ถ้าคุณเป็นแฟนตัวยงของเกม JRPG รุ่นเก๋า ผู้เขียนขอเคลมหน่อยว่าน่าจะต้องรู้จักซีรีส์ระดับตำนานอย่าง Dragon Quest ที่สร้างความประทับใจมาแล้วกว่า 38 ปี (ถ้าไม่เคยได้ยินชื่อก็ต้องเคยเล่นบ้างแหละ ใช่ไหม !? ใช่ไหม…) ซึ่งหนึ่งในภาคที่ยังตราตรึงใจใครหลายคน คงหนีไม่พ้น Dragon Quest III ที่ตอนนี้ได้ถูกนำมารีเมกในชื่อ Dragon Quest III HD-2D Remake โดยคงเสน่ห์ของเกมยุคเก่าไว้ในขณะที่ภาพและฟีเจอร์ต่าง ๆ ถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์แฟนยุคใหม่ ซึ่งจากที่ทีมงาน Thailand Game Show ได้ลองเล่นก็ต้องบอกว่า กราฟิกแบบ HD-2D ทำให้ตัวเกมมีมิติและ Depth of Field มากขึ้น ขณะที่ยังคงความรู้สึกแบบ 2D Pixel Art ดั้งเดิม เหล่าตัวละคร ฉาก และมอนสเตอร์ยังคงเสน่ห์ของยุคเดิม แต่อัปเกรดให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น ซึ่งช่วยให้การสำรวจและการต่อสู้ในเกมเต็มไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจ
Dragon Quest III ยังคงเสน่ห์ในระบบดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน เช่น การชุบชีวิตตัวละครที่เสียชีวิตในโบสถ์ หรือการลากโลงศพของเพื่อนที่ล้มลงระหว่างการเดินทาง แต่ก็เพิ่มความสะดวกให้กับผู้เล่นยุคใหม่ด้วยระบบปรับระดับความยากที่มีถึง 3 ระดับ (เรียงลำดับจากง่าย ปานกลาง ยากสุด Dracky Quest, Dragon Quest และ Draconian Quest) ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีโหมดกราฟิกให้เลือกว่าจะเน้นที่การเล่นที่ลื่นตาอย่าง Performance หรือเอาเสพงานภาพสวย ๆ แบบ Quality (แต่สารภาพว่าความรู้สึกไม่ต่างกันมาก ซึ่งอาจเป็นเพราะเครื่องทดสอบเล่นคือ PlayStation 5)
ในโลกของผู้กล้า Dragon Quest III มีการเพิ่มระบบที่ทำให้เกมดูสมจริงและท้าทายมากขึ้น เช่น ระบบกลางวัน-กลางคืน ที่ร้านค้าจะเปิดปิดตามเวลา ระบบ Secret Spots ที่ซ่อนอยู่ตามแผนที่ให้ผู้เล่นค้นหาไอเทมพิเศษ และระบบ Waypoint ที่ช่วยนำทางบนแผนที่ ทำให้การเดินทางในโลกอันกว้างใหญ่นี้ง่ายขึ้นและไม่หลงทาง แม้ว่าเกมจะยังคงใช้มุมมองการต่อสู้แบบบุคคลที่ 1 เพื่อรักษาความเป็นต้นฉบับ แต่ก็ได้เพิ่มฟังก์ชันใหม่ ๆ เช่น การปรับความเร็วของการต่อสู้ หรือการเลือกให้การต่อสู้เป็นแบบ Automatic สำหรับผู้เล่นที่ต้องการความสะดวก นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่ให้ผู้เล่นสามารถเชิญชวนมอนสเตอร์บางประเภทมาเป็นพวก และนำไปต่อสู้ใน Colosseum เพื่อประลองกับมอนสเตอร์อื่น ๆ
ตัวเกมยังมีความยืดหยุ่นและให้ทางเลือกกับผู้เล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกพรรคพวกเข้าในปาร์ตี้ตามแบบฉบับของเราเอง รวมไปถึงการเลือกเส้นทางของเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในเกมที่จะส่งผลแตกต่างกันออกไป ทำให้เกมมีความหลากหลายมากขึ้น และสิ่งหนึ่งที่แฟน ๆ คงชื่นชอบมากคือการเรียบเรียงใหม่ของเพลงประกอบ ที่ยังคงความ Nostalgia ไว้ได้อย่างดี แถมเสริมด้วยเสียงพากย์ที่ช่วยเพิ่มความดื่มด่ำให้กับการเล่นเกม ให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปสัมผัสประสบการณ์ครั้งแรกของ Dragon Quest แต่ในเวอร์ชันที่ทรงพลังและมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น Dragon Quest III HD-2D Remake เป็นการผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ทั้งกราฟิก การต่อสู้ ระบบการเล่น และเสียงประกอบ ทุกอย่างถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์แฟนเก่าและดึงดูดผู้เล่นใหม่ให้มาติดตามเรื่องราวการผจญภัยของผู้กล้าครั้งนี้
นอกจากนี้ ทางทีมงานยังมีโอกาสสัมภาษณ์คุณ Masaaki Hayasaka โปรดิวเซอร์ของเกมนี้อีกด้วย สามารถติดตามบทสัมภาษณ์เต็มได้เร็ว ๆ นี้ครับ