ข่าวร้ายสำหรับแฟนเกมทั่วโลกเมื่อ Nintendo ได้ประกาศว่า ชาลส์ มาร์ทิเน็ต (Charles Martinet) นักพากย์เสียงตัวละครในตำนาน Super Mario จะไม่ได้มาพากย์เสียงลุงหนวดอีกต่อไปแล้ว ทำให้แฟน ๆ ที่ติดตามมายาวนานอาจจะรู้สึกใจหาย เพราะว่าเขาถือเป็นหนึ่งในตำนานที่อยู่คู่วงการเกมมากว่า 30 ปีแล้ว

โดยจุดกำเนิดของการมาสวมบทลุงหนวดเริ่มต้นในช่วงต้นยุค 90S และบอกไว้ก่อนว่าผลงานแรก ๆ ที่เขาร่วมงานกับ Nintendo ไม่ใช่การให้เสียงในเกม Super Mario 64 ตามที่คนเข้าใจกัน แต่มาร์ทิเน็ตได้มาพากย์เสียงบนเครื่องเกม Pinball Mario ที่เปิดให้เล่นในปี 1992 แล้วแต่ไม่ได้อยู่ในเครดิตการทำงาน แต่หากจะนับเวอร์ชันวิดีโอเกมจริง ๆ เขาเริ่มงานใน Mario Teaches Typing ซอฟต์แวร์สอนพิมพ์ดีดที่วางขายบน PC

เริ่มต้นเพราะเสียงอันเป็นเอกลักษณ์และสปาเกตตี

การได้มาของบทบาทลุงหนวดในตำนานก็เหมือนกับนักพากย์ทั่วไปที่เขาก็ต้องเข้ามาออดิชันเหมือนกับนักแสดงทั่วไป อย่างไรก็ตามในตอนแรกมาร์ทิเน็ตไม่ทราบว่า Mario คือตัวละครจากเกมเขามารู้ตอนกำลังจะไปทดสอบบท ซึ่งส่วนตัวแล้วเขาไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับเกมเลยทำให้ไม่รู้จัก Mario เขาได้รับการบอกเพียงว่ามันเป็นตัวละครช่างประปาชาวอิตาลี ที่อาศัยอยู่ในย่านบรูคลินนิวยอร์ก

ทำให้ตอนไปทดสอบเสียงเขาได้พากย์เสียงที่แหลมเล็ก และใส่สำเนียงอิตาลีเข้าไปรวมทั้งได้คิดบทพูดที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเกมไป โดยเขาได้บอกว่าจะเอาเส้นสปาเกตตีไปโรยบนหน้าพิซซ่าซึ่งปรกติแล้วจะไม่ทำกัน แต่ด้วยน้ำเสียงเล็กแหลมและการพูดที่รวดเร็วทำให้เขาได้รับบทลุงหนวดไป และได้ร่วมงานกับ Nintendo มากว่า 30 ปี

ไม่ได้พากย์แค่ Mario ยังมี Luigi และ Wario ด้วย

หากคุณไม่ได้ติดตามวงการเกมเชิงลึกจริง ๆ อาจจะคิดว่ามาร์ทิเน็ตจะพากย์เสียงเป็น Mario เท่านั้นแต่ความเป็นจริงเขาพากย์เป็นตัวละครหลักของเกม เพราะมาร์ทิเน็ตให้เสียงตัวละคร Luigi ด้วย และยังเป็นเจ้าของเสียง Wario และ Waluigi สองตัวร้าย ที่ถือว่าพากย์ยากมากกว่าเพราะนอกจากบทพูดจะเยอะกว่า Mario ยังมีเสียงสุดแปลกประหลาดด้วย

ส่วนผลงานอื่น ๆ ของเรายังมีอีกหลายตัวรวมทั้งผลงานกับเกมค่ายอื่นอย่าง Skyrim เขาก็เคยร่วมงานด้วย แต่การพากย์ในเกม Nintendo ส่วนใหญ่บทของเขาจะเป็นคำพูดสั้น ๆ เท่านั้นแต่ก็เป็นเอกลักษณ์ภาพจำของวงการเกม เช่นคำว่า ‘It’s-a Me, Mario!’ ที่อยู่ในฉากไตเติ้ลของเกม Super Mario 64 และมันเป็นสัญลักษณ์ของวงการเกมถึงขนาดใน Assassin’s Creed 2 ยังมีการเอาคำพูดไปตำนานไปใช้เพื่ออ้างอิงถึงเกม Mario ด้วย

โดยรวมแล้วมาร์ทิเน็ตได้พากย์เสียงเป็นตัวละครในเกมของ Nintendo มากกว่า 119 เกม โดยผลงานสุดท้ายของเขาคือ Luigi’s Mansion Dark Moon เวอร์ชันสร้างใหม่บน Nintendo Switch และเขาจะไม่ได้มาพากย์เสียงใน WarioWare: Move It! และ Super Mario Wonder แล้ว ถือว่าปิดท้ายผลงานการให้เสียงตัวละครจากค่าย Nintendo กับเกม Luigi ตะลุยบ้านผีสิง

ความโดดเด่นของเสียงที่มาร์ทิเน็ตสร้างสรรค์ออกมาทำให้ Mario มีชีวิตและมีความโดดเด่น เพราะหากคุณเคยเล่น Mario ในยุคแรกลุงหนวดของเราไม่มีเสียงพากย์มาก่อนเพราะอยู่ในยุค 8Bit และ 16Bit แต่กลางยุค 90S เกมเริ่มมีการใส่เสียงพากย์เข้าไปตามสเปกของเครื่องเกม ทำให้ใน Super Mario 64 มีการใช้เสียงพากย์ครั้งแรกในภาคหลัก แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นคำสั้น ๆ หรือเสียงของการเคลื่อนไหวท่าทางเพื่อช่วยเสริมสร้างความสมจริงที่ไม่ได้มีบทอะไรโดดเด่นก็ตาม

แต่เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาก็เข้าไปอยู่ในใจแฟนเกมทั่วโลกทันที เพราะตั้งแต่ยุค 90S หลังจาก Mario 64 วางขายเขาได้กลายเป็นขวัญใจของแฟน ๆ Mario ในมาตลอด เพราะตั้งแต่ก่อนยุคอินเทอร์เน็ตแพร่หลาย เขาก็ได้รับจดหมายจากแฟนเกมทั่วโลกที่ชื่นชอบผลงานของเขานับร้อยฉบับ

และเนื่องจากเขาพากย์เสียงมาหลายสิบปี ทำให้มันสานต่อจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูกเพราะมาร์ทิเน็ตเคยเล่าว่าเคยได้รับจดหมายจากแฟนเกมที่บอกว่าตอนวัยเด็กเคยเล่นเกม Mario กับคุณพ่อและทุกวันนี้แฟนเกมคนนั้นได้กลายเป็นพ่อคนและเล่นเกม Mario กับลูก ๆ แทน และทุกวันนี้มาร์ทิเน็ตยังถูกเชิญไปงานเกมหรือการ์ตูนในอเมริกาและทั่วโลกเพื่อพบปะกับแฟน ๆ ด้วย

หนัง The Super Mario Movie อาจทำให้ถึงจุดเปลี่ยน

แล้วทำไมปู่นินถึงคิดจะเปลี่ยนคนพากย์หลังจากใช้งานมานาน อย่างแรกเพราะอายุของมาร์ทิเน็ตที่เขาสู่วัย 67 ปีทำให้เขาอยากจะเกษียณจากวงการแล้วก็เป็นไปได้ นอกจากนี้จากความสำเร็จของหนัง The Super Mario Bros. Movie ที่ให้เสียงลุงหนวดโดย คริส แพร็ตต์ (Chris Pratt) ที่ประสบความสำเร็จทำเงินเกิน 1,300 ล้านเหรียญ

ทั้ง ๆ ที่ก่อนหนังฉายมีเสียงออกมาต่อต้านการเปลี่ยนเสียงพากย์ Mario แต่สุดท้ายดูเหมือนแฟน ๆ จะยอมรับความเปลี่ยนแปลงทำให้ปู่นินอาจตัดสินใจเพิ่มบทพูดให้ตัวละคร Mario และหานักพากย์ใหม่มาให้เสียงแทน ซึ่งจากตัวอย่างแรกของเกม Super Mario Wonder จะเห็นว่า Mario มีโทนเสียงที่เปลี่ยนไปเพราะไม่ได้ใช้งานมาร์ทิเน็ตแล้ว และมีบทพูดที่มากกว่าเดิม

แม้ว่ามาร์ทิเน็ตจะไม่ได้รับบทลุงหนวดแล้ว แต่เขาก็ได้รับบทบาทเป็น “Mario Ambassador” แทน และยังมีงานพากย์การ์ตูนดังออกมาให้เห็นทำให้เรายังคงได้เสพผลงานของเขาต่อเนื่อง และปิดท้ายกับปรัชญาการทำงานของเขาที่ได้เผยว่า “แค่มีความสนุกกับการทำงาน” ที่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของเสียงพากย์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Super Mario ที่อยู่ในใจแฟนเกมทั่วโลกตลอดไป

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส