พิพิธภัณฑ์ Nintendo (Nintendo Museum) เพิ่งเปิดใน เกียวโต และให้คนทั่วไปได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์ของปู่นิน ที่นอกจากจะมีเครื่องเกมของจริงไปโชว์รวมทั้งมีร้านอาหาร ยังมาพร้อมกับส่วนที่ผู้เล่นได้ทดลองเล่นเกมคลาสสิกของ Nintendo ด้วย แต่ในส่วนนี้เองอาจจะขัดกับนโยบายของปู่นิน

เพราะก่อนหน้านี้ Nintendo ได้ฟ้องร้องผู้พัฒนาอีมูเลเตอร์ และสั่งให้หยุดพัฒนาเพราะมันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ แม้ว่าอีมูเลเตอร์นั้นจะเล่นเกมคอนโซลที่ Nintendo ไม่ได้ทำตลาดแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าปู่นินจะไม่ได้รังเกียจการใช้งานโปรแกรมจำลองการเล่นเกม

เพราะมีผู้เข้าชม Nintendo Museum และได้พบว่าในส่วนที่เปิดให้แฟน ๆ ได้สัมผัสเกมคลาสสิก ได้พบว่ามันไม่ได้เป็นการเล่นผ่านคอนโซลโดยตรง แต่เป็นการเล่นผ่านอีมูเลเตอร์ผ่าน PC แทน เพราะแฟนเกมได้ทดลองถอดจอยเกมออก (ซึ่งเป็นสาย USB) ก็พบคำเตือนและเสียงแจ้งการถอดสาย USB แบบเดียวกับที่เราได้ยินบน Windows เท่ากับว่าส่วนของการโชว์เกมเป็นการเล่นบนอีมูเลเตอร์บนคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็โดนกลุ่มที่ไม่ชอบนินเทนโดออกมาแซะไม่น้อยว่าไปไล่แบนอีมูเลเตอร์อื่น แต่ตัวเองกลับใช้อีมูเลเตอร์เนี่ยนะ (แต่กลุ่มที่ไม่ชอบนินเทนโดก็คงไม่รู้ว่า ปู่นินนี่แหละนักพัฒนาอีมูเลเตอร์เลย สร้างอีมูใช้เองในบริษัทเพื่อให้บริการ Virtual Console หรือเครื่องอย่าง NES Mini, SNES Mini ก็รันผ่านอีมูเลเตอร์ทั้งนั้น)

มันก็เป็นสิทธิของ Nintendo ที่จะออกแบบเขียนอีมูเลเตอร์แล้วให้รันเกมคลาสสิกเพื่อความสะดวก แต่หากมองอีกมุมมันขาดความคลาสสิกเพราะไม่ได้สัมผัสของจริงทั้ง ๆ ที่มันเรียกว่า “พิพิธภัณฑ์” ก็เหมือนเราอยากไปชมภาพโมนาลิซ่า พิพิธภัณฑ์ Louvre แต่กลับได้เห็นภาพจำลองแทน