เมื่อพูดถึงเกมในซีรีส์ ‘Resident Evil’ เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้จักเกมนี้เป็นอย่างดี เพราะตั้งแต่ที่เกม ‘Resident Evil’ ภาคแรกวางจำหน่ายในปี 1996 เกมนี้ก็ถูกพูดถึงมาตลอดตามสื่อต่าง ๆ ในยุคนั้นจนมาถึงตอนนี้เรื่องราวข่าวสารของ ‘Resident Evil’ ก็ยังคงวนเวียนมาให้เราได้รู้เห็นตลอดไม่ขาดสาย จนเราแทบจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเกมซีรีส์นี้หมดแล้ว แต่ในความลับก็ยังมีความลับซ่อนอยู่อีกชั้นหนึ่งที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้เราเลยไปรวบรวมความลับในความลับของความลับในเกม ‘Resident Evil’ มานำเสนอ ซึ่งบางอันหลายคนอาจจะทราบแล้ว แต่เชื่อว่าหลายอย่างในบทความนี้คุณที่บอกว่าตัวเองเป็นแฟนเกม ‘Resident Evil’ อาจจะยังไม่รู้ก็ได้ เรามาดูความลับในความลับของความลับที่ซ่อนอยู่ในเกมนี้กัน จะมีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจกันบ้างตามมาดูพร้อมกันเลย
Capcom ไม่มีสิทธิ์ในการ Remake เกม Sweet Home จึงต้องมาสร้างเกมใหม่
เริ่มต้นเรื่องแรกกับจุดกำเนิดเกม ‘Resident Evil’ ที่หลายคนน่าจะทราบกันแล้ว ว่าก่อนที่เกม ‘Resident Evil’ จะถือกำเนิดขึ้นมานั้น ทางทีมพัฒนาของ ‘Capcom’ ในตอนนั้นต้องการ ‘Remake’ เกมสยองขวัญจากภาพยนตร์ชื่อดังในตอนนั้นอย่างเกม ‘Sweet Home’ ที่บอกเล่าเรื่องราวของทีมผู้สร้างภาพยนตร์สารคดี 5 คนที่พยายามค้นหาภาพวาดในตำนานในคฤหาสน์ร้าง จนเจอเรื่องหลอนสยองขวัญในนั้น ซึ่งตัวเกมจะเป็นแนวแก้ไขปริศนาผสมรูปแบบการเล่นแบบเกม ‘RPG’ แต่ในตอนนั้นทาง ‘Capcom’ ไม่มีสิทธิ์ในการสร้างเกมจากภาพยนตร์นี้อีกแล้ว ทาง โทคุโระ ฟูจิวาระ (Tokuro Fujiwara) โปรดิวเซอร์จึงมอบหมายให้ ชินจิ มิคามิ (Shinji Mikami) สร้างเกมสยองขวัญเกมใหม่ขึ้นมาโดยอ้างอิงองค์ประกอบจากเกม ‘Sweet Home’ แต่ชินจิมิคามิกลับไม่เห็นด้วยและเสนอแนวทางของเกมใหม่รวมถึงเนื้อหาตัวละครฉากเนื้อเรื่องที่ต่างจากเกม ‘Sweet Home’ ของเดิม จนเกิดมาเป็น ‘Resident Evil’ ที่เรารู้จัก ซึ่งถ้าตอนนั้นมิคามิเชื่อฟูจิวาระและทำเกมแนว ‘RPG’ สยองขวัญแบบ ‘Sweet Home’ ขึ้นมา เราคงไม่ได้เห็นเกม ‘Resident Evil’ เกิดขึ้นมาอย่างแน่นอน
Capcom จัดประกวดตั้งชื่อเกม Bio Hazard ที่จะจำหน่ายในต่างประเทศ
มาต่อกันเรื่องที่หลายคนอาจจะไม่รู้เรื่องที่ 2 นั่นคือชื่อเกม ‘Resident Evil’ ในฉบับภาษาอังกฤษ หรือนอกประเทศญี่ปุ่นที่เรารู้จักนั้นความจริงแล้วทาง ‘Capcom’ คิดไม่ออกว่าจะเอาชื่ออะไร เพราะชื่อเกมที่ใช้ในญี่ปุ่นอย่าง ‘Bio Hazard’ ไม่สามารถใช้ได้ในต่างประเทศทาง ‘Capcom’ จึงจัดประกวดตั้งชื่อเกมนี้ขึ้นมาภายในบริษัท หนึ่งในนั้นมีชื่อ ‘Resident Evil’ (ความชั่วร้ายที่สิงสู่) ส่งมาจากหนึ่งในนักออกแบบเกมของบริษัท โดยผู้ออกแบบชื่อให้เหตุผลว่า “ตัวเกมอยู่ในคฤหาสน์ที่มีแต่สัตว์ประหลาดชื่อนี้จึงเหมาะสม” ซึ่งผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสารและชุมชนของ ‘Capcom’ สหรัฐอเมริกา ออกมาเปิดเผยว่าตนเองไม่ชอบชื่อนี้เลย แถมเขายังโหวตคัดค้านชื่อนี้ด้วยซ้ำ แต่ฝ่ายการตลาดที่เหลือและกลุ่มผู้บริหารระดับสูงในญี่ปุ่นชอบมันชื่อนี้จึงถูกใช้นั่นเอง
Dewey และ Gelzer ตัวละครหลักที่ถูกทิ้งในเกม Resident Evil ภาคแรก
ครั้งแรกที่เกม ‘Resident Evil’ ถูกสร้างขึ้นมาทางมิคามิได้ออกแบบตัวละครที่สามารถเล่นได้ถึง 4 คน ก่อนจะตัดทิ้งไปเหลือแค่ 2 ตัวละครที่เราเห็น โดยตัวละครที่ถูกตัดไปนั้นคือตัวละครชายที่ชื่อ ดิวอี้ (Dewey) ชายผิวสีร่างผอมสูงที่เป็นตัวเฮฮาประจำหน่วย ‘S.T.A.R.S.’ กับอีกหนึ่งตัวละครที่ชื่อ เกลเซอร์ (Gelzer) ชายร่างใหญ่กึ่งเครื่องจักรที่เป็น ‘Cyborgs’ ซึ่งถูกวางบทให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธหนักของหน่วย ซึ่งเขาจะมีเนื้อเรื่องเชื่อมโยงกับ จิล วาเลนไทน์ (Jill Valentine) ก่อนที่บทนี้จะถูกตัดออกและให้ แบร์รี่ เบอร์ตัน (Barry Burton) มารับบทแทน ซึ่งถ้าทั้งคู่มีตัวตนในเกมเนื้อหาคงจะหลุดจากความเป็นจริงไปไกลเลยทีเดียว ส่วนใครที่อยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้ก็ไปย้อนอ่านบทความ “มาทำความรู้จัก Dewey และ Gelzer 2 ตัวละครหลักที่ถูกทิ้งในเกม Resident Evil ภาคแรก” ในนั้นจะเขียนถึงสองตัวละครนี้อย่างละเอียด แล้วคุณจะรู้ว่าทำไม 2 ตัวละครนี้ถึงถูกตัดออกไปจากเกม
Resident Evil 2 คือตอนจบของซีรีส์
มาต่อที่เกม ‘Resident Evil 2’ ที่หลายคนน่าจะรู้กันอยู่แล้ว ว่าสมัยที่เกมภาคนี้ถูกสร้างมาใหม่ ๆ ในฉบับ ‘Resident Evil 1.5’ ซึ่งสร้างเสร็จไปกว่า 70% ไปแล้ว แต่ทางชินจิ มิคามิที่มาทดลองเล่นกลับไม่รู้สึกถึงความสนุกของเกมภาคนี้เลย เขาจึงยกเลิกการสร้างเกมนี้และทำใหม่ขึ้นมาทั้งหมด รวมถึงการเปลี่ยนบทเนื้อหาของเกมตัวละครใหม่ทั้งหมด ซึ่งในบทเกมดั้งเดิมของ ‘Resident Evil 2’ ที่ถูกยกเลิกไปนั้นตัวเกมจะจบแบบบริบูรณ์ในภาคนี้ไม่มีการสานต่อไปยังภาคต่อไป แต่ทางโปรดิวเซอร์ โยชิกิ โอคาโมโตะ (Yoshiki Okamoto) ที่มารับหน้าที่เขียนบทเกมนี้ใหม่ไม่เห็นด้วยกับการตัดจบเรื่องราวไว้ตรงนี้ เขาคิดว่าเรื่องราวใน ‘Resident Evil’ ยังสามารถไปต่อภาคต่อไปได้อีก เขาจึงแก้ไขตอนจบของเกมนี้ใหม่ ซึ่งถ้าตอนนั้นโอคาโมโตะไม่เปลี่ยนบทเราก็คงจะเห็นเกมซีรีส์นี้จบลงตรงนี้ไปแล้ว แต่เราก็อย่าลืมว่าถ้าเกมมันขายดิบขายดี ต่อให้เนื้อเรื่องจบไปแล้วทาง ‘Capcom’ ก็สามารถแถให้เนื้อเรื่องเดินไปได้อยู่ดี ซึ่งแฟน ๆ เกมค่ายนี้จะเข้าใจดี
ฉากเปิดเกม Resident Evil 2 เกือบเป็นแบบ Stop Motion จากของเล่น
ย้อนกลับไปสมัย ‘Resident Evil’ ภาคแรกถูกสร้าง ตอนนั้นมิคามิได้จ้างชาวต่างชาติมาเป็นนักแสดงเพื่อถ่ายทำฉากเปิดตัว ที่เหมือนหนังสยองขวัญเกรด B ที่ในตอนนั้นถือสนุกตื่นเต้นมาก ๆ พอมาในภาคที่ 2 เดิมทีทางทีมงานก็จะใช้คนแสดงแบบในภาคแรก แต่สุดท้ายความคิดนี้ก็ถูกปัดตกและถูกใส่ในโฆษณาเกมแทน ทางทีมงานจึงเสนอให้ใช้ ‘Stop Motion’ จากของเล่นในการทำฉากเปิดตัว ที่ถ้าใครคิดไม่ออกก็ให้คิดถึงภาพยนตร์เรื่อง ‘Corpse Bride’ ที่กำกับโดย ทิม เบอร์ตัน (Tim Burton) ที่จะใช้กล้องถ่ายภาพของเล่นที่ขยับทีละส่วนอย่างช้า ๆ แล้วเอาทั้งหมดมารวมกันเป็นภาพเคลื่อนไหว แต่เมื่อพิจารณาถึงกระบวนการสร้างที่ใช้เวลานานเกินไปโครงการนี้จึงถูกยกเลิก และเปลี่ยนมาเป็นแบบ ‘CG’ ที่เราเห็น โดยเรื่องนี้ถูกเปิดเผยในบทสัมภาษณ์พิเศษของ ‘Resident Evil The Comic Book Magazine #3’ ในปี 1998
George A. Romero เกือบได้กำกับภาพยนตร์ Resident Evil
ต่อเนื่องจากหัวข้อก่อนในช่วงที่เกม ‘Resident Evil 2’ กำลังโด่งดังถึงขีดสุด ก็ได้มีข่าวที่น่าสนใจออกมาว่า จอร์จ เอ โรเมโร (George A. Romero) เจ้าพ่อผู้ให้กำเนิดหนังซอมบี้ในตำนานจะมากำกับภาพยนตร์ ‘Resident Evil’ โดยการชิมลางด้วยการกำกับโฆษณาเกม ‘Bio Hazard 2’ ก่อน ซึ่งทางโรเมโรก็จัดการเขียนบทและทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย แต่ทาง ‘Capcom’ กลับคิดว่าสิ่งบทที่โรเมโรเขียนนั้นยังไม่ดีพอในการสร้างเป็นภาพยนตร์ได้ เมื่อเป็นแบบนั้นโครงการนี้จึงเปลี่ยนมาให้ พอล ดับบลิว เอส แอนเดอร์สัน (Paul W.S. Anderson) มาสานต่อ ซึ่งถ้าคุณได้อ่านบทของโรเมโรในตอนนั้นคุณคงต้องส่ายหน้า แล้วบอกว่าภาพยนตร์ของพอลดีกว่าเยอะ เพราะในฉบับของโรเมโรนั้นเราจะได้เห็นคริสชาวไร่กับจิลที่เป็นแฟนสาวของคริสที่รู้แค่นี้ก็ส่ายหัวแล้ว ส่วนใครที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมก็ไปอ่านบทความ “เราเกือบได้เห็นภาพยนตร์ Resident Evil ของ George A. Romero เจ้าพ่อหนังซอมบี้ในตำนาน” ได้เลย แล้วคุณจะเข้าใจว่าค่ายหนังในตอนนั้นทำถูกแล้วที่เลือกแบบนั้น
สัตว์ประหลาดใน Resident Evil 7 อ้างอิงแบบมาจากเนื้อสัตว์ของจริง
กระโดดมาที่ภาค 7 ของซีรีส์กันบ้าง กับการกลับสู่รากเหงาของความน่ากลัวสยองขวัญแบบเต็มสูบใน ‘Resident Evil 7’ ซึ่งถ้าใครเคยดูเบื้องหลังการสร้างเกมภาคนี้มาก่อน จะทราบดีว่าวัตถุทุกชิ้นหรือเสียงต่าง ๆ ที่เราได้ยินในเกมนี้นั้นมาจากของจริงทั้งหมด เช่นเสียงโซ่ก็เอาโซ่จริงมาแกว่ง เสียงเดินบนไม้เสียงปืนทั้งหมดอ้างอิงของจริง ส่วนสิ่งของต่าง ๆ ก็เป็นการสแกนสิ่งของต่าง ๆ ออกมาแล้วแปลงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อสร้างภาพสามมิติที่สมจริง ซึ่งระบบดังกล่าวก็เอามาใช้กับสัตว์ประหลาดและศพที่เราเห็นในเกมด้วย แต่ทางทีมงานไม่ได้ไปถ่ายศพของจริงมา (ทำจริงก็บ้าไปแล้ว) แต่ทางทีมงานจะสแกนจากเนื้อของจริงมาแต่งเติมให้เหมือนศพก่อนจะใส่มันลงไปในเกม รวมถึงเหล่าสัตว์ประหลาดในเกมที่ทีมงานก็ใช้การแต่งหน้าสร้างสัตว์ประหลาดจากเนื้อของจริงขึ้นมา ก่อนจะสแกนหุ่นจำลองนั้นลงไปในเกม เราจึงได้เห็นศพและสัตว์ประหลาดในเกมนี้ที่ดูสมจริงชวนสะอิดสะเอียนมาก ๆ นั่นเอง
Resident Evil 7 อ้างอิงแบบมาจาก The Shining
ปิดท้ายกับต้นแบบแรงบันดาลใจในการสร้าง ‘Resident Evil’ ภาคหลัง ๆ นั้นจะมีต้นแบบมาจากภาพยนตร์ดังอย่าง ‘Resident Evil 5’ ก็จะได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ ‘28 Days Later’ และ ‘Black Hawk Down’ ส่วนใน ‘Resident Evil 7’ นั้นก็มีกลิ่นอาย ‘The Texas Chainsaw Massacre’ กับ ‘Saw’ เป็นแรงบันดาลใจ แต่ความจริงแล้วต้นแบบของ ‘Resident Evil 7’ ที่แท้จริงนั้นมาจากนิยายสยองขวัญของ สตีเวน คิง (Stephen King) เรื่อง ‘The Shining’ ซึ่งตัวของมิคามิก็เคยเอาความน่ากลัวของ ‘Overlook Hotel’ ในภาพยนตร์ ‘The Shining’ มาดัดแปลงใส่ใน ‘Resident Evil 1’ ไปแล้ว พอมาถึง ‘Resident Evil 7’ ที่กลับไปสู่รากเหง้าแห่งความสยองขวัญ โมริมาสะ ซาโตะ (Morimasa Sato) จึงหยิบเอา ‘The Shining’ มาตีความกลับด้านให้เป็นความมืดทึบวังเวงแทนความสว่าง แต่ยังคงความชั่วร้ายที่ซุกซ่อนอยู่ข้างใน และเพื่อเป็นการเคารพ ‘The Shining’ ทางทีมงานก็ได้ใสชื่อ แจ็ค เบเกอร์ (Jack Baker) ที่มาจาก แจ็ค ทอร์แรนซ์ (Jack Torrance) ตัวเอกในภาพยนตร์ลงไปในเกมอีกด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 8 เรื่องราวความลับต่าง ๆ ของ ‘Resident Evil’ ที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน โดยข้อมูลบางส่วนที่เราเอามานำเสนอนั้นส่วนมากเพิ่งจะถูกเปิดเผยมาไม่นานมานี้ หรือบางทีก็มาในรูปแบบเบื้องหลังการสร้างที่เราไม่ค่อยได้เห็น กับการเก็บตกสิ่งต่าง ๆ จากในอดีตมารวมกันจนเป็นบทความนี้ ซึ่งถ้าคุณเคยทราบหรือรู้เรื่องไหนไปแล้วเราก็ขออภัยมาด้วย ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรก็ติดตามกันได้ที่ที่เดียว รับรองไม่พลาดทุกข่าวสารวงการเกมการ์ตูนอนิเมอย่างแน่นอน
อ้างอิง https://www.looper.com/38562/untold-truth-resident-evil/
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส