หลังจากที่เราออกบทความพรีวิว Dragon Quest III HD 2D Remake ไปเมื่อราว ๆ อาทิตย์ก่อน คราวนี้ก็ได้เวลาลงบทสัมภาษณ์เกมนี้เสียที ! (Embargo เพิ่งปลดกับผู้เขียนเพิ่งจะมีเวลาลงละนะ…) โดยผู้ที่จะมาให้คำตอบถึงข้อสงสัยที่สื่อทั่วโลกได้ถูกเชิญไปยังสำนักงานของ Square Enix ในครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคุณ มาซาอากิ ฮายาซากะ (Masaaki Hayasaka) โปรดิวเซอร์ของเกมฉบับรีเมกนี้ ที่เคยมีผลงานโดดเด่นเป็น Sound Direction และผู้ช่วยโปรดิวเซอร์ในเกม Octopath Traveler 1 และ 2

อะไรคือแรงบันดาลใจในการเลือกออกแบบรีเมกในรูปแบบ HD 2D แทนที่จะเป็น 3D เต็มรูปแบบ

Dragon Quest III HD 2D Remake

เหตุผลที่เราตัดสินใจเลือก HD 2D เนื่องจากการใช้กราฟิกในรูปแบบ HD 2D นั้นเข้ากับเกมต้นฉบับได้อย่างโดดเด่น ซึ่งเกมนี้ออกมาเกือบ 30 ปีแล้ว เราจึงคิดว่าการเลือกใช้ HD 2D จะเป็นวิธีที่ดีและเหมาะสมที่สุดในการถ่ายทอดและเก็บรักษาเสน่ห์ของเวอร์ชันต้นฉบับไว้ให้มากที่สุด แม้เราจะเพิ่มองค์ประกอบใหม่ ๆ และปรับปรุงบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไป แต่เราก็ยังอยากจะรักษาความเป็นต้นฉบับไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ได้นำสิ่งใดใน Octopath Traveler มาพัฒนา Dragon Quest III HD 2D Remake บ้าง

Octopath Traveler เป็นเกม HD 2D เกมแรกที่ผมมีส่วนร่วม ซึ่งทำให้ผมได้เห็นพื้นฐานของมันตั้งแต่ต้นจนจบ และได้เห็นข้อดีของ HD 2D ผมจึงนำทุกอย่างที่ได้เรียนรู้ไปใช้ในการพัฒนา Dragon Quest III ได้ หนึ่งในนั้นคือเพลง ซึ่งมันมีความสำคัญต่อการสร้างบรรยากาศในเกม HD 2D เป็นอย่างมาก รวมไปถึงเสียงเอฟเฟกต์ และเสียงของบรรยากาศต่าง ๆ อีกด้วย 

ระหว่างการพัฒนา ทางทีมเคยต้องตัดสินใจลดทอนบางอย่างออกไปเพื่อคงเสน่ห์ของต้นฉบับเอาไว้บ้างหรือไม่

การสร้างเกมเวอร์ชันรีเมกมากมายในยุคปัจจุบันมีทิศทางที่แตกต่างกันออกไป บางทีมเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงต้นฉบับด้วยองค์ประกอบใหม่ ในขณะที่บางทีมจะเน้นการคงต้นฉบับไว้ให้มากที่สุด และสำหรับ Dragon Quest III HD 2D Remake แนวคิดแรกของเราคือการรักษาเสน่ห์ของต้นฉบับให้มากที่สุด ดังนั้นจึงไม่มีจุดที่เรารู้สึกว่าเราได้ทำไปไกลเกินไปแล้วต้องตัดทอนลงเลย

เกมต้นฉบับถูกปล่อยออกมาถึง 30 ปีแล้ว อะไรคือความท้าทายที่ยากที่สุดในการพัฒนา HD 2D remake เพื่อรักษาเสน่ห์ของเกมต้นฉบับ ?

Dragon Quest III HD 2D Remake

หนึ่งในองค์ประกอบที่ท้าทายที่สุด คือการนำแผนที่ต้นฉบับมาสู่ภาพในปัจจุบัน หากคุณดูที่รูปทรงของแผนที่ คุณจะเห็นได้ในคู่มือที่ออกมาในภายหลัง ว่ารูปร่างของแผนที่แทบจะเหมือนกับเวอร์ชันต้นฉบับเลย โครงสร้างอย่างที่ตั้งของอาคารและเส้นทางของดันเจี้ยนก็ยังคงอยู่ อย่างไรก็ตามในเวอร์ชันต้นฉบับมันเป็นมุมมองจากด้านบน ในขณะที่เวอร์ชัน HD 2D ทุกอย่างได้เปลี่ยนเป็น 3D ซึ่งมีมุมมองที่แตกต่างออกไป นั่นจึงเป็นความท้าทายที่ต้องรักษาส่วนสำคัญของต้นฉบับให้อยู่ในสภาพเดิม ในขณะที่ยังเป็นภาพในรูปแบบใหม่ ทางทีม 3D ทำงานอย่างหนักเพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ใช้เวลาหนึ่งถึงสองปีแรกเพื่อให้แน่ใจว่าส่วนนี้ถูกต้อง

ในความเห็นของคุณ อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ซีรีส์ Dragon Quest ยังคงดึงดูดผู้เล่นชาวญี่ปุ่น ทั้ง ๆ ที่อยู่คู่วงการเกมมาหลายทศวรรษนับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรก

เกมที่มีการรีเมกลักษณะนี้ ทีมภายในรวมถึงโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ และผู้กำกับศิลป์มักมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ด้วยซีรีส์ Dragon Quest นี้ เรามีคุณโฮริซัง (Yuji Horii) รวมถึงอาจารย์โทริยามะ (Akira Toriyama) และอาจารย์ โคอิจิ ซึกิยามะ (Kōichi Sugiyama) ซึ่งน่าเสียดายที่เขาทั้งคู่ได้จากเราไปแล้ว แต่ทั้งสามคนนี้ถือเป็นเข็มทิศที่ผลักดันให้ซีรีส์ Dragon Quest เป็นที่รัก ขอบคุณคำแนะนำและสิ่งที่ทั้งสามท่านได้รังสรรค์นี้ ทำให้เราสามารถรักษามนต์ขลังของซีรีส์ Dragon Quest ได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันเป็นเรื่องที่ยากที่จะรักษาเสน่ห์เหล่านี้ไว้ แต่ผมมั่นใจว่าผู้เล่นจะถูกดึงดูดให้รู้สึกเหมือนได้กลับมาบ้านเมื่อได้เล่นเกมนี้ ผมรู้ว่าทุกคนจะคาดหวังทันทีที่ได้ยินชื่อซีรีส์ Dragon Quest นี้ และนั่นคือสิ่งที่พิสูจน์ว่าเราได้รักษาความน่าเชื่อถือต่อซีรีส์นี้ไว้ได้เป็นอย่างดี

ทางทีมวางแผนไว้อย่างไรถึงให้อิสระกับผู้เล่นขนาดนี้

ในส่วนคำถามว่า จากการทดสอบพบว่าเกมนี้มีความอิสระมากจริง ๆ ในตอนแรกเราสามารถเลือกที่จะไม่ไปพบกษัตริย์และไม่เข้าปราสาทได้ จากนั้นในตอนที่เราช่วยชิงมงกุฎกลับมา จะเป็นจุดที่ให้เราเลือกว่าจะเป็นกษัตริย์และจบเรื่องเลยหรือไม่ ทำไมถึงให้อิสระมากขนาดนี้

ก็ได้คำตอบมาว่า ในแง่ของอิสระที่มอบให้ผู้เล่น ผมรู้สึกว่า Dragon Quest III ต้นฉบับมีความอิสระมาก ๆ และเราก็พยายามรักษาความอิสระนี้ และนำมันมาใช้ในเวอร์ชันรีเมกอย่างระมัดระวัง ในช่วงเวลานั้น Dragon Quest III อาจถูกมองว่าเป็นเกม Open World เลยทีเดียว และตั้งแต่ Dragon Quest I ก็มีความอิสระมากมายที่มอบให้ผู้เล่น ผมรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ทำให้โลกของ Dragon Quest มีเอกลักษณ์และน่าตื่นเต้นสำหรับผู้เล่น ดังนั้นเราจึงพยายามรักษาความอิสระนี้ และยังได้แนะนำผู้เล่นสมัยใหม่ให้รู้จักกับประสบการณ์การเล่นเกม Open World ในอดีตอีกด้วย

คุณรู้สึกภาคภูมิใจในเรื่องใดมากที่สุดเกี่ยวกับการรีเมกนี้

เป็นคำถามที่ตอบยากมาก เพราะไม่รู้จะถ่ายทอดความรู้สึกออกมาอย่างไรให้ดีที่สุด โดยรวมแล้ว สิ่งที่ทำให้ผมภูมิใจคือการที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชื่อที่เป็นตำนานอย่าง Dragon Quest III และการได้ทำงานร่วมกับโฮริซัง ผู้สร้างซีรีส์ Dragon Quest เป็นสิ่งที่ผมภูมิใจมาก ผมเป็นแฟน Dragon Quest และเคยเล่นเกมนี้มาก่อนที่จะเข้ามาทำงานตรงนี้ ดังนั้นการได้ร่วมงานกับเขาซึ่งเป็นหนึ่งในตำนานจึงมีความหมายและพิเศษมาก ๆ สำหรับผม การได้นำเกมนี้มาสู่ยุคสมัยใหม่จึงถือเป็นเกียรติในอาชีพของผมในฐานะนักพัฒนาเกม และการที่เราสามารถสร้างสรรค์ชื่อที่เป็นตำนานนี้ใหม่ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดและนำเสนอกับผู้เล่นยุคใหม่เป็นสิ่งที่ผมภูมิใจมาก

หวังว่าจะถูกใจคำตอบของคุณมาซาอากิ ฮายาซากะ กันไม่มากก็น้อยนะครับ ซึ่งหากใครสนใจ Dragon Quest III HD-2D Remake จะวางจำหน่ายในวันที่ 15 พฤศจิกายน โดยจะลงให้ทั้ง PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox One, Xbox Series X/S, Nintendo Switch และ PC (Steam)