ดูเหมือนว่าการมาของเกม ‘Final Fantasy 7 Rebirth’ ที่วางขายบน PS5 จะทำยอดขายไม่ดีนัก เพราะเริ่มมีกลิ่นมาตั้งแต่ช่วงแรกแล้ว เพราะไม่มีการรายงานยอดขายใน 3-7 วันแรกในช่วงที่เปิดตัว ทำให้ลือกันว่ามันน่าจะทำยอดขายไม่เข้าเป้าจนไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
และล่าสุดมีรานงานออกมาจาก ดาเนียล อาหมัด (Daniel Ahmad) นักวิจัยจากบริษัทวิเคราะห์การตลาดวิดีโอเกม ได้ออกมาตอบข้อความผ่าน X (ชื่อเดิม Twitter) ระบุว่ายอดขายของเกม ‘Final Fantasy 7 Rebirth’ ต่ำกว่ายอดขายของภาค ‘Remake’ ประมาณ 50% โดยเทียบระยะเวลาขายเดียวกันด้วย และมีการระบุว่าจนถึงตอนนี้เกมขายไปได้ประมาณ 2 ล้านชุดนับตั้งแต่วางขายในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2024
และหากเทียบกับยอดขายของซีรีส์ ‘Final Fantasy’ ภาคอื่น ๆ ที่วางขายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยอดขายของ ‘Final Fantasy 7 Remake’ ซึ่งเป็นเวอร์ชัน PS4 ขายได้ 3.5 ล้านชุดในช่วงเวลาเดียวกัน และ ‘Final Fantasy 16’ ภาคหลักของซีรีส์ขายได้มากถึง 3 ล้านชุดในช่วงที่เปิดตัว นอกจากนี้ ยังมีการระบุว่ายอดขายภาค Rebirth ในอังกฤษประจำเดือนมีนาคม ที่ผ่านมาอยู่อันดับ 5 ขายได้น้อยกว่า ‘Dragon’s Dogma 2’ และ ‘HELLDIVER 2’ ถือว่าค่อนข้างน่าผิดหวัง
ส่วนสาเหตุของยอดขายที่ไม่เข้าเป้ามีการวิเคราะห์ว่า ‘Final Fantasy 7 Rebirth’ เป็นภาคต่อของภาคหลักที่มักจะทำยอดได้ไม่เท่าภาคแรกอยู่แล้ว และยังวางขายเฉพาะ PS5 เครื่องเดียว และที่ยอดขายสู้ภาคก่อนไม่ได้เพราะว่า ‘Final Fantasy 7 Remake’ วางขายในปี 2020 ช่วงที่ Covid-19 ระบาดใหม่ ๆ ทำให้คนต้องกักตัวอยู่กับบ้าน ส่งผลให้ยอดขายเกมเพิ่มขึ้นอย่างมากเพราะเกมเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ที่บ้าน