[บทความพิเศษ] เปิดตำนาน ลุงหนวด “Super Mario” ตำนานแห่งวงการเกม (ตอนที่ 1)

แน่นอนว่าตัวละครจากเกมอันดับ 1 ในใจคอเกมตลอดกาล คงหนีไม่พ้น มาริโอ ลุงหนวดในตำนานผู้มีกำเนิดมาจากการเป็นตัวละครในเกมอื่น จนกระทั้งมีเกมเป็นของตัวเองจนกลายเป็นตัวละครจากเกมที่โด่งดังที่สุด และขายดีที่สุดตลอดกาล แม้ทุกวันนี้ผ่านมากกว่า 30 ปีชื่อเสียงของมาริโอก็ยังคงอยู่ในระดับซูเปอร์สตาร์ของวงการเกม มาลองย้อนมองดูอดีตดูว่าก่อนจะมาเป็น มาริโอ ในทุกวันนี้ได้ผ่านอะไรมาบ้างถึงได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของวงการเกมตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่แม้ตอนนี้ยังถูกพูดถึงและเป็นหนึ่งในตัวแทนญี่ปุ่นในพิธีปิดโอลิมปิกที่บราซิล

เริ่มต้นของตำนานจากการเป็นหนุ่มช่างประปาออกต่อสู้กับลิงยักษ์

จุดเริ่มต้นของตำนานไม่ได้สวยหรู เพราะในครั้งแรก ลุงหนวดช่างประปา “มาริโอ” ยังไม่มีชื่อด้วยซ้ำ โดยผู้สร้างเรียกมันว่า “Jump man” โดยผู้สร้างเกมที่ให้กำเนิดมาริโอก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคือเทพแห่งวงการเกม  “ชิเงรุ มิยาโมโตะ” ที่จุดกำเนิดของมาริโอมาจากการที่วัยเด็กของคุณมิยาโมโตะที่ชอบออกไปผจญภัยในแถมชนบทและการชื่นชอบปีนป่ายนี้กลายมาเป็นการผจญภัยครั้งแรกด้วยการปีนตึกไปปราบลิงยักษ์ในเกมตู้ ดองกี้คองในปี 1981

Super Mario Bros เกมที่ทำให้มาริโอกลายเป็นซูเปอร์สตาร์

และไม่รู้ว่ามุดไปมุดมาเลยทะลุมิติมาอยู่ในอาณาจักรเห็ด และต้องออกช่วยเจ้าหญิงพีชจากวายร้ายคุปป้า ในเกม “ Super Mario Bros.” หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันติดปากว่า “มาริโอ 1”  และในปี 1985 บนเครื่อง แฟมิคอมที่สร้างปรากฏการณ์ ไปทั่วโลกจนเป็นกระแสที่แม้แต่คนไม่เล่นเกมยังต้องรู้จักมาริโอ ถ้าจะถามว่ามันดังแค่ไหนเอาเป็นว่า มาริโอ สามารถดังจนเป็นข่าวในช่องฟรีทีวีในยุคนั้นได้ ซึ่งสมัยนั้นยากมากที่ เกม จะเป็นข่าวในแง่ดีได้

และไม่แปลกที่เกมมาริโอจะประสบความสำเร็จมากมาย เพราะรูปแบบการเล่นของเกมที่ปฏิวัติ เกมเพลย์ในยุคนั้นทั้งหมด ที่ในตอนนั้นเกมแอ็คชั่นจะเป็นรูปแบบง่ายไม่ซับซ้อนตัวเกมก็สั้นเล่นได้ไม่นานก็จบ แต่เกม ซูเปอร์มาริโอได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการเกม จากการมีด่านจำนวนมากมายให้เล่น มีศัตรูที่ออกแบบได้หลากหลายกว่า ไม่เพียงมาริโอจะโด่งดังในญี่ปุ่นและทวีปเอเชียเท่านั้น แต่มันยังโด่งดังข้ามทวีปไปยังอเมริกา และทั่วโลกในเวลาเพียงแค่ปีเดียว

โดยเฉพาะการกระโดดอันเป็นเอกลักษณ์ของ มาริโอในทุกๆภาค การควบคุมบังคับก็ทำได้ง่ายลื่นไหลไม่ซับซ้อน มีไอเทมสุดคลาสสิก ทั้งเห็ด, ดอกไม้ไฟ,เหรียญทอง,เห็ด 1 UP และสิ่งเหล่านี้ยังคงอยู่จนทุกวันนี้ เพลงประกอบในเกมกลายเป็นตำนานที่ทุกวันนี้ยังมีการเอามาทำเสียงใหม่ใส่ในเกมมาริโอภาคใหม่ๆตอด และท้ายที่สุดอะไรก็ไม่เท่ายอดขายที่ถล่มทลายกว่า 40 ล้านก๊อปปี้ ที่เคยขึ้นถึงอันดับ 1 เกมที่ขายดีที่สุดตลอดกาล ทำให้ มาริโอ กลายเป็นสัญลักษณ์ในทุกยุคทุกสมัย

สานต่อความสำเร็จกับ มาริโอ 2 ภาคที่ยากที่สุด

แน่นอนว่า นินเท็นโดไม่ปล่อยให้แฟนๆมาริโอรอนาน เพราะในปี 1986 เกมภาคต่อ “ Super Mario Bros. 2” มาพร้อมกับเกมที่มีความยากที่มากขึ้น และยังมีไอเทมอย่างเห็ดพิษที่กินแล้วตาย รวมทั้ง เกมที่ยาวมากขึ้นถึง 9 เวิลด์ และเมื่อจบแล้วยังมีด่านพิเศษต่ออีก แม้จะมีเสียงติว่าเกมแทบไม่ได้เปลี่ยนอะไรจาก มาริโอ 1 เลยกราฟิกก็ใช้ของเดิม แต่ความสนุกที่ท้าทายก็ทำให้เกมสานต่อความสำเร็จได้

Super Mario Bros.2 ฉบับอเมริกา

แต่สำหรับตลาดอเมริกา นินเท็นโดอาจมองว่าการมาแบบไม่ได้พัฒนาตัวเกม และเกมที่ยากเกินไปอาจไม่ถูกกับคอเกมตะวันตก ปู่นินจึงได้นำเกม เกม Dokidoki panic หรือที่คนไทยเรียกเล่นๆว่า “อาลาดิน”  เกม แอ็คชั่น 2 มิติแนวตะลุยด่านเหมือนมาริโอ มาปรับเปลี่ยนตัวละครจาก อาลาดิน มาเป็นมาริโอ เจ้าหญิงพีช , ลุยจิ และ โทด แล้วนำไปขายในชื่อ “Super Mario Bros.2 ”  โดยขายในอเมริกาในปี 1988 ส่วนเกมมาริโอ 2 ภาคต้นฉบับของญี่ปุ่นชาวอเมริกาได้เล่นในเกมรวมฮิต Super Mario Bros. All Star ในชื่อ “Super Mario Bros.” 2 The Lost Level ” ในปี 1993 บนซูเปอร์แฟมิคอม ส่วนชาวญี่ปุ่นได้เล่น มาริโอ 2 เวอร์ชั่น อาลาดิน ในชื่อ Super Mario Bros USA

สร้างตำนานมาริโอภาคที่สนุกที่สุด Super Mario Bros 3

แม้เกมซูเปอร์มาริโอ ภาคแรกจะสร้างปรากฏการณ์ และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการเกม รวมทั้งยอดขายที่นับเป็นเกมที่ขายดีที่สุดอันดับต้นๆ แต่สำหรับหลายคนเกม มาริโอ ภาคที่ดีที่สุดกลับไม่ใช่ภาคแรก แต่เป็น มาริโอ 3 ที่จะออกวางจำหน่ายในวันที่ 23 ตุลาคม 1988 ที่ในเวลานั้นนับเป็นภาคต่อของเกมที่มีคนรอคอยมากที่สุด

ถ้าใครเกิดทันคงจำได้ว่าเด็กๆสมัยนั้น เกม มาริโอ 3 เป็นที่ฮือฮามาก เพราะทั้งกราฟิกที่ในยุคนั้นถือว่าพัฒนาขึ้นมากมาย มีสีสันสดใส และดูดีขึ้นจากภาค 2 เป็นอย่างมาก ทั้งลูกเล่นไอเดีย ที่ใส่มาอย่างเต็มที่แบบไม่มีเก็บไว้ทำภาคต่อ จนเรียกได้ว่าในยุคนั้นเป็นเกมที่ ทำออกมาได้สมบูรณ์ ยอดเยี่ยมที่สุดในทุกๆด้านเลยก็ว่าได้ ทำให้แม้ราคาของตลับเกม มาริโอ 3 จะแพงถึงตลับละ 1,400-1,600 บาท แต่เด็กยุคนั้นก็ยอมอดค่าขนมมาเพื่อซื้อมัน เพราะถือว่าถูกมาเมื่อเทียบกับคุณภาพของเกม

แน่นอนว่ารูปแบบของเกมยังคงหนีไม่พ้นเกมแอ็คชั่น2 มิติ มุมมองด้านข้างและเดินจากซ้ายไปขวาแบบเดิมๆ แต่ที่ต่างจากสองภาคแรกอย่างเห็นได้ชัดคือตัวเกมแบ่งเป็นด่านที่ซับซ้อนมากขึ้น และแบ่งเป็น World ที่มี Area เหมือน Mario ภาคก่อนๆ แต่ได้เพิ่มส่วนของ Map ขึ้นมาและมีการเพิ่ม Area จากเดิม ทำให้ตัวเกมยาวกว่าเดิมมาก โดยแต่ละ World จะความแตกต่างกันโดยภาค 3 ถือเป็นการปฏิวัติเนื้อเรื่องโดยการเพิ่มลูกๆของคุปป้าทั้ง 7 ตัวใส่เป็น บอสของแต่ละด่านได้อย่างลงตัว

ส่วนไอเท็มของเกมที่จากเดิมมีแค่ เห็ด ดาว ดอกไม้ไฟ มาในภาคนี้เพิ่มมาและหลายอย่างและที่เป็นจุดเด่นภาคนี้คือเป็นเกมมาริโอ ภาคแรกที่บินได้โดยเก็บไอเท็ม รูปร่างเหมือนใบไม้ อันเป็นเอกลักษณ์และเชื่อหรือไม่ว่าเจ้าของสถิติไอเท็มในเกมมากที่สุดก็ยังคงเป็น มาริโอ 3

นอกจาก ใบไม้แล้วยังมีไอเท็มพิเศษอีกมากมายทั้งชุด Hammer Bros ช่วยให้ Mario คว้างค้อนโจมตีศัตรูได้ และยังมีชุดกบทำให้ว่ายน้ำได้เร็วแต่บนบกแทบต้องกระโดดไปช้าๆแทน รวมทั้งไอเท็มสุดพิเศษที่ช่วยให้เราผ่านด่านง่ายๆเช่นปีก P ไว้บินได้ตลอดเวลา หรือเมฆที่ทำให้เราผ่านด่านนั้นไปได้เลย และสุดยอดไอเท็มในตำนาน “ขลุ่ย” ที่ทำให้เราวารป์ไป World อื่นได้เลย รวมทั้งเรายังสามารถจัดเก็บไอเท็มสำรองเอาไว้ใช้ได้ในกระเป๋าตามใจซึ่งเป็นระบบที่ทันสมัยมากในยุคนั้น และทุกวันนี้ยังคงเป็น มาริโอ 2 มิติที่มีระบบดีที่สุดและเมื่อทุกอย่างมารวมกันแม้เวลาจะผ่านไปกว่า 20 ปี โลกของเกมได้เปลี่ยนไปหลายยุค แต่ความสนุกของมาริโอ 3 ก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของคอเกมตราบนานเท่านาน

ยุคทองของลุงหนวดมาริโอ สู่ยุค 16Bit Super Mario World

ผ่านเข้าสู่ยุค 90 ที่วงการเกมมีการแข่งขันกันดุเดือด เพราะค่ายคู่แข่งอย่าง SEGA ได้ออกเครื่องเมก้าไดร์ และเม่นน้อย โซนิค ทำให้มาริโอมีคู่แข่งที่น่ากลัวมากขึ้น โดยการมาครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปิดตัว “ซูเปอร์แฟมิคอม” เครื่องคอนโซลเครื่องที่ 2 ของนินเทนโด ในปี 1990 แน่นอนว่า มาริโอ ต้องมาเปิดตัวกับเกมภาคต่อ “Super Mario World” นับเป็นภาคที่ 4 ของซีรีย์ ที่คราวนี้มาพร้อมกับเพื่อนใหม่เป็นมังกรสุดน่ารัก “โยชิ” กินได้เกือบทุกอย่าง ผ่านระบบการเล่นเกมที่เปลี่ยนแปลงหลายอย่าง

ไล่ตั้งแต่ฉากที่พัฒนาให้หลากหลายมีทางลับที่ซับซ้อนมากขึ้น มีไอเท็มมากขึ้น รวมทั้งยังเป็นครั้งแรกที่สามารถเข้าด่านเดิมซ้ำเพื่อหาทางเพิ่ม และแก้ปริศนาใหม่ๆได้นั้นทำให้เกมสนุกและหลากหลายมากขึ้นโดยไม่ได้มีจำนวนด่านที่มากเพียงอย่างเดียว บอสในเกมก็คงเป็นเจ้าคุปป้าและลูกๆ แต่ได้อัพเกรดการต่อสู้ให้ซับซ้อนมากขึ้นไม่ซ้ำแบบภาคก่อนๆ แม้ว่าจะเทียบความสนุกกับ “Super Mario 3” ไม่ได้ แต่ก็เป็นมาริโอภาคที่สนุกมากและมีอะไรใหม่ๆ เพียบแม้เกมจะเป็น 2 มิติแบบเดิมๆ ก็ตาม และมันยังขายถล่มทลายไปมากกว่า 20 ล้านก๊อปปี๊

ดินแดนของมาริโอบนมือถือ Super Mario Land

หลังจากมาริโอกลายเป็นตัวแทนของค่ายเกมนินเท็นโดไปแล้ว ไม่แปลกที่การเปิดตัวของเครื่องเกมใหม่ๆ ต้องมีมาริโอเป็นตัวเปิดทุกครั้ง และสำหรับเครื่องเกมพกพา เกมบอย ที่วางขายในปี 1989 ก็มีมาริโอเป็นตัวเปิดงานด้วยเกม “Super Mario Land”  แม้รูปแบบของเกมจะเหมือนเดิมแต่ได้ปรับเปลี่ยนหลายส่วนไล่ตั้งแต่เกมไม่มีเจ้าหญิงพีช แต่เราต้องตามไปช่วย “เจ้าหญิงเดซี่” และมาริโอของเรายังมียานพาหนะเป็นของตัวเองทั้ง เรือดำน้ำ และเครื่องบิน ผ่านการเล่นในด่านเกมยานยิง แม้มันจะดูแปลกๆ แต่ยังคงความสนุกของมาริโอไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งในซีรีส์ มาริโอ แลนด์ มีภาคต่อมาอีก 2 ภาคในปี 1992 ที่มาริโอต้องต่อสู้กับวาริโอ และต่อมาในปี 1994 วาริโอกลายเป็นตัวเอกเสียเองโดยเกม Super Mario Land เปิดตัวเกมบอยได้สมกับเป็นตัวละครอันดับ1 ด้วยยอดขายกว่า 18 ล้านก๊อปปี้

เกร็ดความรู้

Super Mario Landเป็นมาริโอภาคแรกที่บิดาแห่งมาริโอ “ชิเงรุ มิยาโมโต้”  ไม่ได้มีส่วนร่วมสร้างด้วย เกมสร้างโดยผู้ให้กำเนิดเครื่องเกมบอย คุณ “Gunpei Yokoi” แต่เป็นที่น่าเสียดายที่เขาเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ปี 1997 ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นอันจบตำนานของผู้สร้างเกมที่กลายเป็นตำนานที่คอเกมไม่เคยลืมว่าครั้งหนึ่งเราได้ทึ่งไปกับเกมบอยเครื่องเกมพกพาที่ประสบความสำเร็จที่สุดเครื่องหนึ่งของนินเท็นโด

จบไปแล้วกับตอนแรกกับตำนาน Super Mario หนึ่งในตัวละครจากวงการเกมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตอนต่อไปมาดูว่าเมื่อโลกเปลี่ยนลุงหนวดของเราจะปรับตัวตามได้หรือไม่