ถ้าหากเราพูดถึงเกมที่มีประเด็นร้อนมาตลอดในวงการเกมบ้านเรา ก็คงจะหนีไม่พ้น FiveM หรือมันก็คือ Mod Multiplayer สำหรับเกม Grand Theft Auto V ที่ได้หยิบเอา Framework และรากฐานทั้งหมดของ GTA V มาทำให้สามารถเล่นออนไลน์ และปรับแต่งรูปแบบการเล่นต่าง ๆ ภายในเกมได้อิสระ อีกทั้งยังรองรับผู้เล่นมากกว่า 1,000 คนบนเซิร์ฟเวอร์เฉพาะ โดยรูปแบบการเล่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ Roleplay นั่นเอง
จากประเด็นล่าสุดกลุ่มวัยรุ่นจาก FiveM ที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในเวลานี้ ได้สร้างพฤติกรรมที่ไม่ดีโดยการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ พร้อมกับอัดคลิปอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยพวกเขาอ้างตัวว่าเป็นกลุ่ม Oreo แก๊งอันธพาลที่มีตัวตนอยู่ในโลกเสมือนออกสู่โลกแห่งความเป็นจริง
ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นประเด็นร้อนในไทย โดยตอนนี้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) ก็ได้ออกมาพูดว่า เตรียมเสนอให้แบน FiveM ในไทย เพราะเป็นเกมที่ไม่ผ่านการตรวจอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้มีกระแสไปในสองทาง โดยทางแรกก็คือ กลุ่มผู้สนับสนุนให้แบนไปเลย เพราะต่อต้าน FiveM อยู่แล้ว กับอีกกลุ่มหนึ่งที่มองว่าปัญหานี้มันอยู่ที่คน อย่ามาโทษเกม
แต่ถึงแบบนั้นมันก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะว่าเกมเมอร์ชาวไทยส่วนใหญ่ต่างเห็นด้วยกับการแบน FiveM ซะอย่างนั้น แต่ FiveM มันคืออะไร ? การ Roleplay มันคืออะไร ? วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังครับ
ทำความรู้จักกับ “Roleplay”
Roleplay นั้นแปลว่า การเล่นตามบทบาท หรือ การสวมบทบาท ซึ่งจริง ๆ แล้วเรื่องนี้มันไม่ได้เป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะในอดีต มันก็มี Table Top Roleplaying Game อย่าง Dungeons & Dragons มาตั้งแต่ปี 1974 แล้ว โดยรูปแบบการเล่นมันก็เข้าใจได้ง่าย ๆ โดยผู้เล่นจะต้องสวมบทบาทเป็นตัวละครที่เราสร้างขึ้นมาเอง พร้อมกับ Background Story ว่าเป็นใคร มาจากไหน เพศอะไร และมีความสามารถอะไร โดยเราต้องใช้ตัวละครตัวนี้ดำเนินเรื่องไปในโลกของ Dungeons & Dragons ร่วมกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่ก็จะสวมบทบาทเป็นตัวละครที่สร้างขึ้นมาเช่นกัน โดยเจ้า Dungeons & Dragons นั้นได้รับความนิยมมาก ถึงขั้นมีการตั้ง Club เล่นกันจริงจัง โดยจนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมนั่นเอง
สำหรับในวงการเกมนั้น ก็จะมีเกม MMORPG ที่จะมี Server Roleplay ให้ผู้เล่นได้เลือกเล่นกัน อย่างเช่น World of Warcraft sinv Star Wars The Old Republic เองก็จะมี Server Roleplay แยกออกมาจาก Server ทั่วไป โดยความแตกต่างระหว่าง Server ทั่วไปและแบบ Roleplay ก็คือผู้เล่นใน Server Roleplay นั้นจะต้องสวมบทบาทเป็นตัวละครตัวนั้น ๆ ตลอดเวลาตามกฎของการ Roleplay จะไม่มีการพูดถึงเรื่องโลกภายนอกในแชตของเกม ทุกคนต้องปฏิบัติราวกับว่าเรากำลังเป็นตัวละครบนโลกนี้จริง ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศและความอินมากยิ่งขึ้น
การมาของ SA:MP
ในช่วงปี 2005 หลังจากการมาของ Grand Theft Auto San Andreas เวอร์ชัน PC มันก็ได้มี Mod ตัวหนึ่งที่ออกตามมาในภายหลังชื่อ San Andreas Multiplayer หรือ SA:MP หรือก็คือ Mod Multiplayer สำหรับเกม Grand Theft Auto San Andreas ซึ่งเดิมทีแล้วแนวคิดของมันคือการเล่น GTA ในแบบ Online ที่ในยุคนั้นถือว่าเป็นอะไรที่ใหม่มาก ๆ และไม่มีใครทำได้มาก่อน ตัว Mod มีโหมดการเล่นที่หลากหลายมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นโหมดตำรวจไล่จับผู้ร้าย โหมด Team Deathmatch โหมด Area 51 ที่มีการแบ่งทีมเล่นระหว่าง FBI ที่ต้องบุกเข้าไปใน Area 51 และมีทีมทหาร ที่ต้องคอยป้องกันฐาน พร้อมกับโหมดแข่งรถ และอื่น ๆ อีกมากมายหลายแบบ หรือจะเข้าไปเล่น Free Roam เฉย ๆ ร่วมกับเพื่อน ๆ ก็ยังได้
และด้วยการที่เดิมทีแล้วโลกของเกม GTA โดยเฉพาะในภาค San Andreas นั้นถูกสร้างมาเป็นอย่างดี มีความสมจริงสูง เหมาะกับการหยิบเอามาทำเป็นโลกเสมือนได้ ในยุคที่ผู้คนยังไม่รู้จักคำว่า metaverse แต่ SA:MP ได้สร้างโลกแบบนี้เอาไว้ตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว
รูปแบบการเล่น “Roleplay” เองก็เกิดขึ้นมาในช่วงนั้น โดยแนวคิดของรูปแบบนี้มันก็เริ่มมาจากแนวคิดง่าย ๆ กับการสร้าง “ชีวิตที่สอง” โดยผู้เล่นทุกคนจะต้องใช้ชีวิตภายในเกมราวกับเป็นชีวิตจริง พร้อมกับต้องมีการสวมบทบาทเข้าไปในเกม จะไม่มี NPC ใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งตำรวจ หมอ คนขับแท็กซี่ นักข่าว นักดับเพลิง ทหาร เจ้าหน้าที่ FBI ทุกบทบาทภายในเกมจะถูกบังคับโดยเหล่าเกมเมอร์ในโลกออนไลน์ รวมไปถึงชาวแก๊งต่าง ๆ หรือพวกอันธพาล ก็จะถูกสวมบทบาทโดยผู้เล่นหลังหน้าจอคอมพิวเตอร์เช่นกัน
โดยกฎเกณฑ์ทุกอย่างของรูปแบบ Roleplay นั้นก็จะเป็นไปตามชีวิตจริงทุกอย่าง เช่น ถ้าหากคุณถูกทำร้าย คุณก็ต้องไปแจ้งความกับตำรวจ (ที่ก็จะเป็นผู้เล่นจริง ๆ เช่นกัน) หรือถ้าหากคุณขับรถเกินความเร็วที่กำหนด แล้วคุณถูกตำรวจเรียกให้จอดรถ คุณก็ต้องทำตามกฎอย่างเคร่ง ถ้าหากคุณไม่มีใบขับขี่ คุณก็ต้องไปสอบกับนายทะเบียนให้เรียบร้อย เมื่อคุณเข้าไปใช้ชีวิตในนั้น คุณก็ต้องทำงาน หาเงินสร้างตัว ชื้อรถ ชื้อบ้าน ถ้าคุณจะพกปืน คุณก็ต้องมีใบอนุญาต เพราะถ้าหากตำรวจขอค้นตัวเมื่อไร แล้วไม่เจอใบอนุญาต คุณก็อาจจะติดคุกได้เลย แล้วการติดคุกในรูปแบบการเล่น Roleplay นั้นก็หมายถึงติดคุกจริง ๆ (ในเกม) โดยตัวละครที่คุณเล่นอยู่นั่นแหละ ต้องไปอยู่ในคุก ออกไปไหนไม่ได้ จะนานเป็นนาที เป็นชั่วโมง หรือเป็นวัน ก็ขึ้นอยู่กับความผิดที่คุณทำตามกฎเกณฑ์ของ Server นั้น ๆ ไป
ซึ่งทั้งหมดนี้มันก็คือการเล่น Roleplay ภายใน SA:MP ที่มีมานานมากกว่า 15 ปีแล้ว ในอดีตมี Server ในไทยหลายเจ้าที่เอาแนวคิดเข้ามา และเปิด Server ให้เล่นกันในไทยแบบเฉพาะกลุ่มมาก ๆ และไม่เป็นที่แพร่หลายสักเท่าไร ในยุคที่ผู้คนเริ่มหันไปสนใจเกม MOBA กันแทน บวกกับเกม GTA San Andreas ที่ก็เก่ามากแล้ว แถมยังมีวิธีการเข้าเล่นที่ยุ่งยาก อีกทั้งยังมีหลายคนคิดว่า “เราเล่น GTA ทำไมเราต้องลำบากด้วย ?” ซึ่งนั่นก็เป็นช่วงปี 2010-2012 ซึ่งถือว่าเป็นยุคสุดท้ายของ SA:MP ในไทย ก่อนที่มันจะค่อย ๆ หายไปตามกาลเวลา ซึ่งมันได้เข้ามาสร้างสีสันให้เหล่าเกมเมอร์ชาวไทยเริ่มจะได้สัมผัสความเป็น Roleplay กันมาบ้าง
FiveM ถือกำเนิด พร้อมจุดกระแส Roleplay อีกครั้ง
จนการมาของ Grand Theft Auto V แนวคิดนี้ได้กลับมาอีกครั้ง หลังจากการเปิดตัว FiveM Mod ผู้เล่นหลายคน โดยใช้โลกของ GTA V มาเป็นต้นแบบ ซึ่งนี่เหมือนเป็นโปรเจกต์ที่เข้ามาสานต่อแนวคิดของ SA:MP ที่เคยสร้างไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และแน่นอนว่าโหมดการเล่น Roleplay ก็เริ่มค่อย ๆ พัฒนากันมาตั้งแต่ปี 2014 ก่อนที่มันจะกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ในปี 2021 โดยมีผู้เล่นมากกว่า 250,000 คน พร้อมกันบน Steam ซึ่งเยอะกว่าผู้เล่น GTA Online ณ เวลานั้นเสียอีก และในปีเดียวกัน Grand Theft Auto V ก็กลายเป็นเกมที่มีผู้ชมสูงที่สุดบน Twitch.tv ไป
FiveM นั้น เดิมทีแล้วเป็นเพียงแค่ “Mod” เท่านั้น ไม่ได้เป็น “Game” แบบที่หลายคนเข้าใจกัน เพราะพื้นฐานแล้วมันเป็นการหยิบเอาโลกและสินทรัพย์ทั้งหมดของ GTA V มาเป็นรากฐานในการสร้างโลกออนไลน์ขึ้นมาใหม่ พร้อมกับกำหนดรูปแบบการเล่น สร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมาเองตามที่ผู้สร้างต้องการ และแน่นอนว่ารูปแบบการเล่น “Roleplay” เองก็เป็นโหมดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยเกมที่ใหม่ขึ้น มีกราฟิกที่สวยงามมากขึ้น และมาอยู่ในยุคที่เด็ก ๆ มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวกันแทบจะทุกบ้าน การเข้าถึงจึงเป็นเรื่องที่ง่ายมาก แถมยังมีการเข้าเล่นที่ไม่ยุ่งยากอะไรมาก และมีการสร้างชุมชน ผ่าน Discord ซึ่งก็เป็นโปรแกรมแชตยอดนิยมที่เด็กทุกคนต้องมีอยู่แล้ว
รูปแบบการเล่น Roleplay ใน FiveM นั้น ยังคงหยิบเอาแนวคิดเดิม ๆ มาใช้ แต่ถูกปรับให้เข้ากับยุคสมัยของบริบทสังคมปัจจุบัน ซึ่งจะมีศัพท์ 2 คำ คือ
- In Character (IC) หมายถึง ผู้เล่นทุกคนจะต้องสวมบทบาทราวกับเป็นตัวละครที่เราสร้าง Story เอาไว้จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ คำพูด
- Out Character (OC) หมายถึง เรื่องที่เกิดขึ้นนอกเกม ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับโลกภายในเกม หรือการคุยกันนอกเรื่องที่ไม่มีบริบทอะไรเกี่ยวกับในเกมเลย
โดยผู้เล่น Roleplay ทุกคนนั้นจะต้องแยก IC,OC กันให้ได้ ผู้ให้บริการหลาย ๆ เจ้าได้ตั้งกฎเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เข้ามา และบังคับให้ผู้เล่นต้องทำตามกันอย่างเคร่งครัด บางเจ้าก็ถึงขั้นมีการ “สอบ whitelist” หรือเข้าใจง่าย ๆ ก็คือการสอบคัดคนเข้าเมือง ซึ่งทั้งหมดมันฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี เพราะคงมีใครหลายคนที่ฝันว่าอยากจะลองสร้างตัวตนที่สอง เป็นตัวตนสมมุติขึ้นมาบนโลกภายในเกม ที่เอาเข้าจริงแล้ว แนวคิดแบบนี้มันก็ไม่ได้ใหม่อะไรเลย เพราะเกมแนว MMORPG ก็ได้ลองทำมาก่อนแล้ว หรือ 3D Virtual World อย่าง Second Life และ IMVU ก็ทำมานานมากแล้ว
ในอดีตนั้น Video Game คือโลกแฟนตาซีที่ถูกกำหนดเอาไว้ตามกฎเกณฑ์ของผู้สร้างและทีมพัฒนา แต่ใน FiveM นั้น เป็นโลกเสมือนจริงที่ถูกสร้างและกำหนดไว้โดยตัวผู้เล่นเอง และเมื่อใดก็ตามที่มีโลกสักใบเป็นสถานที่ปลดปล่อยหรือเป็นแหล่งรวมตัวของเหล่ากลุ่มคนที่มีความชอบอะไรเหมือนกัน ๆ มันจึงเป็นสถานที่สุดวิเศษสำหรับคนบางกลุ่มที่มองว่า นี่คือโลกแห่งจินตนาการที่พวกเขาโหยหามาโดยตลอด
แต่สิ่งที่ FiveM โหมด Roleplay นำเสนอมานั้น มันคือโลกเสมือนจริง ที่สมจริงจนบางครั้งก็ไม่ได้แยกแยะถึงระดับวุฒิภาวะ ซึ่งมันก็คือความสามารถในการยับยั้งชั่งใจ หรือควบคุมอารมณ์ความต้องการของตนเองได้ดีพอนั่นเองครับ
ความขัดแย้งระหว่าง เกมเมอร์ VS วัยรุ่น FiveM
จากกระแสและความสำเร็จของ FiveM ทำให้เกิดกระแสการต่อต้านจากเหล่าผู้เล่น GTA Online ที่มองว่า FiveM นั้นเป็นเพียงแค่ Mod ละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะได้มีการขายของเป็นเงินจริง โดยรายได้ทั้งหมดก็เข้ากระเป๋าเจ้าของ Server และเป็นการละเมิดข้อตกลงหรือก็คือ Terms of Service ของทาง FiveM เอง ที่ก็มีกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามแสวงหารายได้ แต่ก็ยังมีการแอบทำกันลับ ๆ และบาง Server ก็จะมีการเก็บค่าเข้าเล่นแทนการชื้อขาย Item ภายในเกมแทน
แต่ถึงแบบนั้น ในอีกมุมหนึ่งก็มีผู้เล่นที่สนับสนุน FiveM มาโดยตลอด โดยมองว่านี่คือ Mod ที่ทำให้ GTA V ไม่ตาย แถมยังมีคนเล่นเยอะมากขึ้นด้วย และ Rockstar Games เองก็ขายเกมได้มากขึ้น เพราะการที่จะเล่น FiveM ได้ คุณจะต้องมีตัวเกมแท้แบบถูกลิขสิทธิ์เท่านั้น อีกทั้งยังมีหลาย ๆ คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า Rockstar Games ควรจะทำโหมด Roleplay ไว้ในเกมหลักตั้งแต่แรกด้วยซ้ำไป พร้อมกับการวิจารณ์ระบบ Online ของตัวเกมหลักที่ทำมาได้ไม่ดี มีปัญหาเรื่อง Network และ Optimize จนทำให้ไม่อยากจะเข้าไปเล่นกัน สุดท้ายเลยเลือกที่จะเล่นบน FiveM ดีกว่า
จนในที่สุด Rockstar Games ก็ได้เข้าชื้อ cfx.re ทีมพัฒนา FiveM ไปในปี 2023 พร้อมกับให้เหตุผลว่า จะช่วยให้ทีมงาน cfx.re ค้นพบวิธีใหม่ ๆ ในการสนับสนุนและปรับปรุงให้ชุมชนของ FiveM นั้นดียิ่งขึ้น และหลังจากนั้นมา เราก็ไม่ได้ยินข่าวคราวการ Update อะไรจากทาง Rockstar และ cfx.re เกี่ยวกับ FiveM อีกเลย
ปัญหาสังคมของ FiveM กับมุมมองของเกมเมอร์ชาวไทย
FiveM โหมด Roleplay นั้นถูกวิจารณ์ว่าเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมปัจจุบัน ไม่ใช่แค่ในวงการเกม แต่รวมไปถึงเรื่องครอบครัว การใช้ชีวิต การพบปะสังสรรค์ การเข้าสังคม และที่สำคัญเลยก็คือการเป็นพื้นที่สำหรับกลุ่มแก๊งอันธพาล ที่เป็นปัญหาของสังคมไทยมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องการนอกใจกัน การทะเลาะกันในเกมจนลามไปถึงชีวิตจริง หรือการทำตัวเป็นเจ้าที่เจ้าถิ่น มีการเรียกเก็บเงินค่าคุ้มครอง การว่าจ้างให้ไปทำร้ายกันในชีวิตจริง และอื่น ๆ อีกมากมาย
จริงอยู่ว่าเหรียญมันมีสองด้านเสมอ มันมีทั้งดี ๆ และไม่ดี โดยในสังคม Roleplay ของ FiveM นั้น ถ้าเราตัดเรื่องความเป็นกลุ่มแก๊งอันธพาล หรือการนอกใจแฟนในชีวิตจริงไปคบกับคนในเกมแล้ว อีกมุมหนึ่งมันก็ยังมีด้านดี ๆ มีกลุ่มผู้เล่นที่ใจรัก Roleplay จริง ๆ ต้องการจะสัมผัสกับประสบการณ์ที่ดี ๆ อยู่บ้าง ถึงแม้ว่าเรื่องบางเรื่องอาจจะไม่เคยได้ถูกนำเสนอออกมา แต่ลึก ๆ แล้วในใจกลุ่มคนเล่น FiveM ก็คงต้องการที่จะแสดงให้ชุมชนชาวเกมเมอร์เห็นว่านอกจากเรื่องแย่ ๆ แล้ว มันก็ยังมีเรื่องดี ๆ อยู่เช่นกันนะ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสด้านลบของ FiveM ที่มีมาตลอด บวกกับปัญหาการต่อต้านจากทั้งเหล่าผู้เล่น GTA Online เอง ที่มองว่ามันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ และการต่อต้านจากกลุ่มเกมเมอร์ชาวไทย ที่มองว่า FiveM นั้นเป็นเหมือนกระแสด้านลบที่ทำให้ภาพลักษณ์ของเกมเมอร์ดูแย่ลง
ทำไมเกมเมอร์ชาวไทยกลุ่มหนึ่งรังเกียจ FiveM มาก ๆ เรื่องนี้มันมีหลายสาเหตุ แต่ปัญหาหลัก ๆ แล้ว ส่วนตัวผมเองมองว่า มันเป็นเรื่องของการจัดการวุฒิภาวะและควบคุมอารมณ์ รวมไปถึงสังคมในเกมมากกว่า เพราะถ้าหากเรามองว่าสุดท้ายแล้ว FiveM โหมด Roleplay มันก็เป็นเพียงแค่วิดีโอเกม ถ้าหากเราจัดการระบบความคิดตัวเองได้ มันก็น่าจะเป็นประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีมาก ๆ เพียงแต่ว่าปัญหาของมันดันอยู่ที่สังคมภายในเกมที่มันไม่ได้ส่งเสริมไปในทางนั้นสักเท่าไร
มีหลายคนใช้คำว่า “Roleplay” มาบังหน้าทำเรื่องที่ไม่ดี
มีผู้เล่นบางกลุ่ม เอาคำว่า “Roleplay” มาใช้บังหน้าในการทำเรื่องที่ไม่ดีในสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชู้สาว เรื่องการทำร้ายกันในเกมจนลามไปถึงนอกเกม ปัญหาความขัดแย้งทั้งหลายในเกม ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะถูกอ้างว่า “ก็กำลัง Roleplay อยู่ไง มันเป็นแค่การสวมบทบาท”
เรื่องนี้ส่งผลให้เกมเมอร์เหมารวมกลุ่มผู้เล่น FiveM ไปในทางที่ไม่ดี ในขณะเดียวกัน วงการ Roleplay ที่เขาสวมบทบาทจริง ๆ มันก็มีอยู่นานมากแล้ว หรือแม้แต่กลุ่มผู้เล่น Dungeons & Dragons และกลุ่มผู้เล่น Social MMORPG สาย Roleplay เอง ก็ดันโดนเหมารวมไปด้วย ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แถมกลุ่มเหล่านี้ยังเข้าใจคำว่า “Roleplay” มากกว่ากลุ่มผู้เล่น FiveM บางกลุ่ม ที่เอาคำว่า “Roleplay” มาอ้างใช้ทำเรื่องไม่ดีอีกด้วย
ปัญหาสังคมของ FiveM นั้น ณ ตอนนี้ได้มาอยู่ในจุดที่อาจจะถอยหลังกลับไปไม่ได้แล้ว กลุ่มเกมเมอร์ชาวไทยส่วนใหญ่ร่วมใจพร้อมที่จะแบนสิ่งนี้ออกไปจากสารบบ ด้วยคดีความที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในไทยตอนนี้ รวมไปถึงกระแสในแง่ลบที่มีมาตลอด
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเรามองย้อนกลับไปแล้วก็จะพบว่าแท้จริงแล้วนั้น ปัญหาของเรื่องราวทั้งหมดมันไม่ได้อยู่ที่ FiveM แต่อย่างใด แต่มันอยู่ที่ตัวกลุ่มผู้เล่นเองมากกว่าครับ