หนึ่งในดราม่าของวงการเกมตอนนี้คงหนีไม่พ้นการจากไป ‘Concord’ เกมยิงออนไลน์ที่เปิดตัวได้หลักวันก็ต้องปิดตัวไป ด้วยยอดผู้เล่นที่น้อยอย่างเหลือเชื่อ และยอดขายของเกมที่มีข้อมูลว่าทำยอดไปเพียง 25,000 ชุดเท่านั้น เมื่อเทียบกับฟอร์มของเกมแล้วมันคือความล้มเหลวระดับที่เรียกว่าหายนะได้ เพราะมีข้อมูลว่าเกมใช้ทุนสร้างรวมโปรโมตไปถึง 200 ล้านเหรียญ และใช้เวลาสร้าง 8 ปี

แล้วทำไม ‘Concord’ ถึงพังได้มากมายขนาดนี้ แน่นอนว่าแฟนเกมที่ตามข่าวส่วนใหญ่จะรู้ว่ามันถูกยัดเยียดความ Woke ในงานออกแบบตัวละครที่ต้องทำตาม DEI ที่ถูกต้อง ทำให้มีเสียงวิจารณ์ว่าผู้เล่นต้องถูกบังคับให้เลือกตัวละครที่หน้าตาน่าเกลียด รูปร่างอ้วน หรือการใส่เพศให้กับหุ่นยนต์ ซึ่งมันคือส่วนหนึ่งในความ Woke แบบตั้งใจ และผู้สร้างก็บอกเองว่าจงใจใส่ความหลากหลายให้กับเกม

Woke ตัวละครทำพัง

ประเด็นหลักที่ทำให้ ‘Concord’ พัง ที่แฟนส่วนใหญ่บ่นกันคือตัวละครที่ดูแปลกประหลาดฉีกกฎทุกอย่างของการออกแบบ เพราะตามปกติงานสร้างสิ่งที่ผู้เล่นต้องสวมบทบาทเป็นที่รู้กันตั้งแต่อดีตแล้ว ว่ามันต้องโดดเด่นและเตะตาผู้เล่น ชนิดที่ว่าผู้ที่ไม่เคยเล่นเกมก็ต้องหันมาสนใจ ทำให้ผู้สร้างต้องพยายามทำให้ตัวละครสวยงามหรือโดดเด่นเกินคนทั่วไป

แต่เนื่องจากยุคนี้มีการแทรกซึมของความ Woke ทำให้หากจะเอาใจคนบางกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ตื่นรู้ หรืออยากได้คะแนน DEI เพิ่มก็ต้องปรับ “มาตรฐานความสวยงาม” แบบใหม่ ทำให้ตัวละครในเกม ‘Concord’ ออกมาอ้วนน่าเกลียด ผู้หญิงก็ต้องหน้าตาแปลก ๆ ห้ามมีความสวยงามแบบเกินจริง แม้ตัวที่เป็นหุ่นยนต์ที่เกมส่วนใหญ่จะออกแบบให้ให้ดูหล่อเท่ แต่ในเกมนี้กลับเหมือนเอาถังน้ำมาต่อขา แถมยังมีการระบุเพศของหุ่นอีก ซึ่งไม่ได้ช่วยให้เกมดูดีขึ้นแถมไม่จำเป็นอีกต่างหาก

แฟนเกมหลายคนได้บ่นในโลกโซเชียลถึงงานออกแบบ เรียกว่าไม่มีใครชอบเลยยกเว้นคนสร้าง ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามันผิดหลักการออกแบบทั้งในภาพยนตร์, วิดีโอเกม หรือการ์ตูน เพราะการสร้างตัวละครในสื่อเหล่านี้การทำให้สวยเกินจริงเป็นเรื่องปกติ เพราะคนที่จะมาเสพสื่อเช่นเกมหรือการ์ตูนต้องการหลีกหนีจากโลกความจริงไปชื่นชมความสวยงามในโลกสมมติ

ตัวละครห้ามดูดีเกินความเป็นจริง

แต่ Concord กลับเลือกให้ผู้เล่นพบเจอกับสิ่งที่เราพบเจอเมื่อส่องกระจกเห็นใบหน้าที่แสนธรรมดาของผู้เล่น หรือรูปร่างที่อ้วนเหมือนกับคนทั่วไปเผลอ ๆ จะอ้วนกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งไม่แปลกที่แฟนเกมจะปฏิเสธในทันที ส่วนนี้เป็นข้อผิดพลาดหลักเพราะเกมยิงแนวที่ต้องออนไลน์ งานออกแบบตัวละครเป็นหัวใจหลักยิ่งกว่าเกมเพลย์เสียอีก เรียกว่าสัมผัสแรกก็เหมือนกับจะถีบหัวส่งให้แฟนเกมไม่อยากเล่นแล้ว

ซ้ายตัวละครจากเกม Over Watch ขวาตัวละครในเกม Concord

แม้จะบอกกันตรง ๆ ว่าเกมเพลย์ ‘Concord’ ไม่ได้เลวร้ายมากขนาดที่เปิดตัว 2 สัปดาห์แล้วต้องปิดตัว มันยังคงมีความแตกต่างจากเกมยิงอื่น และมีงานออกแบบฉากที่ดูแปลกตา แต่อย่างที่บอกว่าสัมผัสแรกในตอนที่เลือกตัวละครก็ไม่ประทับใจแล้วใครจะอยากกดเข้าไปเล่น และเกมยิงแนวนี้มีคู่แข่งมากมายไม่ว่าจะเป็น ‘Over Watch’ หรือน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวอย่าง ‘Deadlock’ ผลงานของค่าย Valve ยิ่งทำให้เป็นการขุดหลุมฝังกลบ ‘Concord’ ได้แบบไม่มีวันฟื้นคืนเลย

รายต่อไป ‘Assassin’s Creed’, ‘Star Wars Outlaws’

หลังจาก ‘Concord’ ได้ตายจากไป รายต่อไปที่เพิ่งจะมีข่าวว่าล้มเหลวอย่างหนักไปหมาด ๆ ก็คือ ‘Star Wars Outlaws’ ที่มีข่าวว่าทำยอดขายได้ไม่เข้าเป้าจนทำให้หุ้น Ubisoft ร่วงหนักต่ำสุดในรอบ 10 ปี ประเด็นหลักคือความ Woke ของตัวละครที่ทีมงานได้ลงทุนไปจ้างนางแบบที่มีหน้าตาสวยมา แต่พอเป็นตัวละครในเกมก็ถูกปรับให้ดูธรรมดาลง เพื่อให้ได้มาตรฐานความงามแบบใหม่ ทำให้แฟนเกมไม่พอใจ

อย่างไรก็ตามงานออกแบบตัวละครแบบ Woke ก็คงไม่สามารถทำให้ตัวเกมที่นำ ‘Star Wars’ มาสร้างล้มเหลวได้ง่าย ๆ แน่ แต่ที่มันล้มเหลวเพราะตัวเกมทำออกมาได้ต่ำกว่ามาตรฐานเกมแนว Open World และยังพบ Bug มากมาย และระบบต่อสู้ก็ทำได้ไม่ดีพอที่จะเรียกว่าเป็นฟอร์มยักษ์ระดับ AAA ยิ่งเกมประกาศว่าใช้แนวทาง Woke ยิ่งเป็นการเปิดแผลให้โจมตีได้ง่ายกว่าเดิม ทำให้มันโดนด่าหนักกว่าเดิม และพอเป็นกระแสในแง่ลบคนก็ไม่อยากซื้อมาเล่น แถมเกมก็ขายในราคาแพง (มาก) ทำให้เป็นเรื่องง่ายที่ผู้เล่นจะไม่สนใจ

ต่อด้วย ‘Assassin’s Creed Shadows’ ที่คล้ายกับ ‘Star Wars Outlaws’ ตรงตัวละครหลักที่เป็นซามูไรผิวสี ที่แม้จะมีตัวตนจริง ๆ ในประวัติศาสตร์ แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนว่าเขาได้เป็นซามูไรจริง ๆ และยังมีประเด็นความไม่ถูกต้องตามประวัติศาสตร์จริงหลายส่วน บวกกับกระแสต่อต้าน Woke ที่มาแรง ทำให้เป็นที่น่าจับตามองว่ามันจะสามารถทำลายซีรีส์นักฆ่าในตำนานให้ตายตามไปด้วยหรือไม่ ซึ่งหากกระแสตอบรับ ‘Assassin’s Creed Shadows’ ออกมาแย่จะส่งผลร้ายอย่างหนักกับ Ubisoft เพราะเท่ากับว่าจะมีเกมคว่ำถึง 2 เกมติดกัน

เกมที่ตั้งใจ Woke

และนอกจากจะสอดแทรกความ Woke ยังมีเกมที่ตั้งใจนำเสนอความหลากหลาย และหนึ่งในนั้นคือ ‘Dustborn’ เกมแนวแอ็กชันผจญภัย ที่มีการผสมผสานแนวเล่าเรื่องที่ใช้การเลือกคำตอบ มายำรวมกับแอ็กชันและเกมแนวดนตรี ฟังดูดีแต่ทีมงานได้ Woke แบบจัดเต็มไม่มีกั๊ก ไล่ตั้งแต่ตัวละครที่มาครบทั้งสีผิว, รูปร่างหน้าตาตัวละคร และเนื้อเรื่อง แถมผู้สร้างยังเบียวออกมาด่าผู้ที่ออกมาวิจารณ์เกมด้วยความรุนแรงกลับแบบไม่กลัวดราม่าอีกด้วย

ทำให้เกม ‘Dustborn’ ล้มเหลวในแง่ของยอดขายที่มีคนเล่นสูงสุดไม่ถึง 100 คนเลยด้วยซ้ำ แต่ผู้สร้างคงไม่แคร์อะไร เพราะมันไม่ใช่เกมที่ต้องออนไลน์ แถมทุนสร้างยังมาจากหลายหน่วยงานที่สนับสนุน DEI และยังได้รับทุนจากหน่วยงานรัฐบาลของประเทศนอร์เวย์เพื่อสร้างเกมมากกว่า 1.4 ล้านเหรียญ ทำให้มันเหมือนเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อนำเสนอแนวคิด Woke มากกว่าจะเป็นเกมที่สร้างมาเพื่อทำกำไร และรูปแบบนี้จะตามมาอีกหลายเกมแน่

Woke ไม่ได้แย่หากทำออกมาดี

แม้กระแสจะเริ่มต่อต้านความหลากหลาย แต่ไอเดียการใส่ความ Woke เข้าไปไม่ถือว่าเลวร้าย เพราะความหลากหลายถือเป็นเรื่องดีงาม แต่การที่สื่ออย่างหนังหรือเกมล้มเหลวเพราะ Woke เนื่องจากมันยัดเยียดแบบตรง ๆ เหมือนบังคับให้ชอบ พอคนส่วนใหญ่ไม่ชอบผู้สร้างหรือทีมงานผลิตเกมก็จะออกมาด่ากลับ ว่าคนที่ไม่ชอบเป็นคนเหยียดผิว เหยียดเพศ ซึ่งเป็นวิธีการที่โง่มาก เพราะยิ่งจะทำให้คนเกลียดและทำให้ยอดขายเกมตกต่ำลงไปอีก

แล้ว Woke ดี ๆ คืออะไร ในส่วนของวงการเกมอาจจะเห็นภาพไม่ชัดนัก แต่ในวงการภาพยนตร์ก็มีหนังที่สื่อถึงความ Woke แล้วทำเงินถล่มทลายแบบหนัง ‘Barbie’ ที่ทำเนื้อเรื่องออกมาดี รวมทั้งการนำเสนอที่โดนใจแฟน ๆ ส่วนหนังที่เพิ่งจะเข้าฉายและได้รับเสียงชื่นชมอย่าง ‘Alien Romulus’ ก็มีการแทรกความ Woke เข้ามา แต่เนื่องจากมันไม่ได้ทำร้ายเนื้อเรื่องหลัก และหนังก็ออกมาสนุกและเคารพต้นฉบับทำให้ผู้ชมไม่สนใจ

สรุปแล้วไม่ว่าเกมหรือหนังถ้าอยากใส่ความหลากหลายเข้ามาถือว่าไม่ผิดเลย แต่ต้องมีวิธีการใส่ที่ดูไม่ยัดเยียด ไม่ใช่คิดง่าย ๆ อย่างเปลี่ยนสีผิวหรือเปลี่ยนเชื้อชาติของตัวละคร หรือปรับให้มันดูน่าเกลียดก็คือความหลากหลายแล้ว โดยไม่สนว่ามันจะเข้ากับแนวทางของเกมหรือไม่ ซึ่งถ้าหาก Woke แบบนี้รับประกันว่าเกมจะล้มเหลวอย่างแน่นอน แต่หากค่อย ๆ แทรกเข้ามาผ่านเนื้อเรื่องที่เขียนออกมาดี และมีเกมเพลย์ที่สนุกก็เป็นไปได้ที่แฟนเกมจะยอมรับความหลากหลาย