เปิดตัวไปอย่างยิ่งใหญ่สมการรอคอยของแฟน ๆ ‘Pokemon’ หลังจากที่ได้ประกาศชื่ออย่างเป็นทางการไปแล้ว ว่าชื่อภาคนี้จะเป็นแนวสีอีกครั้งกับสีแดงเข้ม (สีเลือดหมู) และสีม่วงในชื่อ ‘Pokemon Scarlet and Violet’ ที่จะเกี่ยวกับอนาคตและอดีตกับการเดินทางครั้งใหม่ของเด็ก ๆ ที่มาพร้อมกับการเปิดตัวระบบการเล่นและ ‘Pokemon’ ใหม่ ๆ ไปจนถึง ‘Pokemon’ ในตำนานทั้งสองตัวที่เรียกเสียงฮือฮาให้แฟน ๆ เป็นอย่างมาก วันนี้เราเลยไปรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจจากตัวอย่างที่ปล่อยออกมาให้ได้อ่านกัน จะมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลย
ทำความรู้จัก Pokemon Scarlet and Violet
เรามาทำความรู้จัก ‘Pokemon’ ภาคใหม่ที่เพิ่งประกาศตัวอย่างแบบเป็นทางการ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดเผยชื่อภาค ที่กลับมาใช้โทนสีอีกครั้งเหมือนเป็นการบอกแฟน ๆ ว่าคราวนี้จะเป็นการนับหนึ่งเข้าสู่ระบบการเล่นแบบใหม่ ที่จะเป็นมาตรฐานให้เกมซีรีส์นี้ต่อไปในอนาคต โดยโทนสีที่ใช้ในคราวนี้คือ ‘Scarlet’ สีแดงเข้มเลือดหมู กับ ‘Violet’ ที่เป็นสีม่วงออกมา พร้อมกับ ‘Pokemon Starter’ 3 ตัวแรกที่ได้รับเสียงตอบรับในทางบวกกับแฟน ๆ เป็นอย่างมาก โดยตัวเกม ‘Pokemon Scarlet and Violet’ นั้นจะวางจำหน่ายบน ‘Nintendo Switch’ ซึ่งใครที่ห่างหายจากเกมซีรีส์นี้ไปนาน มาเห็นภาคนี้ต้องมาทำความรู้จักระบบการเล่นการควบคุม ไปจนถึงการต่อสู้แบบใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากมาย ส่วนแฟนใหม่ที่เพิ่งรู้จักเกมนี้จากการ์ตูนที่เคยดู ก็บอกเลยว่าให้คุณทิ้งทุกอย่างที่รู้ไปให้หมด เพราะคราวนี้ตัวเกมจะเปลี่ยนทุกอย่างที่คุณเคยดูในการ์ตูนแบบไม่มีส่วนไหนเหมือนเดิมอีกแล้ว ที่ขนาดแฟน ‘Pokemon’ ยังอ้าปากค้างกับความน่าสนใจของภาคนี้เลยทีเดียว
รูปแบบการเล่นพัฒนาจาก Pokemon Legends Arceus
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาของ ‘Pokemon Scarlet and Violet’ เรามาทำความรู้จักต้นแบบของระบบการเล่นเกมภาคนี้ ที่เรียกว่ายกทั้งหมดมาจากเกม ‘Pokemon Legends Arceus’ เกมภาคล่าสุดในซีรีส์ ‘Pokemon’ ที่พาเราย้อนอดีต (ตัวละครถูกย้อนอดีต) ไปเมื่อสมัย 1,000 ปีก่อนเกม ‘Pokemon’ ภาคแรก ที่ทุกอย่างยังเป็นการเริ่มต้นของเทคโนโลยีที่เป็นต้นแบบในปัจจุบัน รวมถึงทุกอย่างที่เราเคยทำหรือรู้จักในปัจจุบันจะต่างกับในอดีต ทั้งการต่อสู้กับ ‘Pokemon’ ป่าที่ต้องใช้ ‘Pokemon’ สู้กันเอง แต่ในยุคนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป เราสามารถจับ ‘Pokemon’ ป่าที่เดินไปมาได้เลยโดยที่ไม่ต้องสู้แบบภาคเก่า แถมตัว ‘Pokemon’ ก็สามารถโจมตีเราที่เป็นผู้เล่นได้ด้วย ทั้งตอนเดินในฉากหรือต่อสู้ (บางตัวดุมาก ๆ ขนาดมาไล่โจมตีผู้เล่นจนตายเลยก็มี) ดังนั้นเราที่เป็นผู้เล่นจึงต้องเอาตัวรอดไปพร้อมกับสั่ง ‘Pokemon’ เราให้สู้ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งทั้งหมดที่เรากล่าวมานั้นจะถูกยกมาใช้ใน ‘Pokemon Scarlet and Violet’ แต่จะเปลี่ยนแปลงให้เป็นยุคสมัยใหม่ ที่มีเทคโนโลยีในการต่อสู้ที่ต่างกับภาค ‘Pokemon Legends Arceus’ ที่เราต้องดิ้นรนเอาตัวรอดเพราะเป็นยุคโบราณ ใครที่สนใจก็ลองไปหาภาคนี้มาเล่นก่อนเพื่อเป็นการทำความรู้จักระบบ พอภาคแดงม่วงมาจะได้เข้าใจระบบมากขึ้น
Pokemon ในตำนานผู้ให้ความสำคัญกับอดีตและผู้พร้อมเดินหน้าสู่อนาคต
คราวนี้มาดู ‘Pokemon’ ในตำนานประจำภาคแดงม่วงกัน ที่นอกจากเรื่องราวของสีที่บอกเราถึงการเริ่มต้นสู่การเปลี่ยนแปลงแล้ว เนื้อหาของตัว ‘Pokemon’ ในตำนานภาคนี้ยังสื่อถึงอดีตกับอนาคตผ่านตัว ‘Pokemon’ ในตำนานทั้งคู่อย่าง โคไรดอน (Koraidon) ตัวสีแดงเลือดหมูที่เป็นตัวแทนของยุคอดีตที่ผ่านมาแล้ว กับรูปร่างของไดโนเสาร์ที่มีเหมือนล้อตรงหน้าอก กับตัวแทนของอนาคตที่ยังมาไม่ถึงอย่าง มิไรดอน (Miraidon) ที่มาในรูปแบบมังกรเหมือนงูพร้อมไอพ่นด้านหลัง ที่แฟน ๆ ต่างคิดกันว่าทั้งคู่นั้นอาจจะสามารถแปลงร่างเป็นยานพาหนะให้เราขี่ก็ได้ โดยเรายังไม่ทราบว่าทั้งคู่นั้นจะมีเรื่องราวไปในทิศทางใด แต่ที่แน่ ๆ ทั้งคู่ไม่ถูกกันและมีคนเดาว่าเมื่อมีอดีตกับอนาคตก็ต้องมีปัจจุบันเป็นตัวที่ 3 แน่ ๆ คงต้องมารอดูกัน
ระบบการเล่นพร้อมกัน 4 คนในโลกของ Open World
อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่าระบบการเล่นของเกม ‘Pokemon’ ภาคใหม่ ๆ หลังจากนี้จะอ้างอิงทุกอย่างมาจากภาค ‘Pokemon Legends Arceus’ แต่ก็มีการพัฒนาเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ เริ่มจากตัวเกมจะเป็น ‘Open World’ ที่ให้อิสระเราที่จะไปไหนทำอะไรก่อนหลังได้หมด ไม่จำเป็นต้องเดินไปตามทางเนื้อเรื่องแบบบังคับตายตัวอย่างภาคก่อน ๆ เพราะภาคนี้เราจะสามารถเลือกรับภารกิจหลักภารกิจรองต่าง ๆ ก่อนหลังได้หมด เมื่อทำสำเร็จก็จะได้รับของรางวัลต่าง ๆ หรือจะเล่นร่วมกับเพื่อน ๆ ในแบบออนไลน์ ที่เราสามารถเชิญเพื่อนมาอยู่ในโลกเดียวกับเราได้สูงสุดถึง 4 คน หรือถ้าคุณไม่เชิญใครตัวเกมก็จะสุ่มเลือกคนมาเป็นเพื่อน ที่เราอาจจะบังเอิญไปเจอเพื่อนในฉากเพื่อร่วมเดินทางไปด้วยกัน หรือจะแลก ‘Pokemon’ กับข่าวสารต่าง ๆ กันก็ได้ และที่สำคัญที่สุดเราสามารถท้าเพื่อนที่เจอสู้กันได้ด้วย นับเป็นความแปลกใหม่ที่เพิ่งมีมาในภาคนี้ หรือถ้าคุณไม่อยากเจอใครจะเล่นคนเดียวก็สามารถทำได้ไม่บังคับ แต่เชื่อเถอะว่าการเล่นกับเพื่อน ๆ มันน่าสนุกกว่าที่เราเห็นเยอะ
Pokemon ป่าตัวใหม่ที่เปิดเผย
นอกจาก ‘Pokemon’ 3 ตัวแรกที่เราจะได้เลือกมาเป็นเพื่อนร่วมทางแล้ว ยังมี ‘Pokemon’ ป่าตัวใหม่ที่ถูกเปิดเผยในตัวอย่างนี้ถึง 3 ตัวได้แก่ พาวมี (Pawmi) ที่เป็น ‘Pokemon’ ประเภทสัตว์ฟันแทะประเภทหนูที่สามารถปล่อยไฟฟ้าได้ ที่ดูแล้วหน้าตาคล้ายรุ่นพี่ในภาคที่ผ่านมา อีกตัวมาในรูปแบบหมูหน้าตายียวนในชื่อ เลชองค์ (Lechonk) ‘Pokemon’ ป่าที่มีจมูกดมกลิ่นยอดเยี่ยมเพื่อค้นหาหญ้าป่าที่มีกลิ่นหอมและผลเบอร์รี ซึ่งอยู่ในธาตุ ‘Normal’ กับตัวสุดท้ายที่เป็น ‘Pokemon’ พืชอย่าง สโมลิฟ (Smoliv) ‘Pokemon’ ป่าขี้อายที่เมื่อตกใจหรือถูกโจมตีจะยิงน้ำมันออกไปทำให้คู่ต่อสู้ช้าลงแล้วค่อยวิ่งหนีไป ซึ่งจากข้อมูลยังไม่ได้บอกว่าพวกนี้จะมีการพัฒนาไปร่างอื่นอีกไหมคงต้องรอดูกัน ซึ่งเราก็เชื่อว่าต้องมี ‘Pokemon’ ตัวใหม่ ๆ ออกมาอีกแน่ และที่ขาดไม่ได้ซึ่งมันต้องมีได้แล้วนั่นคือร่างใหม่ของ อีวุย (Eevee) ที่คราวนี้จะเป็นธาตุไหน (เดาว่าเป็นธาตุมังกร) คงต้องมารอลุ้นกัน
ศาสตราจารย์และเพื่อนคู่แข่งคนใหม่
อีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่มีมาทุกภาคของซีรีส์นี้คือศาสตราจารย์หรือผู้ให้ ‘Pokemon’ ตัวแรกของเรา ที่ทุกภาคนั้นจะเป็นตัวละครเดียวกันแต่คราวนี้จะมาแบบ 2 คนที่ต่างกัน โดยคนแรกจะเป็นศาสตราจารย์สาวสวยผู้ยึดมั่นในเรื่องราวของอดีต ที่จะนำพาเราให้อยู่รอดในปัจจุบันอย่าง ศาสตราจารย์ ซาดา (Professor Sada) กับฝ่ายชายศาสตราจารย์ ทูโร (Professor Turo) ผู้ยึดมั่นเส้นทางแห่งอนาคตที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งเรื่องราวของทั้งคู่จะดำเนินไปทางไหน และจะมีเนื้อหาที่ต่างกันอย่างไรต้องมารอดูตอนเกมออกมา ส่วนอีกหนึ่งตัวละครที่ขาดไม่ได้ในซีรีส์นี้คือตัวละครคู่แข่งที่ชื่อ นีโมน่า (Nemona) ซึ่งเธอจะเป็นทั้งรุ่นพี่ที่สอนเราในเรื่องต่าง ๆ และเป็นคนที่จะเป็นคู่แข่งเราในอนาคต แค่คิดก็น่าสนใจขึ้นมาแล้วว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร
ภูมิภาคใหม่ที่อ้างอิงจากประเทศสเปนและโปรตุเกสกับค่ายลูกเสือ
จากตัวอย่างที่เราได้เห็นนั้นคราวนี้เรื่องราวของ ‘Pokemon Scarlet and Violet’ นั้นจะไม่เน้นการต่อสู้ในยิมแบบภาคเก่าอีกแล้ว แต่จะเป็นการต่อสู้ตามค่ายต่าง ๆ เหมือนลูกเสือที่มีฐานให้เราไปเล่น ‘Mini Game’ ก่อนจะได้สู้กับคนที่อยู่ประจำฐาน ที่คาดว่าเราสามารถเลือกไปจะไปบุกฐานไหนก่อนหลังได้ตามแต่ความสามารถของเรา ซึ่งแฟน ๆ ต่างเดาว่าฐานต่าง ๆ นั้นจะถูกแบ่งเป็นสีตามผลไม้ที่เป็นเหมือนฐานของกลุ่มลูกเสือ ที่เราสามารถเลือกได้ว่าจะอยู่บ้านพักสีแดงที่เป็นส้ม หรือจะเป็นบ้านสีม่วงที่เป็นองุ่น (ตามภาคที่เราซื้อ) เมื่อชนะก็จะได้ตราสัญลักษณ์มาติดเสื้อ ที่บ่งบอกว่าเราผ่านฐานนั้น ๆ มาแล้วแบบที่ค่ายลูกเสือเป็น โดยภาคนี้จะอ้างอิงภูมิภาคจากประเทศสเปนและโปรตุเกสมาเป็นต้นแบบ ซึ่งหลายคนคิดว่าในตัวอย่างตัวต่อไปเราอาจจะเห็นหัวหน้าประจำฐานก็ได้
ปริศนาทิ้งท้ายในตัวอย่าง
ปิดท้ายกับปริศนาที่อยู่ในช่วงท้ายตัวอย่างที่เราจะได้เห็นมิติปริศนา ที่เรายังไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน พร้อมกับลูก ‘Monster Ball’ แดงขาวที่ถูกส่งลอยผ่านไป ที่อาจจะเป็นการสื่อถึงเนื้อหาหลักของภาคนี้ ที่อาจจะมี ‘Pokemon’ ถูกส่งผ่านมิติเวลาจากอดีตหรืออนาคตมาในยุคนี้ หรือที่หลายคนคาดเดาคือคนจากยุคอดีตกับคนในยุคอนาคต จะมาเป็นตัวร้ายในภาคนี้ก็เป็นได้ โดยทั้งสองกลุ่มต่างก็มีเป้าหมายบางอย่างในยุคนี้ ซึ่งเราต้องมาหาคำตอบที่อาจจะสื่อถึง ‘Pokemon’ ในตำนานตัวที่ 3 ก็เป็นไปได้ (ทั้งหมดคือการคาดเดา) แต่ที่นี่แน่ ๆ เรื่องราวต้องเข้มข้นน่าสนใจอย่างแน่นอน
ก็จบกันไปแล้วกับการรวมข้อมูลน่าสนใจของ ‘Pokemon Scarlet and Violet’ ที่จะวางจำหน่ายวันที่ 18 พฤศจิกายน 2022 นี้แล้ว โดยเราก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ ให้คนที่กำลังลังเลว่าจะซื้อมาเล่นดีไหมได้ตัดสินใจง่ายขึ้น ส่วนใครที่เลิกเล่นเกมซีรีส์นี้ไปนาน เพราะเบื่อรูปแบบการเล่นแบบเดิม ๆ คราวนี้คุณจะได้พบสิ่งใหม่ ๆ ในเกมภาคนี้ ที่จะทำให้คุณสนุกมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนแฟนใหม่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะตามคนที่เคยเล่นภาคก่อน ๆ ไม่รู้เรื่อง เพราะภาคนี้ทุกคนจะเริ่มต้นเรียนรู้กันใหม่หมดไปพร้อม ๆ กัน รับรองว่าต้องสนุกน่าสนใจอย่างแน่นอน และถ้ามีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจอีกเราจะรีบเอามารายงานให้ทราบทันทียังไงก็ติดตามกันไว้ได้เลย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส