกษาในส่วนของการเล่าเรื่องราวในวิดีโอเกม เพื่อให้มีความถูกต้องและมีเนื้อเรื่องที่ดี และแน่นอนต้องมี “ความหลากหลาย” โดยค่ายก่อตั้งโดย คิม เบเลียร์ (Kim Beliar) ที่เคยทำงานกับค่าย Ubisoft รวมทั้ง EA ในส่วนของการเขียนเนื้อเรื่องในเกม

ส่วนประเด็นที่จะมาพูดถึงวันนี้คือการมาของ Sweet Baby Inc. ทำไมแฟนเกมต้องกลัว ประเด็นแรกคือผลงานของค่ายที่ออกวางขายมาแล้วล้วนสร้างความปวดหัวให้กับแฟนเกม เช่น การมาของ ‘Suicide Squad: Kill the Justice League’ ที่เป็นหนึ่งในผลงานของ Sweet Baby Inc. ที่กลายเป็นฝันร้ายสำหรับแฟนซูเปอร์ฮีโรของ DC และทำลายเรื่องราวดี ๆ ของซีรีส์ ‘Batman Arkham’ จนหมดด้วยความ Woke

ตามด้วย ‘Marvel’s Spider-Man 2’ ที่มีประเด็นดราม่าที่หน้าตาของตัวละคร Mary Jane มีการปรับหน้าตาให้มีความสวยลดลงจากภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด และมีผู้พบว่า Sweet Baby Inc. มีชื่ออยู่ในเบื้องหลังของการสร้างเกม และยังมีอีกหลายเกมที่แฟน ๆ สังเกตว่าเนื้อเรื่องและตัวละครได้มีการเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่ได้มีเหตุผลมารองรับ และยังมีดราม่าการเปลี่ยนเปลี่ยนตัวละคร Angrboda ในเกม ‘God Of War Ragnarok’ ให้กลายเป็นคนผิวสีซึ่งเกมนี้ Sweet Baby Inc. มีส่วนร่วมในการสร้างด้วย

แล้วทำไมค่ายเกมต้องยอม

แล้วทำไมต้องร่วมงานกับ Sweet Baby Inc. ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ฟรี เพราะมีข่าวว่าค่าย Game Science สตูดิโอผู้สร้างเกมไซอิ๋ว ‘Black Myth Wukong’ ได้โดนเรียกเงินมากถึง 7 ล้านเหรียญเป็นค่าที่ปรึกษาให้กับ Sweet Baby Inc. แต่การที่บางค่ายยอมก็มีหลายสาเหตุยกตัวอย่างเช่น หากไม่ร่วมงานด้วยก็จะโดนชาว Woke ทัวร์ลงผ่านโซเชียลมีเดียว่าเกมขาดความหลากหลาย หรือไม่ได้รับการโปรโมตเกม ยกตัวอย่างกับเกม ‘Hogwarts Legacy’ ที่ไม่ยอมร่วมงานกับ Sweet Baby ซึ่งหลังจากนั้นก็เกิดดราม่ามากมายและบางสื่อก็ไม่ยอมช่วยโปรโมตเกมในข้อกล่าวหาว่าขาดความหลากหลายทางเพศ

อีกสาเหตุที่ค่ายเกมต้องจำยอมคือ “DEI” (Diversity Equity Inclusion) ที่เป็นคะแนนใส่ใจสังคม ใส่ใจสิ่งแวดล้อมของบริษัท และความเท่าเทียมก็เป็นส่วนหนึ่งด้วย และยังมีระบบ ESG (Environmental, Social and Governance) หรือแนวคิดการพัฒนาองค์กรที่ไม่ได้หวังเพียงทำกำไรเท่านั้น แต่ต้องคิดถึงปัจจัยทางสังคม, มีธรรมาภิบาล, และสิ่งแวดล้อมด้วย ทำให้หลายบริษัทจึงยอมให้มีการ Woke ในองค์กร

ที่เกม Sweet Baby Inc. เข้าไปมีส่วนร่วม

และยังมีอีกสาเหตุเพราะการที่องค์กรมีคะแนน DEI ที่สูงก็จะมีโอกาสรับเงินลงทุนจากบริษัท Vanguard และ Blackrock ที่เป็น 2 บริษัทที่มีเงินลงทุนมหาศาล และหากให้ Sweet Baby Inc. มาดูแลในส่วนเนื้อเรื่องทำให้มีโอกาสได้เงินลงทุนเพิ่ม ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่หลายค่ายจะยอมให้มีการ Woke ในเกมของค่ายทั้ง ๆ ที่มันอาจจะขัดใจแฟนเกม

แฟนเกมควรจะกังวลหรือไม่

แน่นอนว่าเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงเกมที่ชอบให้มีความ Woke มากขึ้นทำให้แฟน ๆ ทั่วโลกไม่พอใจและได้เริ่มออกมาต่อต้าน Sweet Baby Inc. ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยเห็นกันบ่อย ๆ ที่ทุกเสียงเป็นเอกฉันท์ที่จะต่อต้านการ Woke แบบยัดเยียด ถึงกับมีแฟนเกมรวมตัวก่อตั้ง “Sweet Baby inc Detected” เพื่อจับตามองว่าเกมไหนมี Sweet Baby Inc. ร่วมงานก็จะถูกจับตามองเป็นพิเศษ แต่ในส่วนของค่ายเกมก็มีข้อมูลหลุดออกมาจากเอกสารภายในองค์กรว่า ค่ายยักษ์ใหญ่ค่ายหนึ่งจะสนับสนุนความหลากหลายอย่างชัดเจนแบบไม่ได้โดนบังคับ หรือต้องการเงินทุนอะไร

ส่วนนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวลไม่น้อย เพราะว่าในอนาคตระยะยาวมันอาจจะเป็นมาตรฐานใหม่ในการสร้างเกมก็เป็นไปได้ ถึงแฟน ๆ จะไม่ชอบการ Woke ในเกมก็ตาม แต่หากมันค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาทีละนิด ๆ สักวันหนึ่งมันอาจจะเป็นสิ่งปรกติที่พบเห็นได้ ไม่เชื่อก็ลองคิดดูว่าบางสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมเราตอนนี้ หากมองย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อนมันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เลยแต่ทุกวันนี้มันกลายเป็นเรื่องปรกติไปแล้ว

โลกของวงการเกมตอนนี้เหมือนมาถึงทางแยกในประวัติศาสตร์อีกครั้ง เมื่อแนวคิดทางการเมืองแบบ Woke เริ่มแทรกซึมเข้ามา ทำให้ค่านิยมของเกมโดยเฉพาะเกมในฝั่งตะวันตกเปลี่ยนไป (ส่วนเกมจากฝั่งตะวันออกอย่างจีนหรือญี่ปุ่น แนวคิดนี้เกิดยากกว่ามาก เพราะคุณค่าความสวยงามแตกต่างกัน) แน่นอนว่าก็มีผู้เล่นเกมกลุ่มใหญ่ที่ไม่ชอบความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ซึ่งนี้ก็จะเป็นความขัดแย้งครั้งสำคัญในวงการเกม ที่จะกำหนดอนาคตสื่อบันเทิงนี้ว่าจะหันไปในทิศทางใด แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้วงการเกมที่เรารัก กลายเป็นเครื่องมือแสดงความต้องการทางการเมืองไปแล้ว