จบลงไปแล้วสำหรับงาน PlayStation Experience SEA 2018 เมื่อวันที่ 18-19 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่ PlayStation ได้ขนเอาเกมใหม่ที่ยังไม่ได้วางตลาดหลายเกมมาให้แฟนเกมชาวไทยได้เล่นกันก่อนที่ GMM Live House ประเทศไทย และที่พิเศษสำหรับแฟนๆ เกม Dragon Quest คือคุณ Hokuto Okamoto โปรดิวเซอร์เกมและคุณ Takeshi Uchikawa ไดเรกเตอร์เกมจาก Square Enix ได้บินตรงมาจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อนำเสนอ Dragon Quest XI: Echoes of an Elusive Age ภาคล่าสุดที่เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกำลังจะวางตลาดวันที่ 9 กันยายนนี้ มานำเสนอเกม DQXI แบบสดๆ กลางเวทีภายในงาน นับว่าไม่บ่อยครั้งนัก ที่นักพัฒนาเกมจากญี่ปุ่นจะมานำเสนอเกมในต่างประเทศด้วยตัวเองครับ

แน่นอนว่าเว็บแบไต๋ไม่พลาดโอกาสสัมภาษณ์นี้!

“คุณ Takeshi Uchikawa ซ้าย , คุณ Hokuto Okamoto กลาง , และคุณโมนาจาก Sony ที่มาช่วยเป็นล่ามให้ในครั้งนี้ครับ”

และก็นับว่าเป็นโชคดีของทีมงาน Beartai.com ที่มีโอกาสได้สัมภาษณ์ร่วมกับสื่อท่านอื่นๆภายในห้องลับ !! และในวันนี้ผมจะนำข้อมูลที่ได้มาทั้งหมด มาฝากคุณผู้อ่านทุกท่านครับ

Q: อะไรคือความท้าทายในการแปลเกมภาษาญี่ปุ่นให้เป็นเป็นภาษาอังกฤษ

A: ยากที่การพากย์เสียง ยากที่จะแปลให้ได้อารมณ์ร่วม และยังรักษาภาพรวมเอาไว้ให้ได้ นอกจากนี้ในเกมยังมีภูมิภาค ซึ่งก็ต้องการแปลให้ได้ความเป็นภูมิภาคเดิมไว้ ซึ่งตอนที่ทำเกมเราคิดถึงท้องที่ของญี่ปุ่น และยังมีกลอนไฮกุในเกมด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องแปลให้ได้ความรู้สึกเดิมในภาษาอังกฤษด้วย ตรงนี้อาจจะยากสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ญี่ปุ่น ก็อาจจะไม่เข้าใจวัฒนธรรมของที่นั้นครับ

Q: อะไรคือแรงบันดาลใจให้กลับมาทำ Dragon Quest 11 เป็นเกม Offline อีกครั้งหลังจากที่ภาค 10 เป็นเกม Online มาก่อน

A: ทางทีมงานได้ปรึกษากับคุณยูจิ โฮริอิ ผู้สร้างเกมว่าอยากทำให้ภาค 11 กลับมาเป็นเกม Offline ที่มีรูปแบบดั้งเดิมอีกครับ เนื่องจากว่าคุณยูจิ โฮริอิ ผู้ให้กำเนิดซีรี่ส์เคยพูดไว้ว่า อยากให้เกม Dragon Quest เป็นเกมที่ทำให้ทุกคนมารวมกันอยู่หน้าทีวี แล้วก็เล่นไปด้วยกันได้

คุณยูริ โฮริอิ Dragon Quest ส่งวิดีโอมาทักทายแฟนเกมชาวไทย

Q: ถ้าหากมีความเป็นไปได้ ถ้าทำ Dragon Quest เป็นภาษาไทยคิดว่ามีอะไรยากบ้าง

A: ถ้าหากยอดขายภายในประเทศไทยดีขึ้น ก็อาจจะมีแพลนทำภาษาไทย แต่ความยากของภาษาไทยของนั้นอยู่ที่ ภาษาไทยเป็นภาษาที่มี 3 ระดับ ไม่ว่าจะเป็นสระ วรรณยุกต์ ในส่วนนี้สิ่งที่ยากที่สุดก็คือการทำให้ตัว Engine รองรับ และต้องมีการลงทุนพัฒนากันต่อไป ตามระดับความต้องการ หรือยอดขายภายในประเทศนั้นเอง

Q: ภาคนี้เป็นภาคแรกที่ใช้ Unreal Engine ทำให้การพัฒนาเกมนี้มีความท้าทายอะไรที่ต่างจากภาคอื่นๆ

A: “ยากมากๆ” (ตรงนี้เขาได้ตอบอย่างหนักแน่น) ซึ่งปกติแล้ว Unreal Engine มักจะใช้กับเกม Shooting เสียมากกว่า แต่ Dragon Quest เป็นเกม RPG ที่อยู่ในทุ่งกว้าง ซึ่งเวลาเรียกแผนที่กว้างๆ ทำให้โหลดนาน ซึ่ง Epic Game ก็ได้เข้ามาทำการช่วยเหลือ ปรับจูน Engine ทำให้แก้ไขปัญหานี้ไปได้

Q: Dragon Quest XI มีความสดใหม่อย่างไร ทำไมแฟนๆ หรือผู้เล่นหน้าใหม่ๆ ต้องมาเล่นเกมนี้

A: สิ่งสำคัญคือคุณยูจิ โฮริอิ ให้ภาพว่า มันต้องเล่นง่าย ผู้เล่นสนุกสนานไปด้วยกัน และมีทีมงานใหม่ๆเข้ามาช่วยมากมาย สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเล่นใหม่ ตัวเกมก็มีเรื่องราวในเกมที่น่าสนใจ ตามสไตล์ของ Dragon Quest ทำให้สนุกหัวเราะยิ้มไปกับเกมได้ และภาคนี้รวมเอาจุดเด่นของ Dragon Quest ภาคเก่าๆ เอาไว้เยอะมาก ทำให้แฟนๆ ดั่งเดิมน่าจะชอบกัน

Q: มีภาคพัฒนาภาค 12 ไว้หรือยัง

A: ก็วางแผนพัฒนาไว้แล้ว ส่วนจะลงให้กับแพลทฟอร์มไหนบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับความนิยมของแพลทฟอร์มนั้นๆ

Q: ในฐานะที่เป็นแฟนเกม Dragon Quest มายาวนาน ภาคนี้มีความน่าสนใจกว่าภาค 8 ที่ออกเมื่อ 10 ปีที่แล้วอย่างไร

A: ภาคนี้น่าสนใจกว่าภาค 8 แน่นอน และคนที่ชอบ 8 ก็ต้องชอบ 11 เพราะมีอะไรที่เหมือนกันเป็นอย่างมาก เพราะมีอะไรที่ปรับปรุงขึ้นมากมายหลายๆอย่าง (หากยังจำกันได้ภาค 8 เป็นเกมภาคหลักภาคเดียว ที่ใช้ระบบการเล่นแบบ Full 3D สมัยใหม่หากไม่นับภาค 10 ที่เป็นภาค Online)

Q: มีอะไรจากเกมตะวันตกที่มีอิทธิพลในการพัฒนา Dragon Quest บ้าง โดยเฉพาะในการแปลเกมเป็นฉบับภาษาอังกฤษ

A: ความเป็น Dragon Quest มันคือความเรียบง่ายมากๆ เช่นเมนูภายในเกมแบบพื้นดำ อักษรขาว แต่ต่างประเทศน่าจะไม่ชอบ เลยมีการปรับเปลี่ยนเมนูใหม่ให้ตรงใจต่างชาติมากขึ้น และเกมของตะวันตกจะชอบความท้าทาย จึงใส่โหมดยากเข้าไปในเกมด้วย โดยอธิบายว่าคนญี่ปุ่นจะชอบเล่นเกมชิวๆ มากกว่า (จริงเหรอ แอดว่าเกมญี่ปุ่นมักยากกว่าเกมจากฝั่งตะวันตกนะ)

Q: Final Fantasy ยังมี Remake แล้ว Dragon Quest จะทำบ้างไหม

A: ถ้าภาค 11 ขายดี ก็อาจจะคิดถึงการทำเกมภาคเก่าๆ ใหม่ เพราะคนเล่นหน้าใหม่อาจจะสนใจย้อนเล่นภาคเดิม (เกร็ดเล็กน้อย จริงๆแล้ว Dragon Quest เคยทำ Remake มาหลายครั้งแล้ว ที่เด่นๆ เลยก็คือภาค 5 ใน PS2 และภาค 7 ใน 3DS และภาคอื่นๆ อีกมากมาย แต่นี่น่าจะหมายถึงรีเมกให้เป็นสามมิติเต็มรูปแบบเหมือนอย่างที่ทำ Final Fantasy VII Remake)

Q: คิดว่าภาคนี้จะขายดีแค่ไหนใน South East Asia

A: ก็หวังว่าภาค 11 จะทำให้แฟนๆ ใน SEA ดีใจ และดึงดูดแฟนๆ หน้าใหม่เข้ามาด้วย จริงๆ แล้วพวกเราเองก็รู้ว่ามีแฟนๆ อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เราไม่รู้ว่าแฟนเกมนี้อยู่เท่าไหร่กันแน่ การที่มาทำ Event นี้ก็ทำให้รู้ว่ามีแฟนๆ อยู่มากแค่ไหน

Q: Dragon Quest ภาคหลักยังเป็น Turn-base อยู่ มีความกังวลอย่างไรบ้างกับระบบเกมแบบนี้ และมีแผนจะเปลี่ยนรูปแบบการเล่นแบบภาค Heroes บ้างไหม

A: เราก็เข้าใจว่ามีคนไม่ชอบระบบแบบนี้อยู่ แต่เกมนี้ก็ทำมาเพื่อแฟนๆ และครบรอบ 30 ปี จึงไม่ได้กังวลกับผลตอบรับ แต่ก็มีโอกาสจะเปลี่ยนระบบการเล่นได้ในอนาคต แต่จะไม่เหมือนกับภาค Heroes

Q: มีเกมมากมายที่ทำ Collaboration (Cross-Over) แล้ว Dragon Quest มีโอกาสที่จะทำบ้างไหม

A: ถ้าหากเกมอื่นเข้ามาพูดคุยก็มีโอกาสเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจว่านอกญี่ปุ่น Dragon Quest ไม่ได้ดังมาก เพราะฉะนั้นก็ติดตามกันต่อไป (แต่ก็เคยไป Cross กับ FFXIV แล้วครั้งนึง โดยครั้งนั้นเป็นการเอา Dragon Quest X ที่เป็นภาคออนไลน์มา)

หลังจบสัมภาษณ์ มีการแจกโปสเตอร์พร้อมลายเซ็นด้วย !!

และนี่คือบทสัมภาษณ์ทั้งหมด ส่วนตัวผู้เขียนเองแล้วรู้สึกว่า Dragon Quest XI เป็นเกมที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก สิ่งแรกเลยก็คือการที่ตัวเกมหันมาใช้ Graphics สมัยใหม่ผ่าน Unreal Engine เองนี่ล่ะครับ หากคนที่เป็นแฟนซีรี่ส์นี้ก็จะรู้ว่า Dragon Quest จะทำเกมลงให้กับเครื่องพกพาอย่าง NDS และ 3DS มาตลอดในระยะหลังๆ งานนี้ใครที่เป็นแฟนๆ หรือผู้เล่นหน้าใหม่ๆก็บอกเลยว่า ห้ามพลาด !!