The Legend of Zelda เป็นเกมเรือธงของ Nintendo ที่เดินทางมาอย่างยาวนานนับทศวรรษ และได้ครบรอบ 30 ปี ในปี 2016 นี้ ลองมาดูกันว่าเกมนี้ได้วิวัฒนาการมาไกลขนาดไหน
“The Legend of Zelda” (1986)
เกม The Legend of Zelda เกมแรกถูกสร้างขึ้นในปี 1986 สำหรับเครื่อง Nintendo Entertainment System โดย Shigeru Miyamoto ผู้สร้างได้แรงบันดาลใจมาจากการเดินสำรวจเขตป้าบริเวณบ้านเกิดของเขา เกมนี้จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้เล่นมีอิสระที่จะเดินทางไปที่ไหน ตอนไหน และเมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ โดยมีมุมมองจากด้านบน
ผู้เล่นต้องรับบท Link ผู้ที่ต้องออกเดินทางเพื่อครอบครอง Dungeon ทั้ง 9 แห่ง ที่เต็มไปด้วยปริศนาและศัตรูมากมาย เพื่อครอบครอง Triforce และสู้กับปิศาจ Ganon และช่วยเจ้าหญิง Zelda ให้จงได้
นับเป็นครั้งแรกที่เกมคอนโซลถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นมีอิสระในการเดินทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของกม
“Zelda II: The Adventure of Link” (1987)
ไม่ถึง 1 ปีต่อมา Zelda II: The Adventure of Link เกมภาคต่อจาก The Legend of Zelda ก็ออกวางจำหน่าย ซึ่งเกมถูกเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างมากมาย มีการเปลี่ยนมุมมองเป็นด้านข้าง เน้นไปที่แอ็คชั่นมากกว่าการแก้ปริศนา โดยคราวนี้ Link จะต้องปลุกเจ้าหญิง Zelda จากการหลับไหลไปชั่วนิรันดร์
ด้วยความยากระดับพระกาฬ ทำให้ Zelda II ถูกพิจารณาโดยแฟนเกมบางกลุ่มให้กลายเป็น “แกะดำ” ที่สุดของซีรีส์
“The Legend of Zelda: A Link to the Past” (1991)
หลังจากหายไป 4 ปี เกมนี้ก็ได้กระโดดมาบนระบบเครื่อง Super Nintendo Entertainment System และกลับมาใช้มุมด้านบนและการแก้ปริศนาอีกครั้ง แต่ภาพได้รับการอัปเกรดให้สวยขึ้น เนื้อเรื่องลึกขึ้น และโลกที่กว้างขึ้นกว่าเดิม
A Link to the Past มีองค์ประกอบอันยอดเยี่ยมที่ถูกเกมอื่นๆนำไปใช้ในเวลาต่อมา รวมถึงการเปิดตัวอาวุธประจำตัวของ Link อย่าง Master Sword ด้วย
“The Legend of Zelda: Ocarina of Time” (1998)
นับเป็นเวลานานถึง 7 ปี กว่าเกมนี้จะได้กลับมายังเครื่องคอนโซลอีกครั้ง โดย The Legend of Zelda: Ocarina of Time ได้รับการออกแบบเป็น 3D สำหรับเึครื่อง Nintendo 64
รูปแบบของ The Legend of Zelda: Ocarina of Time มีความก้าวล้ำและยังถูกใช้อยู่ในเกมปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็น “การล็อคเป้าหมาย” ซึ่งถูกนำมาใช้ต่อมาในเกม Tomb Raider และ “การโจมตีด้วยดาบและโล่” ซึ่งถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน รวมถึงเกม Dark Souls ด้วย
นอกเหนือจากการปฏิวัติรูปแบบเกมแล้ว ระบบการเล่นก็ยังคงความสนุกมาจนถึงทุกวันนี้ อีกทั้งเนื้อเรื่องยังมีความซับซ้อน ให้ตัวละครต้องเดินไปมาระหว่างอดีตและปัจจุบัน
ถือได้ว่า The Legend of Zelda: Ocarina of Time เป็นหนึ่งในวิดีโอเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา
“The Legend of Zelda: Majora’s Mask” (2000)
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูง The Legend of Zelda: Majora’s Mask ก็ทำในสิ่งที่แปลกแยก และแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
เนื้อเรื่องเปลี่ยนจากการช่วยเจ้าหญิง Zelda เป็นการพา Link ไปยังมิติอื่น ซึ่งหน้ากากปิศาจต้องการจะทำลายโลกโดยการทำให้ดวงจันท์พุ่งชนโลก ทำให้ Link ต้องสวมใส่หน้ากากวิเศษที่ทำให้เขาเปลี่ยนรูปร่างไปต่างๆนานาเพื่อกอบกู้โลกให้ได้
สิ่งที่ยิ่งประหลาดมากกว่านั้นก็คือ Link มีเวลา 72 ชั่วโมงในการช่วยโลก ซึ่งเมื่อครบกำหนด เกมจะกลับมายังจุดเริ่มต้นอีกครั้งและต้องดำเนินการช่วยโลกใหม่
นับว่าเป็นเกมสุดประหลาดสำหรับแฟนเกม Zelda โดยเฉพาะจริงๆ
“The Legend of Zelda: The Wind Waker” (2002)
The Legend of Zelda: The Wind Waker ถูกย้ายมาบนเครื่อง GameCube โดยได้รับการออกแบบเป็นการ์ตูนซึ่งทำให้แฟนเกมบางส่วนไม่พอใจเพราะต้องการความสมจริงมากกว่า
ส่วนเนื้อเรื่องนั้นเป็นไปตามธรรมเนียมนิยมของ Zelda ที่จะพาผู้เล่นเดินทางออกทะเลเพื่อช่วยโลกที่จมน้ำมานับศตวรรษ
“The Legend of Zelda: Twilight Princess” (2006)
สำหรับแฟนเกมที่ต้องการความสมจริงคงจะพอในกับ The Legend of Zelda: Twilight Princess ที่เปิดตัวบนเครื่อง GameCube และ Wii
เกมนี้ทำได้ดีตามมาตรฐานของซีรีส์ Zelda และเป็นเกมที่มีพัฒนาการน้อยที่สุดในซีรีส์ด้วย
“The Legend of Zelda: Skyward Sword” (2011)
The Legend of Zelda: Skyward Sword เป็นเกมพิเศษสำหรับเครื่อง Wii โดยเฉพาะ เนื่องจากต้องใช้ Motion Control และ Wii MotionPlus ประกอบการเล่น
นี่คือหนึ่งในเกม Zelda ที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุด เนื่องการใช้ Motion Control นั้นไม่ราบรื่นสำหรับผู้เล่นบางกลุ่ม อีกทั้งยังขาดความเป็นอิสระในการเล่นลงไป แต่ตอนจบของเกมก็ยังนับว่าเหมาะสำหรับแฟนๆ Zelda เป็นอย่างยิ่ง
“The Legend of Zelda: Breath of the Wild” (2017)
The Legend of Zelda: Breath of the Wild จะเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่อีกเกมหนึ่งในซีรีส์นี้ และมันจะยิ่งใหญ่เช่นนั้นจริงๆ
เกมได้รับการยกเครื่องใหม่แทบทั้งหมด โดยวางเนื่องเรื่องให้ Link ต้องผจญภัยในโลกที่เป็น Open World อันกว้างใหญ่และสามารถเดินทางไปที่ไหน ตอนไหนก็ได้ตั้งแต่เริ่มต้นเกม
ผู้เล่นจะต้องเก็บสะสมอาวุธใหม่มาแทนอาวุธเดิมที่เสียหาย เก็บอุปกรณ์ต่างๆจากสถานที่และสถานการณ์ที่ต่างกัน และทำอาหารเพื่อฟื้นพลังชีวิต
นี่มันเกม Zelda แนว Survival ชัดๆ
นับว่าเกมนี้มีกลิ่นอายคล้ายกับ The Legend of Zelda ภาคแรก และเติมเต็มส่วนที่ขาดหายในการให้อิสระแกผู้เล่นซึ่งทาง Nintendo พยายามพัฒนามานานกว่า 30 ปี
ที่มา : techinsider