ใกล้ถึงวันวางขายเกม Zelda: Breath of the Wild สำหรับแฟนๆคงอยากเล่นกันอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมซีรีส์ Zelda อาจจะสงสัยว่ามันมีดีอะไรทำไมถึงเป็นที่สนใจทุกภาค ทั้งๆที่ภายนอกมันอาจไม่ได้โดดเด่นเรื่องกราฟิก หรือการนำเสนอเท่าก็ดูเชยๆเมื่อเทียบกับเกมในยุคใหม่ทำให้หลายคนมองว่ามันเป็นเกมสำหรับเด็ก แต่ความจริงแล้ว Zelda มีความยากในการแก้ปริศนา และมีความยาวชนิดที่เคยมีผู้กล่าวไว้ว่า 1 ฉากของเกม Zelda มีความยาวขนาดแยกไปสร้างเป็นอีกเกมได้เลย
และหากคุณไม่เคยเล่น Zelda มาก่อนแต่อยากลองเล่น วันนี้เราขอแนะนำ 5 เกม Zelda ที่มือใหม่ควรจะเล่นมากที่สุดกัน โดยการจัดอันดับไม่ได้อิงความยอดเยี่ยมของเกมเพลย์ แต่จะอิงความง่ายในการเข้าถึง และความมีเสน่ห์ของซีรีส์ซึ่งมีทั้งภาคเก่า และภาคใหม่ที่เพิ่งจะออกไปไม่นานไปดูกันว่าหากคุณจะเริ่มเล่น Zelda ควรเริ่มจากภาคไหน แต่บอกไว้ก่อนว่าแม้จะขึ้นหัวข้อว่ามือใหม่ แต่ขึ้นชื่อว่าเกม Zelda ไม่มีภาคไหนที่ดูง่ายแน่แม้กราฟิกในเกมอาจจะดูน่ารักก็ตาม ไปดูกันว่ามีภาคไหนบ้างที่ควรจะไปหามาเล่น แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมซีรีส์ Zelda ถึงอยู่มายาวนานและประสบความสำเร็จทุกภาค
5. Zelda skyward sword (Wii)
ภาคหลักบนโฮมคอนโซล ที่ออกไปบน Wii ไปในปี 2011 และมันก็คือภาคก่อนที่จะมาเป็นเกม Zelda: Breath of the Wild ที่รูปแบบของภาคนี้แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากมาย แต่ความสนุกของมันอยู่ที่รูปแบบที่เน้นแอ็คชั่นของจอย Wii Motion Plus ที่ทำให้เราสามารถบังคับ Link ให้ฟันดาบได้ทุกทิศทางอย่างสมจริงสุดๆ
และภาคนี้ไม่ใช่แค่การควบคุมบังคับที่แปลกใหม่ แต่โลกในเกมก็เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงให้เรื่องราวเกิดในดินแดนบนท้องฟ้า แล้วจะลงมาสู่ดินแดนด้านล่าง ด้วยความที่เกมเพิ่งจะออกไปไม่นานทำให้มันมีความสดใหม่ โดยเฉพาะดันเจี้ยนที่มีความแปลกใหม่จนผู้เล่นคาดไม่ถึงแน่ เพราะมีบางฉากที่จะเล่นไปพร้อมกันทั้งโลกในอดีตและปัจจุบัน ที่ทั้งแปลกตาและปริศนาในเกมก็ซับซ้อนระดับเทพ เรียกว่าในส่วนของเกมเพลย์ไม่มีอะไรให้ติ
อย่างไรก็ตามแม้มันจะดูซับซ้อน แต่มันก็มีความเรียบง่ายในการเข้าถึงแม้ว่าจะมีอะไรที่ดูอืดอาดในช่วงต้นๆอยู่บ้างก็ตามแต่เมื่อเทียบกับ Zelda ภาคก่อนหน้านี้ถือว่าเกมปรับให้เป็นมิตรขึ้นมากแล้ว ส่วนข้อเสียของภาคนี้คือคุณต้องมี Wii Motion Plus ถึงจะเล่นได้ ส่วนหากคุณอยากเล่นตอนนี้คงต้องไปหาเล่นบน Wii หรือจะนำมาเล่นบน WiiU ก็ได้เช่นกัน
4. Zelda A Link to the Past (Super Famicom)
ภาคในตำนานบนเครื่อง Super Famicom ที่ออกวางขายตั้งแต่ปี 1991 ถือว่าเป็น Zelda 2 มิติที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ด้วยรูปแบบการเล่นแบบ 2D มุมมองด้านบน เหมือนกับภาคแรก ความโดดเด่นอยู่ที่รูปแบบการเล่นที่เป็นมาตรฐานของเกม Zelda 2D มาจนถึงทุกวันที่ ผู้เล่นจะได้สัมผัสการแก้ปริศนาในฉากที่ซับซ้อน ที่แม้ว่าจะผ่านเวลามาเกือบ 26 ปียังไม่ดูเชย แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป รวมทั้งบอสในเกมที่ต้องหาจุดอ่อนของมันให้เจอถึงจะกำจัดได้
จุดเด่นของภาคนี้คือการสลับเปลี่ยนไปในอดีต (ตามชื่อภาค) และเราจะได้เล่นเป็นกระต่าย แน่นนอนว่าต้องมีการแก้ปริศนาสลับไปมา ซึ่งถือเป็นของใหม่มากในยุคนั้น แต่ที่เด่นกว่าคือเพลงประกอบที่ในภาคนี้ในเมื่อวางขายบนคอนโซล 16 Bit ทำให้ดนตรีมีคุณภาพมาก และมีเพลงธีมในตำนานอยู่ในภาคนี้หลายเพลง
ส่วนที่แนะนำให้มือใหม่เล่นเพราะกราฟิกของเกมอยู่ในระดับ 16Bit ที่พอรับได้ไม่เชยเกินไปเมื่อสมัย 8 Bit ปริศนาในเกมก็ไม่ได้ซับซ้อนจนเกินไป มีจุดบอกใบ้อยู่หลายส่วน และมีหลายสิ่งที่เป็นต้นแบบของเกมแอ็คชั่นที่เน้นการแก้ปริศนา ที่เข้าใจง่ายไม่ยุ่งยากเหมือนเกมยุคใหม่ โดยทุกวันนี้สามารถหากเล่นแบบถูกกฎหมายได้บน Wii WiiU และ Game Boy Advance หรือจะไปหาตลับ Super Famicom ตามร้านขายเกมเก่ามาเล่นก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ
3. Zelda Ocarina of Time (Nintendo 64)
Zelda อีกภาคที่ถือว่าอยู่ในระดับต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เกม เพราะมันได้ชื่อว่าเป็นเกมที่ดีที่สุดตลอดกาล ได้คำชมขนาดนี้แม้เกมเพลย์บางฉากจะเข้าขั้นยากและมีโหมดแนะนำการเล่นที่ดูอืดอาดไปแล้วสำหรับยุคนี้ แต่หากจะสัมผัสความเป็น Zelda ที่มีรูปแบบการเล่น 3 มิติ ต้องเล่นภาคนี้เพราะมันมีทุกอย่างที่เกมแนวแก้ปริศนาควรจะมี และทุกวันนี้หลายเกมยังคงเอาไปเป็นต้นแบบ
โลกในเกมแม้จะวางขายตั้งแต่ปี 1998 แต่ฉากก็มีความกว้างระดับที่เรียกว่าเป็น Open World เล็กๆได้เลย เรียกว่าทั้งเกมเพลย์และการนำเสนอของ Zelda Ocarina of Time ไม่มีที่ติ เรื่องราวภาคนี้เราจะได้เล่นเป็น Link ทั้งวัยเด็กและผู้ใหญ่ กับการแก้ปริศนาระดับมหากาพย์ที่รอคุณอยู่ โดยคุณสามารถหาเล่นได้แบบถูกกฎหมายบน Wii , WiiU และที่สำคัญหากคุณคิดว่ากราฟิกบน Nintendo 64 ดูเชยไปก็ให้ไปหาเวอร์ชั่นรีเมคปรับภาพใหม่บน 3DS มาเล่นได้เลย ความสนุกไม่แพ้กันแต่กราฟิกดูดีขึ้นมาก
2. Zelda The Minish Cap (Game Boy Advance)
สำหรับ Zelda ภาคนี้จะพิเศษกว่าภาคอื่นๆเล็กน้อยเพราะเป็นการทำงานร่วมกับค่าย Capcom แต่โดยรวมแล้วมันก็ยังอยู่ในกรอบเกม Zelda ไม่ได้เปลี่ยนเป็นเกมแอ็คชั่น โดยภาคนี้กราฟิกของเกมจะกลับมาใช้แบบ ดอทพิเซล แต่มีความละเอียดสูงกว่าบน Super Famicom เกมเพลย์เรียบง่ายด้วยการใช้แบบ 2D มุมมองด้านบนทำให้เล่นได้เข้าใจง่ายมาก
จุดเด่นของ Zelda The Minish Cap คือการแปลงร่างย่อส่วน Link ให้เหลือตัวเล็กจิ๋ว ที่ต้องทำสลับไปมาตลอดเกมเพื่อแก้ปริศนา และไปในดันเจี้ยน แม้แต่ฉากในหมู่บ้านก็ยังมีมุมมองทั้งแบบคนธรรมดา และแบบมุมมองโลกเล็กจิ๋วทำให้เกมเพลย์หลากหลาย และแม้จะผ่านมาหลายปีแถมยังเป็น 2D ที่เหมือนจะเชย แต่เราสามารถหยิบกลับมาเล่นได้โดยไม่รู้สึกว่ามันเชย โดยเกม Zelda The Minish Cap หาเล่นได้บน GameBoy Advance , WiiU และ 3DS
1. Zelda A Link Between Worlds (Nintendo 3DS)
ปิดท้ายกับภาคล่าสุดบนเครื่องพกพา 3DS ที่นับเป็นการเริ่มการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะเราจะมีอิสระในการเลือกเส้นทางได้ตั้งแต่ต้น ซึ่งตามปรกติแล้วเราต้องออกค้นหาไอเทมมาเพื่อเปิดทางไปต่อหรือแก้ปริศนา แต่ในภาคนี้เราจะต้องเช่า หรือซื้อไอเทมในร้านได้ตั้งแต่ช่วงแรกทำให้เราเลือกไปเล่นดันเจี้ยนได้ตามใจไม่โดนบังคับ และนับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกในซีรีส์
ส่วนรูปแบบของเกมแม้ว่าจะเป็นเกมใหม่ แต่กลับใช้มุมมองแบบเกม 2 มิติเหมือนกับภาค Zelda A Link to the Past ที่เล่นง่าย แต่ภาพในเกมไม่ได้เชยเพราะทำจากโพลิกอน 3D ที่ดูดี และอีกหนึ่งความโดดเด่นในภาคนี้จะอยู่ที่ Link ของเราสามารถแปลงร่างเป็นภาพวาดบนกำแพงได้ ทำให้เราสามารถเดินทางไปที่ร่างปรกติไปไม่ได้ แน่นอนต้องมีการสร้างฉากออกมารองรับกันอย่างจัดเต็ม และมีการเดินทางข้ามมิติไปอีกโลกได้ และจากความเข้าถึงง่าย บวกกับความสดใหม่ของตัวเกมทำให้หากใครจะเริ่มเล่นเกม Zelda ภาคแรกควรจะเล่นภาคนี้ก่อน อีกทั้งเกมไม่ได้ยากจนเกินไปมือใหม่ก็พอจะเล่นจบได้ไม่ยาก ซึ่งถ้าคุณอยากเล่นสามารถหาได้เฉพาะ 3DS เท่านั้น