เมื่อพูดถึงโลกในจินตนาการของเด็ก ๆ เรามักจะคิดถึงโลกที่แสนสดใสเต็มไปด้วยความน่ารัก ไม่ก็ความสนุกเหมือนเรากำลังวิ่งเล่นในสวนสนุกแห่งความฝัน ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ผู้ใหญ่หลายคนมักจะคิดและตีค่าความฝันของเด็กว่าเป็นแบบนั้นทุกคน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วความฝันในโลกแห่งจินตนาการของเด็ก ๆ นั้นก็โหดร้ายไม่ต่างกับของผู้ใหญ่ จนเราในบางครั้งอาจจะลืมหรือคิดภาพไม่ออก เมื่อเป็นอย่างนั้นเหล่านักพัฒนาเกมจึงทำโลกแห่งความฝันอันโหดร้ายของเด็ก ๆ มาให้ผู้ใหญ่อย่างเราได้เห็น ว่าโลกในจินตนาการของเด็กบางทีก็โหดร้ายกว่าของผู้ใหญ่เสียอีก และถ้าคุณอยากรู้ว่าโลกของเด็กมันโหดร้ายขนาดไหนก็ลองมาดูเกมเหล่านี้ ที่สะท้อนมุมมองความคิดและจิตใจของเด็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี จะมีเกมอะไรบ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลย
โลกของผู้ใหญ่ช่างน่ากลัวที่พร้อมจะกัดกินเด็ก ๆ Little Nightmares
เริ่มต้นเกมแรกกับการตีความในมุมมองของเด็ก ที่มีต่อโลกของผู้ใหญ่ที่แสนโหดร้ายในมุมมองของเด็ก ๆ อย่างเกม ‘Little Nightmares’ เกมแนวแอ็กชันสยองขวัญที่เราจะได้รับบทเป็นเด็กน้อยในชุดกันฝนสีเหลืองในภาคแรก และเด็กชายที่สวมถุงกระดาษในภาค 2 ที่เรื่องราวจะเปิดมาแบบงง ๆ ว่าจู่ ๆ เด็กเหล่านี้ก็มาตื่นในสถานที่หนึ่งแล้วต้องพยายามเอาชีวิตรอดจากเหล่าปีศาจที่ที่แสนน่าเกลียดน่ากลัว ที่ถ้าดูภายนอกตัวเกมก็เหมือนเกมผีทั่วไป แต่ถ้าเรามองให้ลึกลงไปและตีความจากเหล่าปีศาจ ที่มีทั้งพวกที่หิวโหยกินจนอ้วนแต่ก็ยังไม่พอ พ่อครัวที่จับทุกอย่างมาทำอาหาร ปีศาจที่แพ้เงาในกระจกตัวเอง หรือจะเป็นคุณครูที่พยายามบังคับนักเรียนให้เรียน ใครที่โดดเรียนจะโดนครูยืดหัวไล่ตาม (รูปประกอบด้านล่าง) ที่แม้ตัวเกมจะไม่เฉลยเราว่าโลกที่เด็ก ๆ อยู่นั้นคือที่ไหน แต่จากการตีความของแฟน ๆ เกมนี้ก็พอจะเดาได้ว่ามันคือโลกของผู้ใหญ่ที่พยายามยัดเยียดให้เด็ก ๆ จนมันกลายเป็นความกดดันการบังคับให้เด็ก ๆ เป็นในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ขณะที่เด็กน้อยที่ถูกบังคับพอโตไปเขาก็อาจจะเป็นแบบปีศาจเหล่านี้ นั่นคือสิ่งที่เกมนี้บอก ซึ่งถ้าคุณกลัวผีและชอบเกมแอ็กชันสนุก ๆ เกมนี้ครบทุกอย่างที่คุณต้องการ เล่นจบคุณลองถามตัวเองดูว่าคุณเป็นแบบปีศาจเหล่านี้ในสายตาของเด็ก ๆ ไหม
การค้นหาความจริงในความทรงจำ Resident Evil Village Shadows of Rose
ว่ากันว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์ไม่ใช่ผีหรือผู้คนที่จะมาทำร้ายเรา แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความไม่รู้ของมนุษย์ ที่พยายามหาหนทางเพื่อให้รู้ในสิ่งที่ตัวเองสงสัย เหมือนอย่างที่ โรสแมรี่ วินเทอร์ส (Rosemary Winters) ตัวเอกจาก ‘DLC’ ตัวล่าสุดจาก ‘Resident Evil Village Shadows of Rose’ ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของโรสตัวเอกจากภาคก่อนที่ตอนนี้โตเป็นสาวแล้ว และพยายามอยากรู้ที่มาที่ไปของตนเองในอดีตว่ามีความเป็นมาอย่างไร เพราะทุกคนใกล้ตัวต่างก็คงไม่บอกว่าตัวของโรสในเกมภาคก่อนเจอกับอะไรมาบ้าง แต่คนที่เล่นเกมมาแล้วจะรู้ว่าตัวของโรสนั้นถูกแยกชิ้นส่วนแล้วเอามาประกอบรวมกันใหม่ แต่ด้วยการช่วยเหลือจากผู้เป็นพ่อที่ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อลูกสาว จนโรสที่รอดชีวิตมาได้ก็มาพร้อมกับพลังบางอย่างที่เธอไม่อยากมี โรสจึงพยายามค้นหาคำตอบด้วยตัวเองพร้อมกับหาทางกำจัดพลังนี้ทิ้ง การจมลึกเข้าไปในจิตใจตนเองผ่านไวรัสที่เธอมีติดตัวตั้งแต่เกิดจึงเริ่มขึ้น ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรเพราะตัวเกมยังไม่ปล่อยให้เราได้เล่น แต่สิ่งที่เรารู้ก็คือโลกที่เด็กน้อยได้ไปนั้นมันคือความทรงจำส่วนลึกของจิตใจที่โรสสร้างขึ้นมานั่งเอง เรามาช่วยลุ้นกันว่าโรสจะทราบความจริงอันโหดร้ายครั้งนี้ได้ไหมแล้วเธอจะรับมืออย่างไร 28 ตุลาคมเรามารอลุ้นไปด้วยกัน
ความฝังใจของเด็กน้อยที่พยายามหนีจากโลกความจริง Among the Sleep
เรามักจะคิดและบ่นกับตัวเองว่าอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เพราะสมัยเด็กเราไม่ต้องมาทำงานหรือคิดเรื่องต่าง ๆ วัน ๆ เอาแต่เที่ยวเล่นมีความสุขต่างกับผู้ใหญ่ ซึ่งหลายคนอาจจะลืมหรือคิดไม่ถึงว่าตัวของเด็ก ๆ นั้นก็มีความทุกข์ความกลัวไม่ต่างกับผู้ใหญ่ และด้วยความที่ตัวเองยังเป็นเด็กที่ไม่รู้ความจึงตีความสิ่งที่เห็นให้เป็นในแบบที่ตัวเองเข้าใจ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เกม ‘Among the Sleep’ บอกกับเรา โดยเกมนี้เราจะได้รับบทเป็นทารกน้อยชื่อ เดวิด (David) ซึ่งตื่นขึ้นมาบนที่นอนเพราะถูกพี่หมีชื่อ เท็ดดี้ (Teddy) มาขอความช่วยเหลือให้ช่วยเพื่อน ๆ ที่ถูกจับไป ตัวเกมจะเป็นมุมมองบุคคลที่ 1 เราจะเห็นเพียงมือกับฉากขนาดใหญ่เพราะเรายังเป็นทารกที่ยังเดินไม่ถนัด (คลานเป็นหลัก) เพื่อทำภารกิจช่วยเพื่อน ๆ หมีโดยมีปีศาจรูปร่างผู้หญิงน่ากลัวที่ส่งเสียงแหลม ๆ ไล่ล่าเราในเกม ซึ่งความอบอุ่นและฟื้นฟูจิตใจของเราก็คือการกอดพี่หมีที่พ่อให้เป็นของขวัญวันเกิด ซึ่งเป็นเพียงความอบอุ่นทางจิตใจสิ่งเดียวที่เด็กน้อยมี และถ้าเราได้เริ่มเล่นเกมนี้ไปเรื่อย ๆ เราจะทราบดีว่าสิ่งที่เดวิดเจอมาทั้งหมดนั้นมันคือจินตนาการการตีความของเด็กน้อย ที่แม่ต้องเลิกรากับพ่อทำให้แม่กลายเป็นคนขี้โมโหโวยวายใส่จนเด็กน้อยตีความแม่เป็นปีศาจ และโลกรอบตัวที่มืดมิดหนาวเย็นก็มาจากความรู้ขาดความอบอุ่นของเด็กน้อยที่ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ส่วนพี่หมีที่เป็นเพื่อนก็คือความอบอุ่นและความรักจากพ่อที่เด็กน้อยต้องการมากกว่าจากผู้เป็นแม่ เรียกว่าเป็นเกมสยองขวัญที่ทำให้เราสงสารเดวิดที่ต้องมาเจอในสิ่งที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ที่รู้ ๆ คือมันน่ากลัวและอยากหนีไปจากที่แห่งนี้นั่นคือสิ่งที่เกมบอกกับเรา
นรกของเด็ก ๆ Limbo
อีกหนึ่งเกมที่ใช้การตีความเอาเองเหมือนอย่างเกม ‘Little Nightmares’ กับเกม ‘Limbo’ เกมแอ็กชันผ่านด่านไปเรื่อย ๆ ที่เราจะได้รับบทเป็นเด็กชายไร้นามที่จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาในโลกที่ตัวเองไม่รู้จัก ก่อนจะเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ซึ่งมีทั้งเหล่าเด็ก ๆ คนอื่นที่พยายามทำร้ายเราและสัตว์ประหลาดที่กินเด็ก ๆ ที่แฟน ๆ ต่างพยายามตีความของเกมนี้ที่เริ่มจากชื่ออย่าง ‘Limbo’ ที่แปลว่าขอบนรก กับโลกในเกมที่มีแต่เด็ก ๆ ที่พยายามฆ่าเราและฆ่ากันเอง (มีศพเด็กคนอื่นตามฉาก) จนเมื่อมาถึงปลายทางของเกมเราก็ได้พบเด็กสาวที่ยืนรอเราอยู่ ที่หลายคนต่างคาดเดากันว่า สถานที่แห่งนี้คือนรกของเด็กที่ตายแล้วจะมาอยู่ที่นี่ก่อนจะถูกส่งไปยังภพภูมิอื่น ซึ่งสิ่งที่เด็กชายคนนี้ต้องการคือการตามหาเด็กผู้หญิงที่ทั้งคู่อาจจะตายมาพร้อมกัน จนสุดท้ายทั้งคู่ก็ตามหากันจนเจอ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าการตีความนี้จะถูกไหมเพราะทางนักพัฒนาเกมนี้ไม่บอกอะไรมาเลย ซึ่งถ้าใช่นี่ก็คือนรกในความคิดของเด็ก ๆ ที่ต้องเจอ ซึ่งผู้ใหญ่อย่างเราที่เคยเป็นเด็กอาจจะหลงลืมหรือไม่เข้าใจก็ได้
หนีจากโลกความจริงไปอยู่ในความฝันที่โหดร้ายไม่ต่างจากเดิม Alice Madness Returns
ถ้าโลกแห่งความเป็นจริงมันช่างโหดร้ายเราก็หนีไปโลกแห่งความฝันก็สิ้นเรื่อง จะได้ไม่ต้องมาทุกข์กับสิ่งที่ต้องเจอ แต่เมื่อหนีมาโลกแห่งความฝันแล้วมันกลับเจอเรื่องแย่ ๆ ไม่ต่างอะไรกับโลกแห่งความจริง ที่เมื่อเราสู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับงั้นก็เอาให้ตายไปข้างหนึ่งไปเลย นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในเกม ‘Alice Madness Returns’ เกมที่เราจะได้รับบทเป็นสาวน้อย อลิซ (Alice) ที่คล้าย ๆ ในนิทานอลิซในแดนมหัศจรรย์ แต่ในเกมนี้ดินแดนมหัศจรรย์ที่อลิซไปนั้นไม่ได้สวยงามและดูน่าสนใจเหมือนในนิทาน แต่มันคือความโหดเลือดสาดฆ่าฟันที่เหมือนเป็นการสะท้อนจิตใจส่วนลึกของอลิซ ที่ชีวิตจริงของเธอนั้นต้องมาเห็นพ่อแม่เสียชีวิตส่วนตัวเองก็ถูกจับมาโรงพยาบาลบ้าทั้งที่ตัวเองปกติ เมื่อจิตใจมาถึงจุดดิ่งต่ำสุดอลิซก็ต้องหาทางออกให้ตัวเอง ด้วยการจมดิ่งสู่โลกแห่งจินตนาการที่ในโลกนี้ก็ไม่ต่างกับโลกแห่งความจริง แต่ในโลกนี้อลิซเราสามารถสู้กลับเพื่อเอาชนะความกลัวความบอบช้ำได้ จนเธอสามารถก้าวข้ามความกลัวในใจได้ในที่สุด ซึ่งน้อยคนจะสามารถลุกขึ้นสู้กับสิ่งเหล่านี้และเอาชนะได้ ส่วนมากจะยอมแพ้และจมดิ่งสิ้นหวัง แต่เด็กน้อยคนนี้กลับถือมีดและสู้กลับจนชนะ ใครชอบเกมแอ็กชันลุยแหลกในโลกนิทานบอกเลยว่าเกมนี้สนุกบิดเบี้ยวสมใจสายโหดแน่นอน
โลกที่สร้างจากจิตใจอันบอบช้ำของเด็กสาว Silent Hill
ถ้าคุณได้รับบทเป็นพระเจ้าที่สามารถสร้างโลกของตัวเองขึ้นมาได้คุณจะสร้างโลกขึ้นมาแบบไหน นั่นคือคำถามที่หลายคนคงจะคิดถึงโลกของตัวเองออกมามากมาย แต่ถ้าคุณเป็นเด็กผู้หญิงที่เกิดมาไม่มีพ่อถูกเพื่อน ๆ รุมแกล้ง และสุดท้ายคุณก็ถูกแม่ตัวเองจับไปเผาเกือบตายจนตัวเองต้องนอนในโรงพยาบาลพร้อมแผลไฟไหม้ระดับสูงสุด ที่ต้องเจ็บปวดทรมานตลอดเวลา โลกที่คุณสร้างคงจะไม่ได้สวยงามอย่างแน่นอน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในเกม ‘Silent Hill’ ที่ในมุมมองของเกมนั้นเราจะได้รับบทเป็นคุณพ่อที่ตามหาลูกสาวในเมืองห่าผี แต่ในมุมมองอีกด้านของเกมนั้น เราจะทราบว่าเมืองห่าผีที่เราได้วิ่งเล่นนั้นความจริงแล้วถูกสร้างมาจากจิตใจอันบิดเบี้ยวบอมช้ำเจ็บปวดและทรมานของ อเลสซ่า กิลเลสพาย (Alessa Gillespie) ที่ตัวจริงของเธอนั้นนอนเป็นผักอยู่ใต้เมือง ‘Silent Hill’ ซึ่งความเจ็บปวดนั้นได้ไปกระตุ้นให้เมืองรับรู้ความรู้สึกด้านลบ จนทำให้เธอได้รับพลังจากเมืองนี้ให้สร้างเมืองตามที่เธอต้องการขึ้นมา ซึ่งความจริงที่อเลสซ่าสร้างเมืองนี้ขึ้นมาไม่ใช่เพราะความโกรธแค้นเกลียดชังแบบที่เราคิดเพียงอย่างเดียว แต่เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากความหวาดกลัวที่เด็กน้อยมีต่อแม่ของเธอ ที่พยายามจะตามหาตัวเธอในการปลุกพระเจ้าอเลสซ่าเลยสร้างเมืองห่าผีขึ้นมา ซึ่งเราที่เป็นผู้เล่นก็เป็นเพียงหมากที่ถูกผู้เป็นแม่หลอกใช้ให้เข้าถึงตัวลูกสาวที่น่าสงสาร ใครที่เคยเล่น ‘Silent Hill Origins’ กับภาคแรกมาแล้วน่าจะทราบดีว่าอเลสซ่านั้นน่าสงสารขนาดไหนในเกม
นี่หรือคือสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำกับเด็ก ๆ Detention
จากทั้งหมดที่กล่าวมาเมื่อพูดถึงโลกแห่งความฝันหรือสิ่งที่เด็ก ๆ ต้องเจอ เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เกม ‘Detention’ มี เพราะเกมนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากพื้นฐานของความจริงในประวัติศาสตร์ของประเทศไต้หวันในช่วงยุค 1960 กับช่วงเวลาที่ถูกเรียกว่า ‘White Terror’ หรือ “ความหวาดกลัวสีขาว” กับการปราบปรามทางการเมืองต่อพลเรือนที่อาศัยอยู่บนเกาะ และพื้นที่โดยรอบภายใต้การควบคุมของรัฐบาลในยุคนั้น ที่ทำมีผู้คนเสียชีวิตเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะเหล่านักศึกษาที่มาประท้วง กับการเดินทางย้อนเรื่องราวในตอนนั้นของตัวละครสาวน้อยในเกม ที่เธอต้องเจอเรื่องราวน่ากลัวของวิญญาณคนตายในเหตุการณ์ตอนนั้น พร้อมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสายตาของผู้ใหญ่ที่เรียกว่ารัฐบาลที่ทำกับประชาชนและเด็ก ๆ ผ่านตัวเกม ในรูปแบบความฝันในโลกอันโหดร้ายที่ตัวเกมสะท้อนออกมาในรูปแบบของผีวิญญาณต่าง ๆ ที่น่ากลัวและสะเทือนใจ ที่บอกให้เรารู้ว่าคนแก่ ๆ บางพวกก็ไม่เคยคิดที่จะลงจากอำนาจ และให้เด็ก ๆ ที่รู้จักโลกที่เปลี่ยนไปมากกว่ามาดูแล โดยที่คิดว่าเด็ก ๆ เหล่านั้นไม่รู้ความเท่าตนที่เกิดมานานกว่าเห็นโลกมากกว่า แต่ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ทันโลกแต่ยังคงยึดติดกับอดีต จนสุดท้ายก็ไม่รับความคิดของเด็ก ๆ จนเกิดเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจครั้งนี้ (หมายถึงในเกม)
เปลี่ยนโลกแห่งความจริงเป็นโลกที่ฝันไว้แต่มันไม่เหมือนดั่งที่ฝัน Final Fantasy Tactics Advance
ปิดท้ายกับความฝันของโลกแห่งจินตนาการของเด็กน้อย ที่อยากหนีโลกแห่งความจริงแบบเดียวกับที่อเลสซ่าในเกม ‘Silent Hill’ ทำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมาเกม ‘Final Fantasy Tactics Advance’ ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น แต่ก็เป็นโลกที่รุนแรงซึ่งทุกคนต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดตามที่ มิวท์ แรนเดลล์ (Mewt Randell) เด็กชายนั่งรถเข็นที่บังเอิญได้รับสมุดปริศนาที่สามารถสร้างโลกแห่งจินตนาการได้ตามที่ฝัน เด็กชายจึงเปลี่ยนเมืองและชาวบ้านเป็นตัวละครต่าง ๆ ในโลกแฟนตาซี ซึ่งเราที่ยังรู้ความว่าอะไรเป็นอะไรจึงพยายามหยุดเรื่องนี้ โดยเบื้องหลังการสร้างโลกแห่งจินตนาการครั้งนี้ของมิวท์นั้น เขาต้องการเดินได้อีกครั้งในโลกอันกว้างใหญ่พร้อมกับเพื่อน ๆ และคิดถึงแม่ที่เสียไปแล้ว การสร้างโลกนี้จึงสะท้อนจิตใจของเด็กชาย ที่สุดท้ายแล้วโลกแห่งจินตนาการอันสวยงามก็แฝงไปด้วยความเจ็บปวด ที่สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องตื่นมาสู่ความจริงที่เด็กน้อยรับไม่ได้นั่นคือเนื้อหาของเกมนี้ ตัวเนื้อหาค่อนข้างน่าสนใจแถมเล่นสนุก แต่น่าเสียดายที่เป็นเกมเก่ามาก ๆ แล้วและเป็นแนววางแผนการรบ ใครชอบแนวแฟนตาซีที่สมกับชื่อ ‘Final Fantasy’ ของจริงไม่ควรพลาด
ก็จบกันไปแล้วกับการแนะนำเกมที่ให้เราในฐานะผู้ใหญ่ในโลกแห่งความเป็นจริง ได้ทราบว่าโลกในจินตนาการของเด็ก ๆ นั้นบางทีก็ไม่สวยงามแบบที่เราคิด และมันก็ดูโหดร้ายทารุณกว่าของผู้ใหญ่เสียอีก แต่ด้วยความเป็นเด็กที่ยังไม่รู้ความมากเท่าผู้ใหญ่ เลยทำให้พวกเขาหรือเธอเหล่านั้นตีความโลกของตัวเองให้เป็นในแบบที่ตัวเองเข้าใจ ที่ต่างกับโลกของผู้ใหญ่ที่จะพร้อมรับกับความจริงมากกว่าเด็ก ๆ ที่เมื่อเด็ก ๆ เหล่านี้เติบโตขึ้นไปเขาก็คงจะรู้เองว่าโลกแห่งจินตนาการที่สร้างขึ้นมานั้นมันไม่ได้โหดร้ายอย่างที่คิด แค่มันค่อนข้างยากในการเอาชนะและอยู่กับมันเท่านั้น ซึ่งเด็กเหล่านั้นจะเติบโตมาแล้วเข้มแข็งเป็นคนใหม่ที่มีมุมมองที่ดี หรือกลายเป็นปีศาจแบบที่ตัวเองกลัวในสมัยเด็ก ตัวของเขาเองต้องเป็นคนเลือก ซึ่งเราในฐานะผู้ใหญ่ก็เป็นส่วนสำคัญในการชี้ทางเหล่านั้น ว่าจะสอนเด็กให้เป็นคนดีหรือเป็นปีศาจแบบที่เด็กกลัว ขอฝากผู้ปกครองที่ลูกหลานและได้อ่านบทความนี้ไปคิดกัน เพราะอนาคตของประเทศไม่ซิโลกนี้อยู่ในมือเด็ก ๆ เหล่านี้มากกว่าคนแก่ ๆ อย่างเรา
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส