แม่ชาวอเมริกันยื่นฟ้อง 5 ค่ายผู้จัดจำหน่ายเกมยักษ์ใหญ่ Activision Blizzard, Microsoft, Epic Games, Electronic Arts และ Ubisoft เพราะพวกเขาวางจำหน่ายเกมที่ทำให้ลูกของเธอติดอย่างหนัก


สื่อ Insider Gaming รายงานประเด็นนี้พร้อมกับเอกสารยื่นฟ้องต่อศาลประจำรัฐอาร์คันซอที่เผยว่าเจ้าตัวฟ้องค่ายเกมเหล่านี้ด้วยความผิดทั้งหมด 14 กระทง ประกอบไปด้วย ความรับผิดชอบต่อความล้มเหลวที่ไม่สามารถเลี่ยงให้ผู้เล่นเสพติดเกมจนเกินไป, หลอกลวงและบิดเบือนความจริง รวมไปถึงการฉ้อโกงและละเมิดบัญญัติทางการค้า

ฝ่ายโจทก์หรือแม่ของเด็กได้ยื่นฟ้องในนามของลูกวัย 13 ปีที่ติดเกมอย่างหนัก โดยในเอกสารยื่นฟ้องได้เผยว่าถึงแม้เธอและสามีจะพยายามจำกัดเวลาเล่นเกมแล้วก็ตาม ลูกของเธอก็มักจะเล่นเกมมากถึง 12 – 14 ชั่วโมงต่อวันตลอดเวลา โดยเกมที่เขามักจะเล่นส่วนใหญ่จะเป็น Fortnite, Rainbow Six: Siege, Battlefield และ Call of Duty

โจทก์ยังได้เผยว่าลูกของเธอใช้เงินเพื่อซื้อคอนเทนต์ในเกมมากถึง 350 เหรียญต่อเดือน (ประมาณ 12,500 บาทต่อเดือน) ซึ่งหลังจากรวมยอดเงินที่ลูกของเธอได้ใช้ซื้อคอนเทนต์ทั้งหมดนี้แล้วก็จะมียอดรวมอยู่ที่ 3,000 เหรียญ (ประมาณ 106,000 บาท) ยังไม่นับค่าเครื่องคอนโซล, ค่าแผ่นเกม และค่าสมาชิก Xbox Game Pass Ultimate รายเดือน

ด้วยเหตุนี้ ฝ่ายโจทก์จึงพยายามจะเรียกค่าเสียหายจากค่ายผู้จัดจำหน่ายเกมเพื่อนำไปรักษาและดูแลลูกของเธอให้หายเป็นปกติ เพราะจากที่ลูกของเธอติดเกมหนักขนาดนี้ก็ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพทางกายของเด็กไม่น้อย (ในคำยื่นฟ้องเผยว่าลูกของเธอได้รับบาดเจ็บที่มือ, ศอก และไหล่)

ภาพจากบทความเกี่ยวกับ ‘คลินิกรับรักษาคนติดเกมอย่างหนัก’ โดยสื่อ Polygon

ถึงแม้จะมีหลายคนที่อ่านเหตุการณ์นี้แล้วรู้สึกว่ามันควรจะเป็นความผิดจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่เด็กก็ตาม แต่เพื่อความเป็นกลางหารู้ไม่ว่า?! เคยมีงานวิจัยที่สำรวจและได้ผลออกมาว่า ‘อาการติดเกมอย่างหนัก’ ถือเป็นอาการเสพติดที่ส่งผลให้ผู้เล่นมีอาการทางจิตคล้ายกับคนที่ติดการพนันมาก ๆ ด้วยความที่ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ก็นับว่าการติดเกมอย่างหนักถือเป็นหนึ่งอาการเสพติดที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพมนุษย์ไม่น้อย จึงกลายเป็นสาเหตุที่ในยุคปัจจุบันมีหลายคลินิกที่เปิดรับรักษาอาการติดเกมอย่างหนักนี้ครับ

ที่มา Kotaku, Game Industry.biz, Insider Gaming

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส