Ubisoft หนึ่งในค่ายเกมยักษ์ใหญ่ที่มีเกมดังในเครือมากมาย และประสบความสำเร็จทั้งยอดขายและเสียงวิจารณ์ อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาค่าย Ubisoft ได้เกิดวิกฤตเพราะเกมดังของค่ายทำยอดขายไม่เข้าเป้า และยังมาพร้อมกับดราม่ามากมายที่เกี่ยวข้องกับความ Woke ที่ถูกยัดใส่เข้าไปในเกมของค่าย

และส่งผลให้ยอดขายเกมของค่าย Ubisoft ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควรไม่ว่าจะเป็นเกม Star Wars Outlaws, Skull and Bones, Avatar: Frontiers of Pandora และ Prince of Persia: The Lost Crown ที่ทุกเกมทำยอดขายไม่เข้าเป้า และส่งผลให้ค่าย Ubisoft สูญเสียมูลค่าไปเกือบ 80% เมื่อเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

และในปี 2024 เพียงปีเดียวค่าย Ubisoft สูญเสียมูลค่าไป 47% และทำให้เป็นปีที่แย่ที่สุด และหากสถานการณ์ยังคงดำเนินไปเช่นนี้ต่อไป Ubisoft อาจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องประกาศล้มละลาย โดยมีรายงานว่าทางค่ายมีหนี้จำนวนมหาศาล มากถึง 1,400 ล้านยูโร (ข้อมูลจาก IRFS) ถือว่าเป็นตัวเลขหนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะปีก่อนหน้านี้มีหนี้อยู่เพียง 880 ล้านยูโร เท่ากับว่าในช่วงปีที่ผ่านมาเกมที่ค่าย Ubisoft วางขายไม่สามารถทำกำไรได้เลย และอาจบ่งชี้ว่าบริษัทอาจล้มละลายในอนาคตอันใกล้

แน่นอนว่าเหตุผลหลักเพราะค่าย Ubisoft เลือกที่จะไม่ทำเกมโดยไม่สนใจความต้องการของแฟน ๆ และยังยัดเยียดใส่ความหลากหลาย รวมทั้งผลงานที่ไม่มีคุณภาพ ส่งผลให้เกม xDefiant ต้องปิดตัวไป รวมทั้งยอดขาย Star Wars Outlaws ที่ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร และยังมีการเลื่อนวันวางขายของเกมนักฆ่า Assassin’s Creed Shadows ไปออกปี 2025 เพราะกระแสเชิงลบจากความ Woke ของตัวละครหลักในเกม

ทำให้ดูเหมือนว่าชะตากรรมของค่าย Ubisoft ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของเกม Assassin’s Creed Shadows และจากการวิเคราะห์จากสื่อต่างประเทศแล้ว มันไม่น่าจะสามารถช่วยกู้วิกฤติของค่ายได้ นอกจากนี้ยังมีข่าวลือการเข้าซื้อกิจการของ Tencent ซึ่งน่าจะช่วยบริษัทรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ทางการเงินได้ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า Tencent จะไม่รีบเข้าซื้อกิจการในตอนนี้ และอาจจะรอให้ Ubisoft จะประกาศล้มละลายค่อยเข้าซื้อก็เป็นไปได้ ส่วนผลจะออกมาเป็นแบบไหนก็ต้องรอให้เกม Assassin’s Creed Shadows วางขายในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2025 ว่ามันจะทำยอดขายได้มากพอจนทำให้ Ubisoft รอดจากการล้มละลายได้หรือไม่