ชั่วโมงนี้เราคงไม่พูดถึงเกมยอดฮิตที่ทุกคนต้องพูดถึงอย่าง Pokemon Go ไปไม่ได้ ทำไมเกมนี้จึงโด่งดังและมีคนพูดถึงขนาดนี้ เรามาลองดูกัน
เมื่อประสบการณ์นานนับทศวรรษจาก 2 ฝั่งโลกมารวมกัน
ฝั่งตะวันออก จุดเริ่มต้นของโปเกมอน
จุดเริ่มต้นความสำเร็จของ Pokemon นั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ 20 ปีก่อน ในปี 1996 เมื่อเกมโปเกมอนชุดแรกคือ Pokemon Red และ Green ได้วางตลาดบนเครื่อง GameBoy และประสบความสำเร็จทันที สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 20 ล้านชุดทั่วโลก สร้างแฟรนไชส์เกมและสื่อที่แกร่งแข็งที่สุดในโลกซีรี่ส์หนึ่งขึ้นมาได้สำเร็จ ทำรายได้รวมจากทุกสื่อ (เกม, อนิเมชั่น, ภาพยนตร์ ฯลฯ) มากกว่า 46,200 ล้านเหรียญสหรัฐ
Satoshi Tajiri ผู้สร้างเริ่มได้ไอเดียเกมโปเกมอนตั้งแต่ช่วงปี 1990 โดยนำประสบการณ์วัยเด็กของเขาที่ชอบสะสมแมลง เอาแมลงมาแข่งกัน หรือแลกเปลี่ยนตัวแมลงกับเพื่อน มาสานต่อให้เด็กรุ่นปัจจุบันที่ไม่มีโอกาสได้เล่นกับแมลงมาเล่นในรูปแบบเกม ซึ่งก็ใช้เวลาพัฒนาแนวคิดและตัวเกมนานกว่า 6 ปี
เกมโปเกมอนได้สร้างรูปแบบการเล่นเกมแบบใหม่ให้ผู้เล่นเกมทั่วโลก ด้วยแนวคิดการเทรดตัวโปเกมอน ซึ่ง Shigeru Miyamoto ผู้สร้างมาริโอเป็นคนออกไอเดียให้สร้างเกม 2 เวอร์ชั่นที่มีตัวโปเกมอนต่างกัน ผู้เล่นจะได้เอามาเทรดกันได้ ทำให้เกิดเป็นสังคมนักเล่นเกมที่ได้เจอหน้าเจอตากันจริงๆ เพราะการเทรดในยุค GameBoy คือจะต้องต่อสายเชื่อมระหว่างเครื่อง ซึ่งก็ถือว่าความตั้งใจของ Tajiri ที่พาความสนุกของการสะสมแมลงสมัยเด็กมาให้เด็กๆ ในยุคใหม่นั้นประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
ปัจจุบัน Pokemon ได้เดินทางมาถึงเกมยุคที่ 7 (คือภาค Pokémon Sun and Moon ที่จะออกปลายปีนี้) และมีโปเกมอนให้ผู้เล่นได้สะสมถึง 721 ตัว (อันนี้นับถึงเกมยุคที่ 6) ก็ถือเป็นความผูกพันธ์กับผู้เล่นที่ยาวนาน จึงไม่แปลกใจเลยที่เกมในชื่อ Pokemon จะได้รับการต้อนรับอย่างดีจากผู้เล่นเสมอมา
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากเกม Pokemon ชุดแรก
Pokemon Red/Blue ของอเมริกานั้นออกหลังจากญี่ปุ่นนานถึง 2 ปีครึ่ง เพราะมีปัญหากับ Source code ของเกม ทำให้เกมเวอร์ชั่นอเมริกาและยุโรปนั้นพัฒนาอิงจาก Pokemon Blue ที่ออกภายหลังในญี่ปุ่นแทน นอกจากนี้ยังมีดราม่าเล็กๆ จากทีมแปลของอเมริกันที่มองว่าตัวโปเกมอนน่ารักๆ จะไม่ถูกใจผู้เล่นฝรั่งตาน้ำข้าวเอานะยู เราชอบตัวการ์ตูนโหดๆ มากกว่า (หันไปดูปกเกม Rockman กับ Megaman ได้) แต่ Hiroshi Yamauchi ประธานนินเทนโดในขณะนั้นไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะเปลี่ยนรูปตัวโปเกมอนใหม่ เราจึงไม่ได้เห็น Pokemon โหดแบบ Megaman (ก็โชคดีไป)
ฝั่งตะวันตก การเดินทางคาบเกี่ยวมิติของ John Hanke
John Hanke เป็นซีอีโอของ Niantic บริษัทผู้พัฒนาเกม Pokemon Go แต่การเดินทางของเขาเพื่อสั่งสมประสบการณ์นั้นไม่ธรรมดาเลย
Pokémon Go isn't about catching 'em all — it's about catching them together https://t.co/lTv9wEdLgD via @Polygon
— John Hanke (@johnhanke) June 28, 2016
ในช่วงปี 2001 Hanke ได้ตั้งบริษัท Keyhole ขึ้นมาเพื่อให้บริการซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับแผนที่โลก ซึ่งต่อมาในปี 2004 Google ได้เข้าซื้อ Keyhole และนำเทคโนโลยีมาพัฒนาเป็น Google Earth และ Google Maps ที่เราทุกคนรู้จักกันดี
ในช่วงปี 2004 ถึง 2010 Hanke ทำงานร่วมกับ Google ในตำแหน่ง Vice President of Product Management for Google’s “Geo” division หรือรองประธานที่ดูแลส่วนงานแผนที่โลก ตำแหน่งสถานที่ของ Google ซึ่งดูแล Google Earth, Google Maps, Google Local, Google StreetView, SketchUp และ Panoramio
วันที่ John Hanke เริ่มข้ามมิติคือวันที่เขาเริ่มสร้างบริษัท Niantic
วันที่ John Hanke เริ่มข้ามมิติคือวันที่เขาเริ่มสร้าง Niantic บริษัทลูกของกูเกิ้ลที่เน้นพัฒนาซอฟต์แวร์และเกมที่เกี่ยวข้องกับ Augmented Reality และตำแหน่งบนพื้นโลก ซึ่งต่อมาในปี 2012 Niantic ได้เปิดตัว Ingress เกมที่ Hanke บอกว่าทำขึ้นมาทดสอบแนวคิดการผสมโลกของเกมเข้าไปซ้อนทับโลกจริง ให้ผู้เล่นได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ บนโลกและข้ามมิติผ่านสมาร์ทโฟนเพื่อยึดพื้นที่ ปกป้องพวกของตัวเอง ซึ่ง Ingress นั้นมีความสำคัญกับ Pokemon Go มาก เพราะฐานข้อมูลสถานที่สำคัญ หรือตำแหน่งของยิมต่างๆ ที่ปรากฏบนพื้นโลก ก็ได้มาจากข้อมูลที่เก็บเกี่ยวมานานนับปีจาก Ingress นี่เอง
และต้นกำเนิดของ Pokemon Go คือในปี 2014 เมื่อ Google และ Nintendo ร่วมมือกันสร้างมุกวัน April Fool’s ขึ้นมาบน Google maps ให้ผู้เล่นได้จับโปเกมอนบนแผนที่โลกจริงๆ Hanke จึงมองเห็นโอกาสว่าเขาสามารถนำแนวคิดการจับโปเกมอนมาผสมกับโลกอีกมิติอย่างใน Ingress เพื่อให้ผู้เล่นได้จับโปเกมอนในโลกจริงผ่านสมาร์ทโฟนได้
ในปี 2015 Niantic แยกตัวออกจาก Google และเริ่มประกาศโปรเจก Pokemon Go และพัฒนาจนสำเร็จเริ่มเล่นได้ในช่วงกลางปี 2016 นี่เอง
Pokemon Go เกมของมวลชน
จากความสำเร็จของ Nintendo ที่ปูประวัติศาสตร์ให้โปเกมอนมายาวนานกว่า 20 ปี จนทำให้คนทั้งโลกรู้จักเจ้ามอนสเตอร์ตัวน้อย มีผู้คนจำนวนมากที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับเกมโปเกมอน และมีความฝันลึกๆ มาตลอดว่าอยากเป็น Pokemon Trainer ออกผจญภัยในโลกจริง บวกกับประสบการณ์การทำเกมของ Niantic ที่ลงทุนลงแรงเก็บข้อมูลผ่านเกม Ingress สุดกีก จนทำให้ Pokemon Go มีข้อมูลพร้อมเปิดให้เล่นทั่วโลกได้ทันที เมื่อรวมรากฐานที่แน่นปึ้ก 2 อย่างนี้จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ Pokemon Go กลายเป็นกระแสให้คนทั่วโลกได้สนใจ
เมื่อ Pokemon Go เป็นเกมระดับแมสที่เชื่อมผู้คนในโลกความจริงกับโลกของเกมให้แนบชิดกันยิ่งกว่าเกมไหนๆ ที่เคยทำให้คนระดับมวลชนได้ (คือที่เหนือกว่านี้มันก็มีแหละครับ แต่ส่วนใหญ่มักจำกัดวงอยู่แค่ในเกม Hardcore gamer) จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์พิเศษที่น่าสนใจ เช่น
- กระแสตอบรับในทางบวกจากแพทย์ ที่เห็นว่าเกมนี้จะช่วยให้คนขยับออกกำลังกายมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงฟักไข่โปเกมอนที่ต้องเดินให้ได้ระยะทางที่กำหนด
- ธุรกิจห้างร้านที่ตื่นตัว หาทางทำเงินจากกระแส Pokemon Go อย่างการโปรโมทว่ามียิม หรือมีโปเกมอนอยู่ในบริเวณ เพื่อกระตุ้นให้คนเข้าร้านและใช้บริการ หรือบางร้านก็มาอย่างเหนือ ให้โชว์โปเกมอนเลเวลสูงเพื่อรับขนมฟรีก็มี
- บริการใหม่ๆ เกิดขึ้น อย่างบริการขับรถพาไปจับโปเกมอน
- นักการเมืองก็เริ่มสนใจ Pokemon Go ในฐานะเกมที่ทำให้ใกล้ชิดคนมากขึ้น
- สร้างสถิติเกมมือถือที่มีคนเล่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์
- หุ้น Nintendo พุ่งทะยาน
ในมุมมองของคนเล่นเกมโปเกมอนมาตลอด Pokemon Go อาจยังไม่สมบูรณ์ ทั้งตัวโปเกมอนยังมาไม่ครบ 700 กว่าตัว ขาดลูกเล่นเกมหลายอย่างที่มีอยู่ในเกมดั่งเดิม แต่ Pokemon Go ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาที่เชื่อว่าเกมจะสามารถขยายขอบเขตและลูกเล่นเกมไปได้อีกหลายปี เหมือนอย่างที่เกมออนไลน์หลายเกมเคยทำได้ มีผู้เล่นต่อเนื่องกันเป็นปีๆ