Dragon Age: The Veilguard หนึ่งในเกมที่มีดราม่าเรื่องความ Woke ของเนื้อเรื่องและตัวละครในเกมที่เหมือนสร้างมาเพื่อต้องการค่า DEI ตามกระแส แน่นอนว่ามันต้องเกิดกระแสต่อต้านจากแฟน ๆ ทั่วโลกจนทำให้ยอดขายของเกมทำได้ไม่เข้าเป้า จนเป็นที่มาของการลดจำนวนทีมงานของค่าย Bioware

แต่ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นจะมีดราม่าตามมาเพราะทางซีอีโอของค่าย EA ได้ออกมาบอกว่าสาเหตุที่เกม Dragon Age: The Veilguard ทำยอดขายได้แย่กว่าที่คาด เพราะตัวเกมไม่มีโหมดมัลติเพลย์เยอร์เล่นกับเพื่อนผ่านระบบออนไลน์ และไม่มีองค์ประกอบของเกมแนว Live Service

และดูเหมือนว่าหลังจากซีอีโอออกมาบอกแบบนี้จะทำให้อดีตทีมงานของ Bioware ไม่พอใจอย่างมาก เพราะล่าสุด เดวิด ไกเดอร์ (David Gaider) หนึ่งในผู้ให้กำเนิด Dragon Age ได้ออกมาจวกซีอีโอของ EA ว่าเป็นเขาคิดผิด และไม่ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตเลย

พร้อมกับยกตัวอย่างเกมที่เน้นโหมดเล่นคนเดียวที่ประสบความสำเร็จอย่าง Baldur’s Gate 3 ซึ่งแนวทางของซีรีส์เกม Dragon Age มีความคล้ายกันที่จะเน้นการเล่าเรื่องมากกว่าการเล่นกับเพื่อนแบบออนไลน์ นอกจากนี้อีกหนึ่งในอดีตผู้สร้าง Dragon Age อย่าง ไมค์ เลดลอว์ (Mike Laidlaw) ได้เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ รวมทั้งยังได้ตอกย้ำว่าหากเขาโดนสั่งให้เปลี่ยนเกมที่เน้นเล่าเรื่องแบบเล่นคนเดียว ให้ยัดเยียดโหมดมัลติเพลย์เยอร์เข้าไป เขาจะลาออกในทันที

เกมต่อไปของค่าย Bioware คือ Mass Effect 5 แต่เนื่องจากทีมงานของค่ายถูกลดจำนวนลงอย่างมาก จากความล้มเหลวของเกม Dragon Age: The Veilguard ทำให้แฟนเกมมีความกังวลว่ามันจะออกมาดีหรือไม่ เพราะเป็นที่รู้กันว่าซีรีส์ Mass Effect ถือเป็นอีกตำนานของวงการเกมที่ไม่อยากให้โดยทำลายจากการที่ค่ายเกมต้องการค่า DEI อีก