ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Microsoft ได้อัปเดตการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำตลาดใหม่ โดยจะมีการนำเกมบน Xbox ไปลงคอนโซลอื่นของค่ายคู่แข่ง และมีการประกาศนำเกมดังของค่ายอย่าง ‘Pentiment’, ‘Hi-Fi Rush’, ‘Sea of Thieves’ และ ‘Grounded’ ลง PS5 และ Nintendo Switch
อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้แฟน ๆ แปลกใจว่าทำไม Microsoft ถึงได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำธุรกิจแบบนี้ และล่าสุด ฟิล สเปนเซอร์ (Phil Spencer) บอสใหญ่จาก Xbox ได้ให้สัมภาษณ์กับ Polygon และมีข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเขาได้บอกว่าการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ใหม่เป็นเพราะพฤติกรรมของ Gen Z
โดยสเปนเซอร์ได้กล่าว่าประเด็นแรกที่ต้องเปลี่ยนแผนทำธุรกิจใหม่ เพราะงบประมาณการสร้างเกมที่สูงมากทำให้การผูกขาดการตลาดทำได้ยากขึ้น เขายังได้กล่าวเสริมว่าการสร้างเกมฟอร์มยักษ์ยุคนี้อาจจะใช้ทุนสร้างสูงถึง 300 ล้านเหรียญ ทำให้หากจะทำให้มันเป็นเกมเอ็กซ์คลูซีฟมันจะมีแรงกดดันว่าต้องทำยอดขายให้มากพอกับทุนสร้าง
นอกจากนี้สเปนเซอร์ยังได้กล่าวว่าเนื่องจากคน Gen Z ไม่คุ้นเคยกับความเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ และได้กล่าวถึง app Tiktok ที่สามารถใช้งานได้ทั้งบน iPhone และ Android รวมทั้งเกมบนมือถือที่ส่วนใหญ่มีการออกทั้ง 2 ระบบ ดังนั้นหากทำการตลาดแบบเดิม ๆ ที่ออกเกมเอ็กซ์คลูซีฟบน Xbox เพื่อดึงลูกค้าให้ซื้อคอนโซลอาจจะไม่ใช่คำตอบสำหรับคนยุคนี้ และ Xbox ต้องการดึงดูดแฟน ๆ ที่มีอายุน้อยลง และอยากสร้างภาพลักษณ์ให้ XBox เป็นแพลตฟอร์มที่มีเกมยอดเยี่ยมที่พวกเขาอยากเล่น