เป็นที่รู้กันว่าตอนนี้เกมฟอร์มยักษ์ระดับ AAA มีการขึ้นราคาเป็น 70 เหรียญ (~2,600 บาท) จากเดิมมีราคา 60 เหรียญ (~2,200 บาท) แม้จะเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่ก็มีแฟนหลายคนไม่พอใจ เพราะว่าทุกวันนี้ตัวเกมมีการขาย DLC เพื่อหารายได้เพิ่มเติมอยู่แล้ว
แต่ดูเหมือนว่าสำหรับทีมงานสร้างเกมอาจจะคิดแตกต่าง เพราะลาร์ส วิงเกฟอร์ส (Lars Wingefors) หัวหน้าของค่าย Embracer Group ที่มีบริษัทอยู่ในสังกัดจำนวนมาก และมีวิดีโอเกมดังในเครือมากมาย โดยก่อนหน้านี้ค่ายได้มีการปลดทีมงานจำนวนหลายพันคน ได้ออกมาพูดกับเว็บ GamesIndustry ถึงการขึ้นราคาวิดีโอเกมที่สูงถึง 70 เหรียญ
โดยเขาได้พูดว่าส่วนตัวแล้วเขาไม่ได้บอกว่าคุณจะไม่สามารถขึ้นราคาวิดีโอเกมได้ แต่ความจริงแล้วมันไม่มีใครพยายามจะทำแบบนั้น และเขาได้ยกตัวอย่างเกมแนว RPG ฟอร์มยักษ์ ที่มีความยาวประมาณ 100-150 ชั่วโมง ที่มีประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร และผู้สร้างคงมีคำถามว่าแฟนเกมยอมจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อซื้อมันหรือไม่ ถ้าหากพวกเขายอมจ่าย เราก็จะเห็นเกมราคานี้ในตลาดมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงมันไม่มีใครกล้าทำแบบนั้น
นั่นเป็นสิ่งที่เราพูดคุยกันในบริษัท แต่ตอนนี้ยังคงใช้ราคาขายเดิม ซึ่งเป็นแนวทางของอุตสาหกรรม แล้วสักวันจะมีค่ายไหนลองพยายามขึ้นราคาเกมหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่เราต้องรอดูกันต่อไป
อุตสาหกรรมวิดีโอเกมฟอร์มยักษ์ระดับ AAA เริ่มมีการจุดประเด็นการขึ้นราคาเกมในปี 2020 ที่มีการปรับราคาเพิ่มเป็น 70 เหรียญ และเป็นประเด็นถกเถียงมากมาย เนื่องจากมันเป็นการดิ้นรนต่อสู้ในอุตสาหกรรมเกม เพราะมีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าแฟนเกมมีแนวโน้มที่จะนิยมเล่นเกมที่มีบริการออนไลน์ live services เช่นเกม Fortnite, Roblox และ Call of Duty ทำให้เหลือพื้นที่น้อยลงสำหรับเกมใหม่ ที่ขายราคาเต็ม
โดยวิงเกฟอร์สได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เขาคิดว่าวงการเกมมีปัญหาแบบเดียวกับอุตสาหกรรมอื่น เช่น ต้องพบเจอกับปัญหาเงินเฟ้อ และต้นทุนสร้างเกมที่มากขึ้น แต่เป็นเรื่องยากที่จะมีการขึ้นราคาขายเกม ทั้งบนคอนโซลและบน PC ด้วย อีกทั้งเกมไม่ได้ขึ้นราคามาหลายปีแล้ว ส่งผลให้กำไรลดลงไปเรื่อย ๆ ทำให้หากจะเสียเงินลงทุนสร้างเกมอะไรไปก็ต้องมั่นใจว่ามันจะทำเงิน หรือสร้างเกมแฟรนไชส์ดังที่ค่ายเป็นเจ้าของเองซึ่งเงินจะเข้าค่ายแบบเต็ม ๆ
ความคิดเห็นของวิงเกฟอร์สแนะนำว่าเขายังไม่อยากให้ค่าย Embracer ขึ้นราคาเกมในสังกัด แต่อยากให้รอให้ค่ายเกมอื่นทำก่อนแล้วทางค่ายจะขึ้นราคาตามภายหลัง แต่มันจะโดนกระแสต่อต้านจากแฟน ๆ หรือไม่ก็ต้องรอดูกันต่อไป แต่ที่แน่ ๆ หากมันเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ในอนาคตอันใกล้ก็อาจจะได้เห็นราคาเกมที่เริ่มต้น 70 เหรียญทุกเกมก็เป็นไปได้