ทีมงาน BT Beartai / Thailand Game Show ได้มีโอกาสบินไกลถึงโตเกียว ตามคำเชิญของค่ายระดับตำนานอย่าง Konami เพื่อมาทดลองเล่น Silent Hill 2 Remake ภาคใหม่กันก่อนใครในโลก ! ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นเกียรติอย่างมากสำหรับการมา Hands On สุด Exclusive ในครั้งนี้ ส่วนตัวเกมจะเป็นอย่างไร ไปชมกันเลย !

บรรยากาศงาน Silent Hill 2 Media Premiere

อย่างที่ทราบกันว่าภาค Remake นี้ได้รับการพัฒนาโดย Bloober Team ผู้ที่พัฒนาเกมอย่าง The Medium, Layers of Fear, Blair Witch และ Observer ก็ทำให้เราได้พบกับทีมของสตูดิโอนี้ที่เป็นผู้พัฒนาหลักด้วย คุณ Mateusz Lenart ที่เป็น Creative Director ของทีม และ Maciej Glomb ที่รับหน้าที่ Lead Producer ของทีม มาคอยนำเสนอถึงเกมในภาคนี้

ตัวเกมได้รับการสนับสนุน และร่วมพัฒนาโดยสมาชิกทีม Silent Team ดั้งเดิมอย่างคุณ Akira Yamaoka และคุณ Masahiro Ito ซึ่งทั้งสองคนเป็นหัวเรือในการดูแลตัวเกมตั้งแต่ภาคดั้งเดิม ในส่วนของงานเสียง และงานคอนเซปต์ และหัวเรือหลักอย่างคุณ Motoi Okamoto ก็ทำให้เราเชื่อมือได้ว่า แม้ตัวเกมในภาครีเมกจะรับหน้าที่พัฒนาโดยทีมใหม่อย่าง Bloober Team เป็นหลัก แต่ตัวเกมจะออกมาในแนวทางที่ Silent Hill 2 ควรจะเป็นอย่างแน่นอน

ไม่พูดกันเยอะ ขอเล่าถึงตัวเกมและประสบการณ์การเล่นกันเลย โดยตัวเกมเวอร์ชันที่ได้ทดลองเป็นเวอร์ชัน PlayStation 5 ประมาณช่วงต้นของตัวเกม 3-4 ชั่วโมงแรก คือช่วงต้นเกมที่พระเอกอย่าง James Sunderland ของเราเดินทางมาถึงเมืองจนประมาณเจอบอสไฟต์แรกกับ Pyramid Head ซึ่งก็เรียกได้ว่าตรงตามต้นฉบับมาเลยไม่บิดอะไรมากมายเท่าไหร่

ประทับใจในความโคตรหลอน

ด้วยความที่ตัวเกมขัดเกลา และพัฒนาด้วย Engine อย่าง Unreal Engine 5 ทำให้บรรยากาศของเมืองห่าผีมันมีความขนลุกขนพองมากกว่าเดิมอย่างมาก แสงเงา Ray Tracing และโมเดลความละเอียดสูงใหม่ ที่เติมเต็มให้เมืองถ่ายทอดความรู้สึกที่เดียวดาย และความรู้สึกที่วิปริตผิดเพศของเมือง มันทำออกมาได้อย่างดีมาก ทุก Assets ทุกมุมของแมป เขาคราฟต์ออกมาได้มีดีเทล และงดงามในสไตล์ Silent Hill เรียกได้ว่าทุกคนที่ได้ลอง Silent Hill 2 Remake กันในชั่วโมงแรก กราฟิกจะเป็นสิ่งที่ทำให้ประทับใจได้ไม่ยาก และความ Nostalgia แบบเต็ม ๆ เพราะแมปถูกสร้างให้มีเค้าโครงของรายละเอียดแมปเดิมมากที่สุด ใครเซียนแมปเดิมก็แทบจะ (เกือบ) หลับตาเดินเหมือนเดิมได้อยู่นะ

และด้วยความที่เป็น Silent Hill มันมีอันตรายมากมายคอยดักเราอยู่ในทุกหัวมุม โดยไอ้ทุกหัวมุมที่ว่านี่ ใครเซียน Silent Hill 2 ภาคดั้งเดิมมา แล้วกลัวว่าจะเป็นการ Remake ดาด ๆ ที่แม้แต่ตำแหน่งศัตรูก็วางที่เดิม ขอให้สบายใจได้เลย เพราะนอกจากจะปรับเปลี่ยนตำแหน่งของศัตรูแล้ว ศัตรูยังโจมตีไม่เหมือนเดิม และระบบ Combat ของเราก็ไม่เหมือนเดิมด้วยเช่นกัน โดยพอเอามารวมกับกราฟิกที่ยกระดับไปขนาดมาตรฐานของ Unreal Engine 5 แล้ว ถือว่าเด็ดดวงเอาซะอย่างมาก โคตรหลอน !

โดยการตุ้งแช่ของภาคนี้ก็ทำได้เจ๋งมาก และถูกเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อย่างเช่นศัตรูตัวแรกที่เราได้เจอ เราจะได้พบเจอมันเดินผ่านหน้าผ่านตาแบบไว ๆ ก่อน แต่ภาพที่ได้เห็นมันคือลักษณะของสัตว์ประหลาดที่หน้าตามันไม่ใช่คนแน่ ๆ แล้วมาเจออีกครั้งก็คือมันคลานออกมาอย่างรวดเร็วจากใต้ท้องรถ ทำให้เราเข้าใจว่า อ๋อ ต่อไปเราต้องระวังมันแทบทุกหัวมุมเลยทีเดียว ถือว่าเป็นการนำเสนอ Horror Element ในแบบที่สร้างสรรค์ ไม่ได้ยัดเยียดแค่ว่าจะตุ้งแช่ มีลำดับในการนำเสนอว่าต้องเล่นกับจิตใจคนเล่นยังไง

ตัวเกมเวอร์ชันที่เราได้ทดลองเล่นมีดีเทลที่ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยเห็นในตัวอย่างช่วงแรกที่ออกมาเมื่อต้นปีอยู่เหมือนกัน อย่างเช่น เอฟเฟกต์เลือดกระเซ็นที่คนล้อกันว่ามันดูตลก เหมือนกระเซ็นออกมาเป็นภาพ PNG เลย ก็ถูกปรับใหม่ให้กระเซ็นดูสมจริง ไม่ลอย และไม่ดูแปลกตาแล้ว ถือว่าฟังเสียงจากแฟน ๆ และแก้ไขได้ทันท่วงทีอยู่เหมือนกัน

คอมแบตที่เร้าใจกว่าเดิม

พาร์ตที่ประทับใจมากอีกอย่างคือ Combat Gameplay ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง เพราะคราวนี้ตัวเกมใช้มุมมองล็อกแบบบุคคลที่ 3 ข้ามหัวไหล่ตลอดเวลาแล้ว ก็ถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย และก็ทำให้เกมเพลย์หลัก ๆ ถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วยนั่นเอง โดย Melee Combat หรือการต่อสู้ระยะประชิดทำได้เข้มข้นมากกว่าเดิม เร้าใจกว่าเดิม และต้องใช้สมาธิมากกว่าเดิม เพราะแม้แต่ศัตรูเริ่มต้นก็ฆ่าเราได้อย่างง่ายดาย ถ้าเราไม่ระวังมากพอ ตัวระบบ Melee ไม่ซับซ้อน มีแค่การหลบ และเข้าไปตีแค่นั่นเลย แต่การเพิ่มระบบ Dodge เข้ามานี่แหละทำให้ตัวเกมสนุกขึ้นกว่าเดิมอย่างมากในส่วนนี้ และพวก feedback อย่างเลือดกระเซ็น หรือ animation ต่าง ๆ ก็ช่วยเติมเต็มให้เราสะใจได้อย่างดีเยี่ยม

เรื่องระบบของการสำรวจแมปก็ถูกใจอีกอย่าง คือมันมีระบบการทุบพังข้าวของอย่างกระจก แล้วมันเป็นไปได้ว่าเราอาจจะพบไอเทมพิเศษ หรือทางไปต่อลับด้วย บวกกับบรรยากาศเมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยร้านค้า และถิ่นที่อยู่ที่รายล้อมไปด้วยหน้าต่าง มันทำให้เราอยากเดินสำรวจมากขึ้น ให้เราขยันมองหาพวกจุดนี้ได้มากขึ้น และยังรวมถึงกระจกรถยนต์ด้วย คือมี 4 กระจก ก็ทุบมัน 4 กระจก เผื่อเจอของข้างใน (ฮา) และยังรวมไปถึงจุดสำรวจที่มันควรจะเปิดได้ตามพื้นที่ เช่น ลิ้นชัก ตู้ และอีกมากมาย

ซึ่งตัวเกมนำเสนอสิ่งต่าง ๆ พวกนี้ได้อย่างดีเยี่ยม และพยายามคงตามรูปแบบการนำเสนอในแบบของดั้งเดิมแทบทุกจุด ไม่ว่าจะเป็นคัตซีนของเรากับ Maria ที่ขึ้นหิ้งระดับตำนาน การพบเจอไอเทม และศัตรูใหม่ครั้งแรก และการพบกันของเรากับ Pyramid Head ในครั้งแรก ถือว่าใช้ศัพท์คำว่า Recreated ได้สมบูรณ์แบบ

จุดเปลี่ยนแปลง

แน่นอนว่ายุคเปลี่ยนไป เนื้อหาบางส่วน หรือคัตซีนก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้สมเหตุสมผลมากขึ้น และดูทันสมัยขึ้น อย่างการนำเสนอไอเทม หรือเมนูแมปก็ทำได้แบบไม่ต้องตัดภาพเข้าหน้า Interface แล้ว ก็ถือว่าทำให้ตัวเกมมีความ immersive มากขึ้น และลื่นไหลมากขึ้น สมกับการ Remake (แต่พวกหน้ารวมไอเทมยังคล้ายเดิม)

เรื่องของ Puzzle ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างพอสมควร อย่างในภาคดั้งเดิม ความหฤโหดของ Silent Hill 2 จะไปตกอยู่กับปริศนาคำ (Riddle) เป็นส่วนใหญ่ คือยากขนาดที่เค้าต้องทำปริศนาคำให้มันเปลี่ยนแปลงตามระดับความยากเลย แต่พอมาภาคนี้กลับไม่ได้รู้สึกว่าพบเจอปริศนาคำโหด ๆ เท่าไหร่ (เท่าที่เล่นในช่วงแรก) แต่จะไปเล่นกับความเป็น Puzzle แบบที่หมุน ๆ ใส่ ๆ ดูความ Make Sense ของไอเทมเสียมากกว่า

ซึ่งรายละเอียดของ Puzzle เพื่อเปิดการเข้าถึงของเนื้อหา และพื้นที่ก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก อย่างช่วงแรกที่พึ่งมาถึงเมือง ก่อนเราจะเข้าอะพาร์ตเมนต์แรก ในภาคดั้งเดิมเราจะได้เข้าไวมาก จากการเดิน ๆ และแก้ปริศนาคำไม่กี่จุด แต่พอมาเป็นภาค Remake เราต้องแก้ Puzzle อันใหม่อยู่หลายจุด เพื่อเอาไปประกอบกันจนเป็นทางไปต่อ แล้วถึงเข้าอะพาร์ตเมนต์ ก็เลยทำให้เข้าใจว่าตัวเกมน่าจะยืดไปกว่าเดิมอีกพอสมควร แต่ก็ไม่อยากจะด่วนสรุป เพราะบางจุดเค้าอาจจะทำให้มันสั้นลงก็ได้ ถือว่าเป็นจุดดีที่เขาใส่ดีเทลเข้ามา ผู้เล่นเก่าจะได้ไม่รู้สึกเบื่อ

แต่ส่วนตัวคิดว่าเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ส่วนตัวชอบของ Silent Hill 2 คือเรื่องปริศนาคำนี่แหละ พอถูกปรับให้เอาออกไปเยอะ มันก็พอเข้าใจได้ แต่มันก็รู้สึกขาด ๆ ไปเหมือนกัน และตามความรู้สึกที่ได้ทดลอง Puzzle ที่ถูกปรับปรุงใหม่ อย่าง Clock Puzzle ในอะพาร์ตเมนต์ ส่วนตัวรู้สึกว่ามันทำออกมาได้ดี แต่ไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่มากมายอะไรขนาดนั้น แต่สำหรับคนอื่นอาจจะชอบกันก็ได้นะ

การพากย์เสียงแน่นอนว่าเปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่เขาพยายามทำให้เหมือนเดิมอย่างมาก คือ Silent Hill 2 ต้นฉบับมันมีจุดขายในยุคนั้นคือเรื่องของ Facial Animation (การแสดงท่าทางของสีหน้า) และเรื่องของการ ‘พากย์’ ที่เด็ดดวงเอาซะมาก ๆ โดยเฉพาะบทของ Maria ที่พากย์ออกมาได้สุดยอดของต้นฉบับ ซึ่งในจุดนี้นั้นภาค Remake ทำได้ถึงเทียบเท่ากับดั้งเดิมอยู่นะ แบบช็อตต่อช็อต ทั้งในด้านสำเนียง วิธีการพูด และบท

ตัวบทพูดจะถูกคงไว้เหมือนเดิมในบางฉาก แต่ในบางฉากก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร และแน่นอนว่าด้วย Engine ใหม่แล้ว เรื่อง Facial Animation และ Motion Capture ก็ทำได้ดีอย่างมาก แต่อาจจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนในสมัยก่อน เพราะสมัยนี้ก็มีตัวอย่างให้เห็นถึงเกมที่มีจุดขายในด้านนี้กันเยอะแล้ว

เนื้อเรื่องอาจจะฟันธงไม่ได้เต็มปากว่าเหมือนเดิมทุกจุด แต่จากบทสัมภาษณ์ที่ผมได้ฟัง และได้คุยกับทีมงาน ก็ทราบว่าตัวเกมจะคงเค้าเดิมไว้ และเพิ่มบทสรุปตอนจบใหม่ และคัตซีนใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาแทน ก็ถือว่าเป็นแนวทางของการ Remake โดยปกติของเกมยุคนี้นั่นแหละ

กันเพลย์หรือระบบปืนก็ถูกปรับปรุงให้เข้ากับมุมมองของเกมแบบบุคคลที่ 3 ข้ามหัวไหล่ แต่มันก็อาจจะไม่ได้แปลกใหม่อะไรมากมายเมื่อเทียบกันเกมยุคนี้ ถ้าฟีลที่ใกล้เคียงก็อาจจะเหมือนกันกับ Resident Evil 2 Remake เลยล่ะ แต่ว่าไม่ได้มีเรื่องของการขาดหลุดของอวัยวะศัตรู แต่เรื่องกันเพลย์และการตอบสนองค่อนข้างเหมือนกัน ซึ่งการเล็งในแต่ละจุดมีผลต่อการเคลื่อนไหวศัตรู เช่น ยิงขา ศัตรูอาจจะเป๋หรือชะงัก ยิงหัว อาจจะหงายท้องลงไปเลย เป็นต้น

หัวพีระมิด

อันนี้ขอเก็บมาพูดแยกเป็นพาร์ตเกือบสุดท้ายเลย เพราะแน่นอนว่าถ้าทุกคนพูดถึง ‘Silent Hill 2’ แล้ว หน้าของเขาจะลอยขึ้นมาเป็นคนแรก ๆ นั่นก็คือ Pyramid Head นั่นเอง ซึ่งบอสไฟต์อันนี้ถูกปรับปรุงใหม่แทบทั้งหมด แน่นอนว่าเป็นผลมาจากระบบเกมเพลย์ที่เปลี่ยนแปลงไป และการปรับปรุงให้ทุกอย่างสมเหตุสมผลขึ้น และแน่นอนว่ามันช่างเร้าใจ และน่ากลัวกว่าเดิมไปหลายขุม

ความเท่ และความน่ากลัวของ Pyramid Head มันผสมกันได้อย่างลงตัว และกิมมิกของซีนนี้อย่างการเล่นกับที่แคบก็ยังอยู่ (ถึงแม้มันอาจจะดูกว้างกว่าภาคดั้งเดิมก็ตาม) แต่ความหฤโหดของ Pyramid Head ก็ยังอยู่ครบถ้วน ฉบับที่คุณจะโดนมีดดาบพี่แกฟันเต็ม ๆ ได้แค่ประมาณ 2 ที และฟุบได้เลย เท่าที่เล่นยังดีที่พี่แกจะไม่ฟาดรัว แต่จะมีการตีระยะประชิดแบบอื่นที่ไม่ใช่มีดดาบ และมันไม่แรงขนาดมีดดาบนั่นเอง

ซึ่งเอาเข้าจริงส่วนตัว ณ ตอนแรกรู้สึกเฉย ๆ กับระบบ Melee มาก จนเริ่มได้เจอศัตรูที่โหดมากขึ้นอย่าง Mannequin และ Pyramid Head มันทำให้สิ่งที่เราโฟกัสไม่ใช่ความหลากหลายในการโจมตี แต่เป็นการอ่านความคิดและการเคลื่อนไหวของศัตรู ที่มันจะมีแพตเทิร์นที่ต้องใช้ไหวพริบ และการจดจำอยู่ ซึ่งถึงแม้เราจะทำได้เพียงกดหลบให้ไว และทุบให้ไว มันก็ตื่นเต้นมากแล้ว เพราะบางหนเจอศัตรูที่เป็นแก๊ง ไม่รู้จะจัดการอะไรตัวไหนก่อน เพราะแต่ละตัวก็มีการเคลื่อนไหวไม่เหมือนกันอีก

แต่ในพาร์ตของ Pyramid Head คือทำออกมาโคตรดี ทั้งเรื่องของการกำกับเสียง เรื่องของการนำเสนอ คัตซีน มันเป็นภาพของการต่อสู้กับตัวละครระดับไอคอนิกที่ออกมาดีมาก ๆ เลยทีเดียวครับ

ประสิทธิภาพ

เรื่องของประสิทธิภาพไม่รู้จะบ่นอะไรเป็นพิเศษ ด้วยความที่เล่นบนเครื่อง PS5 ที่พอเป็นเวอร์ชันคอนโซลที่ลงให้กับเครื่องเดียวมันก็ถือว่าเสถียรมากอย่างที่ควรจะเป็น ส่วนเวอร์ชัน PC นี่ไม่แน่ใจเลยว่าเขาจะ Optimized มันออกมาได้ดีขนาดไหน ก็ต้องรอทาง Konami ส่งตัวเกมมาให้เล่นกันอีกที แต่บน PS5 ไม่เจอปัญหาอะไรในเรื่อง Performance เลย แม้จะยังไม่ใช่เวอร์ชันเต็มก็ตาม

แต่อาจจะมีตินิดหน่อย คือตัวเกมที่ได้ทดลองน่าจะได้ระบบ Upscaling ของ FSR จาก AMD ซึ่งแน่นอนว่า defect ที่พบเห็นได้บ่อยครั้งคือภาพที่มัน Ghosting รอบ ๆ ตัวละครเวลาเปิดโหมด Performance ซึ่งตัวเกมมีให้เลือกสองโหมด คือโหมด Performance และ Graphics ก็ไม่แน่ใจว่าทางผู้พัฒนาจะทำอะไรกับจุดนี้ได้หรือไม่ เพราะส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ชอบเล่น 30fps เลยต้องเล่นในโหมด Performance แล้วมันขัดตาพอสมควรในเรื่องนี้ แต่เรื่องเฟรมเรตถือว่าปกติมาก ไม่มีปัญหาอะไร ก็ถือว่าทางผู้พัฒนายังเหลือเวลาอีกหน่อยให้ขัดเกลา

พรีวิวโดยรวม

Silent Hill 2 Remake จากเท่าที่ลองทดสอบเล่นมา เป็นการเอาเดอะเบสต์ของ Psychological Horror จากยุคของเครื่อง PS2 กลับมาทำใหม่ได้น่าสนใจ ถึงแม้จะมีคำถามมากมายว่าทำไมถึงไม่ยอมสานต่อมากกว่าการทำใหม่ แต่ก็เข้าใจว่าในยุคที่เกม Remake รุ่งเรือง การที่กลับมาเห็นเกมอย่าง Silent Hill ถูกนำกลับมารีเมกบ้างก็เป็นอะไรที่หลายคนอยากลิ้มลอง

ด้วยกราฟิกใหม่อันสวยงาม การนำเสนอที่ปรับปรุงให้ทันสมัย ระบบคอมแบตที่เร้าใจ การถ่ายทอดเมืองห่าผีที่ยากจะลืมเลือน พร้อมด้วยเนื้อเรื่องคงเดิม นี่คือเกม Survival Horror เกมหนึ่งที่น่าจับตามองเมื่อวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

เข้าใจเลยว่าทำไม Konami ถึงยกภาคนี้ให้มาอยู่ในมือ Bloober Team

Silent Hill 2 Remake จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 8 ตุลาคมนี้บน PS5 และ PC (Steam) ครับผม