ในช่วงเดือนที่ผ่านมาทาง ‘Capcom’ ได้มีการประกาศเกมที่มียอดขายสูงที่สุดในค่ายตัวเอง ว่าเกมไหนมียอดขายเกิด 1 ล้านชุดบ้าง โดยอันดับที่ 1 ถึง 10 นั้นมีเกมในซีรีส์ ‘Resident Evil’ อยู่ถึง 5 เกม จึงทำให้เกิดความสงสัยขึ้นในความคิดหลาย ๆ คนว่า ถ้ามีเกมในซีรีส์ ‘Resident Evil’ ที่ขายมากสุดแล้ว เกมในซีรีส์นี้ที่ขายได้น้อยที่สุดคือภาคไหนบ้าง เราเลยไปหาข้อมูลมาให้ได้หายสงสัยกัน โดยภาคที่ขายได้น้อยที่สุดเราจะอ้างอิงภาคที่ใช้หัวชื่อใหม่ที่ออกมา ไม่ขอนับภาคเก่าที่ขายบนเครื่องอื่น เรามาดูกันดีกว่าว่าเกม ‘Resident Evil’ ภาคไหนที่มียอดขายต่ำที่สุด และมาดูกันว่าทำเหตุใดทำไมเกมภาคนั้น ๆ จึงขายได้น้อยขนาดนี้ มาวิเคราะห์ไปพร้อมกันเลย
Resident Evil Survivor ยอดขาย 483,900 ชุด
เริ่มต้นเกมแรกของซีรีส์ ‘Resident Evil’ หรือ ‘Bio Hazard’ ที่มียอดจำหน่ายน้อยที่สุดในฐานะชื่อเกมใหม่ ที่เปิดตัวครั้งแรกบน ‘PlayStation’ ที่ประเทศญี่ปุ่นวันที่ 27 มกราคม 2000 โดยตัวเกมนั้นจะเป็นแนวยิงมุมมองบุคคลที่ 1 (มุมมองแทนสายตาผู้เล่นจะไม่เห็นตัวละคร) ที่ตัวเกมต้องเล่นพร้อมกับ ‘Controller’ ปืนที่วางขายในตลาด หรือจะใช้ตัว ‘Controller’ ปกติก็สามารถเล่นได้แต่จะไม่ได้อารมณ์เท่าใช้ปืน โดยเรื่องราวในเกมนี้จะเริ่มต้นหลังจากหายนะเกิดขึ้นมาแล้วบนเกาะ ‘Sheena’ ที่เกิดไวรัสรั่วไหล เราจะได้รับบทเป็น อาร์ค ทอมป์สัน (Ark Thompson) ที่เกิดความจำเสื่อมจึงต้องมาตามหาความจริงที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ครั้งนี้ ในส่วนของคำวิจารณ์นั้นเรียกว่าย่ำแย่ เพราะตัวเกมไม่มีความสนุกหรือท้าทายเลย แม้ตัวเกมจะเป็นแนวยิงที่เราสามารถควบคุมตัวละครได้ แถมมีกระสุนไม่จำกัดตอนยิงแบบเกมตู้ แต่ด้วยกราฟิกที่แตกยับแถมซอมบี้ก็หน้าซ้ำ ๆ ที่เอามาจากภาคเก่า ฉากก็ไม่มีอะไรที่แปลกใหม่ จึงทำให้ยอดขายเกมแรกในซีรีส์ที่พยายามทำเป็นมุมมองบุคคลที่ 1 ล้มไม่เป็นท่า กับยอดขายเพียง 483,900 ชุด ใครอยากรู้ว่าเกมนี้มันแย่ตรงไหนก็ต้องไปลองเล่นดู แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมยอดขายมันถึงแย่ขนาดนี้
Resident Evil Revelations ยอดขาย 296,040 ชุด
อีกหนึ่งความพยายามของ ‘Capcom’ ที่ต้องการขยายตลาด ‘Resident Evil’ ลงบนเครื่องพกพา ที่พยายามทำมาแล้วบนเครื่อง ‘Gamb Boy’ ในชื่อภาคว่า ‘Resident Evil Gaiden’ ที่ไม่มีข้อมูลระบุว่ามียอดขายเท่าใด จนมาถึงเครื่อง ‘Nintendo DS’ ในชื่อภาค ‘Resident Evil Deadly Silence’ ที่จะพูดถึงในเนื้อหาต่อไป แต่ก่อนจะถึงตรงนั้นทาง ‘Capcom’ ก็ลงทุนสร้างหัวเรื่องใหม่ในชื่อ ‘Resident Evil Revelations’ ที่บอกเล่าเรื่องราวช่วงเวลาต่าง ๆ ในซีรีส์หลักผ่านตัวละครหลักที่เราคุ้นเคย แต่ตัวเกมในตอนนั้นลงแค่เครื่องพกพาอย่าง ‘Nintendo 3DS’ เท่านั้น ขณะตัวเกมนั้นเรียกว่าเล่นสนุกเนื้อเรื่องน่าสนใจกราฟิกก็สวย แต่ตัวเกมกลับทำยอดขายบนเครื่อง ‘Nintendo 3DS’ ไปเพียง 296,040 ชุด เรียกว่าน้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับคนที่มีเครื่องเกมและคนที่เป็นแฟนซีรีส์ ‘Resident Evil’ ที่ไม่ตามมาอย่างที่ ‘Capcom’ คิด จนเมื่อเวลาผ่านมาเกมภาคนี้จึงถูกเอามาลงบนเครื่องคอนโซลจึงมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่าบน ‘Nintendo 3DS’ มากมาย จนทำให้เกม ‘Resident Evil Revelations’ มียอดขายรวมกันทุกเครื่องจบที่ 3,646,040 ชุด เหมือนเป็นการบอกทาง ‘Capcom’ ว่าเกมซีรีส์นี้ไม่ควรลงบนเครื่องเกมพกพาจอเล็ก ๆ
Resident Evil Outbreak File #2 ยอดขาย 213,881
เรียกว่ามาก่อนกาลนานเลยทีเดียว กับเกมที่ต้องใช้การเชื่อมต่อแบบออนไลน์บนเครื่องเกมคอนโซล ที่ในยุคนั้นคำว่าต่อออนไลน์เป็นอะไรที่ไกลตัวผู้คนแบบสุด ๆ แต่ทาง ‘Capcom’ ก็กล้าทำเกมแนวนี้ออกมาในชื่อ ‘Resident Evil Outbreak’ ที่เราจะได้รับบทเป็นผู้รอดชีวิตอาชีพต่าง ๆ ที่ต้องร่วมมือกัน (เล่นจริง ๆ ก็ตัวใครตัวมัน) ในการแก้ปริศนาเอาชีวิตรอดในฉากนั้น ๆ ที่ตัวเกม ‘Resident Evil Outbreak’ ภาคแรกทำยอดขายได้ถึง 1,450,000 ชุด เลยทำให้ทาง ‘Capcom’ มั่นใจว่าเกมนี้จะต้องไปต่อได้ เลยออกภาคต่อออกมาในชื่อ ‘Resident Evil Outbreak File #2’ ที่เพิ่มฉากต่าง ๆ เข้ามามากขึ้นแต่ระบบการเล่นยังเหมือนเดิม ที่ถ้าเป็นสมัยนี้คงเรียกว่า ‘DLC’ ตัวเสริม ที่แม้ตัวเกมจะสนุกน่าสนใจมากขึ้นแต่ยอดขายภาคที่ 2 นี้ก็ดิ่งลงเหว กับยอดขายที่มีเพียง 213,881 ชุด นับว่าน้อยกว่าภาคแรกมาก ๆ จนทำให้ ‘Capcom’ ไม่กล้าทำเกมภาคนี้ออกมาอีกเลยแม้จะมีเสียงเรียกร้องจากแฟน ๆ ก็ตามมา
Resident Evil The Mercenaries 3D ยอดขาย 166,758 ชุด
จะเรียกว่าไม่เข็ดหรืออาจจะเป็นการต่อยอดแบบขำ ๆ ที่ถ้าขายดีก็โอเคถ้าขายไม่ได้ก็ไม่เจ็บตัวอะไร กับเกม ‘Resident Evil The Mercenaries 3D’ ที่วางจำหน่ายบนเครื่อง ‘Nintendo 3DS’ ด้วยการนำโหมด ‘The Mercenaries’ ของ ‘Resident Evil 4’ และ 5 มาดัดแปลงให้เป็นโหมดการเล่นเอาชีวิตรอดในสถานที่ปิด โดยเราจะต้องทำลายแท่งเวลาและกำจัดศัตรูที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนเวลาหมดหรือไม่ตายก่อนหมดเวลา ที่เรียกว่าเป็นการยำของที่แถมในภาคต่าง ๆ มาขายราคาเต็ม โดยเพิ่มฉากตัวละครและท่าต่อสู้ใหม่ ๆ และปรับเกมให้เป็น ‘3D’ ซึ่งเอาจริงถ้าไม่คิดอะไรมากและเล่นเอาสนุกคั่นเวลา ‘Resident Evil The Mercenaries 3D’ ก็เล่นสนุกใช้ได้เลย แต่ด้วยความที่ตัวเกมเป็นของเก่าเอามาขายใหม่ แถมลงบนเครื่อง ‘Nintendo 3DS’ ที่ขุดผี ‘Resident Evil’ ไม่ค่อยขึ้น จึงทำให้มียอดขายไปเพียง 166,758 ชุดเท่านั้น
Resident Evil The Darkside Chronicles ยอดขาย 145,149 ชุด
จะเรียกว่าเป็นปมในใจของ ‘Capcom’ ก็ไม่ทราบได้ เพราะหลังจากที่ลองทำเกมแนวมุมมองบุคคลที่ 1 อย่าง ‘Resident Evil Survivor’ ออกมาแล้วและมียอดขายยับเยิน ทาง ‘Capcom’ ก็ไม่ยอมแพ้พยายามทำเกมแนว ๆ นี้ออกมาอีกหลายเกม หนึ่งในนั้นคือเกม ‘Resident Evil The Darkside Chronicles’ ที่ลงบนเครื่อง ‘Nintendo Wii’ ซึ่งเป็นภาคที่ 2 ของซีรีส์ ‘Chronicles’ ที่ภาคแรกอย่าง ‘Resident Evil The Umbrella Chronicles’ ที่ทำยอดขายสูงถึง 1,300,000 ชุด จึงไม่แปลกที่จะมีภาคต่อออกมา โดยที่ตัวเกมจะเป็นแนวยิงคล้าย ๆ ‘Resident Evil Survivor’ แต่เราจะไม่สามารถควบคุมตัวละครได้เหมือนเกมตู้ จะทำได้เพียงเล็งยิงเท่านั้น ซึ่งตัว ‘Controller’ของ ‘Nintendo Wii’ ก็เหมาะจะเล่นเกมแนวนี้ บวกกับเนื้อหาที่น่าสนใจ ที่เป็นการบอกเล่ารอยต่อช่วงต่าง ๆ ของซีรีส์ที่แฟน ๆ สนใจ จึงทำให้เกมประสบความสำเร็จ แต่พอมาในภาค 2 อย่าง ‘Resident Evil The Darkside Chronicles’ ก็ดำเนินตามรอยภาคแรกทุกอย่าง ทั้งเนื้อเรื่องรอยต่อภาคหลักการตีความบอกเล่าเกี่ยวกับภาคหลัก แต่คนเล่นกลับไม่ชอบที่ถ้าให้พูดตรง ๆ มันก็เหมือน ‘DLC’ มากกว่าภาคต่อ จนทำให้เกมมียอดขายเพียง 145,149 ชุดเท่านั้น ปลุกผีขึ้นมาแค่ครั้งเดียวจริง ๆ สำหรับ ‘Resident Evil’ กับเครื่องของฝั่ง ‘Nintendo’
Gun Survivor 2 Resident Evil Code Veronica ยอดขาย 119,392 ชุด
จะเรียกว่าการต่อยอดหรือเอามาลงขายแบบไหน ๆ ก็ทำแล้วก็เอามาลงคอนโซลเสียหน่อย เหมือนที่เคยทำกับ ‘Resident Evil The Mercenaries 3D’ ก็ได้ (เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น) เพราะตัวเกมจริง ๆ ของ ‘Gun Survivor 2 Resident Evil Code Veronica’ นั้นเป็นเกมที่ลงบนเกมตู้ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมอย่างสูง จนทาง ‘Capcom’ เห็นว่าตัวเกมน่าสนใจจนเอามาลงบนเครื่องคอนโซลเสียด้วยเลย แต่ตัวเกมก็ถูกดัดแปลงหลาย ๆ อย่างจากตัวเกมหลัก จากการเล่นแบบเดิมคือตัวเกมจะวิ่งไปเองเราแค่ทำหน้าที่ยิงศัตรูในฉาก มาเป็นการควบคุมตัวละครแบบมุมมองบุคคลที่ 1 ที่เราจะเห็นมือและปืนตัวละคร พร้อมทั้งการควบคุมตัวละครได้แบบเดียวกับ ‘Resident Evil Gun Survivor’ แต่ตัวเกมจะเป็นการอ้างอิงเนื้อหาศัตรูตัวละครจากเกม ‘Resident Evil Code Veronica’ มาเท่านั้น ซึ่งแม้ตัวเกมจะไปได้สวยบนเกมตู้แต่กับบนเครื่องคอนโซลกลับทำยอดไปเพียง 119,392 ชุด พร้อมคำวิจารณ์แบบสับเละเป็นหมูบด เพราะกราฟิกในเกมที่ดูเหลี่ยม การยิงการควบคุมไปจนถึงทุกอย่างที่เกมยิงควรมี เกมนี้ก็ทำได้แย่จนถึงติดลบทั้งหมด จนแฟน ๆ รู้สึกเหมือนถูกหักหลังอย่างบอกไม่ถูก
Resident Evil Deadly Silence ยอดขาย 103,275 ชุด
หลังจากที่เคยพูดถึงเกม ‘Resident Evil Deadly Silence’ ไปแล้วในหัวข้อก่อนคราวนี้จะได้พูดถึงแบบเต็ม ๆ เสียที เพราะเกมนี้คือหนึ่งในความพยายามอีกหลาย ๆ ครั้งของ ‘Capcom’ ที่จะนำเกม ‘Resident Evil’ ไปลงบนเครื่องเกมพกพากับบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเกมที่โดนหยิบมาทำมากที่สุดก็คือ ‘Resident Evil’ ภาคแรก และเหยื่อในตอนนั้นก็เครื่อง ‘Nintendo DS’ ทาง ‘Capcom’ ก็จัดเกม ‘Resident Evil Deadly Silence’ มาเอาใจแฟน ๆ ด้วยการยกเครื่องตัวละครเกมใหม่ ด้วยการเอาปริศนาหลาย ๆ อย่างจาก ‘Resident Evil’ ภาคแรกมาเปลี่ยนให้ตัวเกมเหมาะสำหรับจอสัมผัสด้านล่างของเครื่อง ‘Nintendo DS’ จนทำให้เกิดเกมใหม่ขึ้นมา แต่ด้วยความที่เนื้อเรื่องในเกมทั้งหมดก็ยังคงเป็น ‘Resident Evil’ ภาคแรก แถมตัวกราฟิกก็อ้างอิงมาจาก ‘PlayStation 1’ ที่อาจจะแย่กว่าด้วยซ้ำในบางฉาก จึงทำให้เกมภาคนี้มียอดขายไปเพียง 103,275 ชุดเท่านั้น
Resident Evil Dead Aim ยอดขาย 40,622 ชุด
ปิดท้ายกับซีรีส์ ‘Resident Evil’ ที่มียอดขายน้อยที่สุดที่เราไปรวบรวมมาได้ ที่จะเป็นเกมภาคไหนไปไม่ได้นอกจากซีรีส์ ‘Gun Survivor’ ที่ถ้าเรานับเฉพาะซีรีส์นี้อย่างเดียวทุกภาคมารวมกัน ที่มี ‘Resident Evil Survivor’, ‘Gun Survivor 2 Biohazard Code Veronica’ และ ‘Resident Evil Dead Aim’ ภาคนี้รวมกัน 3 เกมทำยอดขายไปเพียง 643,914 ชุดเท่านั้น โดยภาค ‘Resident Evil Dead Aim’ ภาคนี้ทำยอดขายต่ำที่สุดในซีรีส์ ที่ทำไปได้เพียง 40,622 ชุดเท่านั้น ทั้งที่ตัวเกมก็ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นที่เมื่อเราควบคุมตัวละครจะเป็นมุมมองบุคคลที่ 3 ที่เห็นตัวละคร แต่พอเล็งปืนจะยิงตัวเกมจะเปลี่ยนมาเป็นมุมมองบุคคลที่ 1 เหมือนอย่างที่ ‘‘Resident Evil Gaiden’ ทำ ซึ่งตัวเกมก็จัดว่ามีกราฟิกที่ดีแม้ตัวพระเอกจะไม่ใช่ตัวละครหลักในซีรีส์ และดูจะหน้ามึน ๆ ง่วง ๆ ไปหน่อยแต่ก็เล่นได้สนุก แต่ด้วยความที่ตัวเกมค่อนข้างครึ่ง ๆ กลาง ๆ ทั้งระบบการเล่นเนื้อเรื่องตัวละครและหลาย ๆ อย่างจึงทำให้ตัวเกมมียอดขายที่ต่ำที่สุดไปครอง
ก็จบกันไปแล้วกับการรวบรวมข้อมูลเกม ‘Resident Evil’ ภาคแยกภาคเสริมที่มียอดขายน้อยที่สุด ซึ่งเอาจริง ๆ ยอดขายที่เราหยิบมานี่อาจจะไม่ใช่ตัวเลขที่ตายตัวหรือเอาไปอ้างอิงที่ไหนได้ แต่มันก็เป็นตัวบ่งชี้ว่าทาง ‘Capcom’ พยายามเข็นเกม ‘Resident Evil’ ในแบบมุมมองบุคคลที่ 1 ออกมาอย่างจริงจังต่อเนื่อง จนมาสำเร็จจริง ๆ ตอน ‘Resident Evil 7’ ที่เรียกว่าตอนนั้นทาง ‘Capcom’ และทีมพัฒนาก็คงจะลุ้นว่ามันจะขายได้ไหม เพราะตัวเกมได้ทิ้งทุกอย่างที่ ‘Resident Evil’ เคยประสบความสำเร็จมาสู่เรื่องราวระบบการเล่นแบบใหม่ ซึ่งสุดท้ายก็สามารถล้างอาถรรพ์มุมมองบุคคลที่ 1 ได้สำเร็จ คงต้องมารอลุ้นต่อว่าโครงการต่อไปที่ ‘Capcom’ พยายามเข็นให้ออกมาดีแบบไม่ยอมแพ้แนวต่อไป คือแนวออนไลน์เอาชีวิตรอดกับแนวแบ่งทีมยิง คงต้องมารอดูว่าจะไปได้ขนาดไหน และถ้าข้อมูลผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยมาด้วย ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรก็รอติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียว รับรองคุณจะไม่พลาดทุกข่าวสารแน่นอน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส