นับวันเกมแอ็คชั่นเดินหน้ายิงสมัยนี้ยิ่งชูจุดขายเรื่องความสมจริง อินสุด ประมาณว่าได้สวมบู้ทลงไปลุยในสมรภูมิเองเลยนะตัว ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าภาพกราฟิกเอนจิ้นในเกมมันสวยเหมือนภาพถ่ายมากขึ้น เสียงเอฟเฟคต์ก็ฟังดูเหมือนของจริงมากขึ้น แถมมุมกล้องและเทคนิคการเล่าเรื่องก็ดูเนียนขึ้นอีก แต่ถ้าอยากให้เกมสมจริงจริงจริ๊งก็ช่วยกลับมาดูเรื่องง่าย ๆ อย่างระบบในเกมที่ยังดูไร้ตรรกะในโลกแห่งความจริงกันก่อนดีไหม? และต่อไปนี้คือ 5 จุดพิลึกที่พบได้เกลื่อนในเกมแนวแอ็คชั่นแต่ไม่เห็นจะเมคเซ้นส์เลยในชีวิตจริง จะแปลกจะเพี้ยนแค่ไหนไปดูกันเลย
อันดับ 5 ฆ่าคนเป็นร้อยไม่เห็นรู้สึกรู้สา
แน่นอนว่าเป็นเกมแอ็คชั่นทั้งทีก็ต้องมีศัตรูมาให้ผู้เล่นได้ยิงกันบ้าง แต่พอฆ่าโจรที่ดาเข้าหน้ามาเป็นคนที่ร้อย พระเอกของเราก็ควรจะตักน้ำใส่กระโหลกชะโงกดูตัวเองบ้างว่า “นี่ตูเป็นพระเอกหรือเป็นอภิมหาฆาตกรต่อเนื่องกันแน่ฟะ?” เพราะคนปกติที่เป่าคนไปขนาดนี้คงสติแตกไปนานแล้ว ที่น่ากลัวกว่านั้นคือตัวเอกยังไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องนี้อีกต่างหาก แบบนี้เขาไม่เรียกว่าพระเอกหรอก มันคือปีศาจไร้หัวใจในร่างมนุษย์ชัด ๆ !
คุณสามารถพบตัวเอกลักษณะนี้ได้บ่อย ๆ ในเกมเดินหน้ายิงแนวทหารอย่างซีรี่ส์ Call of Duty ที่ยิ่งฆ่าเยอะเพื่อนยิ่งยกย่องว่าเป็นฮีโร่ซะงั้น หรือเกมแอ็คชั่นผจญภัย Uncharted ภาคแรก ๆ ที่พระเอกฆ่าคนเป็นผักปลาแล้วก็ตบมุกเล่นหัวหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (อี Nate โรคจิต!) อย่างไรก็ตาม เราเห็นเกมใหม่ ๆ บางเกมพยายามแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยการใช้เหตุการณ์ในเรื่องเป็นข้อแก้ต่างให้ตัวเอก อย่างเช่น เกม Spec-op: The Line ที่พระเอกทำไปเพราะสนองความบ้าสงคราม หรือ Tomb Raider ภาคปี 2013 ที่นางเอกจำต้องเชือดเพื่อให้ตัวเองรอด ซึ่งมันช่วยให้ตัวเอกในเกมดูมีมิติและยังทำให้เกมเมอร์อินกับเนื้อเรื่องได้มากขึ้นด้วย
อันดับ 4 ไม่ต้องกิน! ไม่ต้องนอน! ลุยแม่มไม่หยุด!
เรื่องนี้เห็นได้กราดเกลื่อนมากในเกมเดินหน้ายิงเกือบทุกเกม ตั้งแต่ต้นจนจบตัวเอกของเราออกบู๊ข้ามวันข้ามคืนโดยไม่ได้พัก ไม่ได้เข้าห้องน้ำ และไม่ได้แด๊กอะไรเลย แต่ก็ยังเดินเหินสะดวกยิงแม่นโคตรไม่เปลี่ยนแปร คือก็เข้าใจนะว่าไม่ได้กินไม่ได้นอน 2-3 วันคนเราก็ไม่ตายหรอก แต่การต้องวิ่งหลบกระสุนศัตรูตลอดเวลามันเหนื่อยนะเหวย ที่สำคัญกว่าคือหิวด้วย แม้กระนั้นนาย Gordon Freeman จากเกม Half-Life กลับวิ่งแหลกแจกกระสุนทั้งวี่ทั้งวันแบบนันสต๊อปได้ซะงั้น ซึ่งถ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ท่านอื่นคงเป็นลมเป็นแล้งไปนานแล้วล่ะ
เกมแนว RPG และ Survival หลายเกมได้พยายามมาอุดช่องโหว่ในเรื่องนี้ด้วยการเติมระบบกินข้าว กินน้ำ และการนอนพักเพื่อให้ตัวละครหายเหนื่อย สำหรับเกมแอ็คชั่นอาจจะไม่ต้องเล่นใหญ่ขนาดนั้น แค่มีฉากคัทซีนที่ตัวละครนั่งล้อมวงกินข้าวพูดคุยกันบ้างตามเนื้อเรื่องก็น่าจะเพียงพอแล้ว นอกจากมันจะช่วยให้ตัวเอกดูเป็นคนมากขึ้นแล้วมันยังช่วยเพิ่มความลึกให้ตัวละครในเกมได้ด้วยนะ
อันดับ 3 เทพปืนทุกกระบอกโดยไม่ต้องมีคนสอน
เคยสงสัยไหมว่าทำไมตัวเอกในเกมเดินยิงที่เป็นคนธรรมด๊าธรรมดาหรือทหารราบต๊อกต๋อยจึงคว้าปืนศัตรูมาใช้ได้ทันทีไม่มีสะดุด แถมยังรีโหลดกระสุนปืนได้อย่างไวไม่เคยพลาดอีก ที่งงไปว่านั้นคือในเกมที่มีเนื้อเรื่องแนวไซไฟหรือมีเอเลี่ยนมาเกี่ยวข้องอย่างซีรี่ส์ Half-life (อีกแล้ว) พระเอกของเราก็ดันเดินไปหยิบปืนต่างดาวที่ขยับดุ๊กดิ๊กได้เองมาสวมมือแล้วยิงได้หน้าตาเฉย คือเอ็งไม่กลัวปืนมันจะเขมือบมือตัวเองเรอะ? แล้วไปรู้ได้ยังไงเนี่ยว่าต้องเอานิ้วจิ้มตรงไหนมันถึงจะยิงให้?
หรืออย่างเกมตระกูล DOOM และ Wolfenstein ที่พระเอกไปหยิบปืนทดลองในแล็บมาใช้ได้เฉยเลย ไม่กลัวมันระเบิดใส่หน้าเหรอ? อย่างน้อยให้เกมมีฉากคั่นโชว์ให้เห็นหน่อยก็ได้ว่าพระเอกของเราใช้ปืนแปลก ๆ เป็นได้ยังไง แบบมีคนสอนหรือมีคู่มือใช้งานวางอยู่แถวนั้นก็ได้ ส่วนเรื่องการรีโหลดกระสุนก็ให้มันมีพลาดมีเติมช้ากว่าปกติบ้างก็ได้นะ อย่างเช่น เกม Gears of War และ Star Wars Battlefront ที่มีมินิเกมระหว่างเปลี่ยนแม็กกาซีนปืนให้เล่น ซึ่งมันทั้งช่วยเพิ่มความลุ่มลึกให้ระบบการเล่นและยังทำให้ตัวเอกดูเหมือนคนทั่วไปที่แม้จะเก่งแต่บางทีก็มีพลาดกันได้
อันดับ 2 แบกปืนเป็นตับ พอเปลี่ยนมาถือมีดดันวิ่งเร็วซะงั้น
ผู้ต้องหาในความลักลั่นข้อนี้ไม่ใช่เกมอื่นเกมไกล มันคือ Counter-Strike ที่พวกเราโจ้กันมาตั้งแต่วัยกระเตาะนั่นเอง คงจะจำกันได้ว่าเวลาเราซื้อปืนยิงช้างอย่าง 46 หรือปืนแรมโบ้หมายเลข 51 เมื่อไร ตัวละครของเราก็จะเดินช้าป็นเต่าคลานโดยพลัน แต่ทันใดที่คุณเปลี่ยนมาถือปืนพกหรือมีด คุณก็จะกลับมาวิ่งปรู๊ดประหนึ่งนักวิ่ง 4×100 ซะงั้น แม้แต่เด็กอนุบาลก็ยังคิดได้ว่ามันจะวิ่งเร็วขึ้นได้ไงฟะ? ก็ไอ้ปืนหนัก ๆ มันก็ยังแบกอยู่บนหลังเราไม่ใช่เรอะ?
ส่วนเรื่องแบกปืนเป็นกระบุงนี่เห็นได้เกลื่อนกราดมากในเกมแนวยิงแหลก อย่างเช่น Serious Sam Unreal หรือ GTA ประมาณว่าพระเอกคนเดียวแบกมันทั้งปืนพก ปืนลูกซอง ปืนกล ปืนบาซูก้า ปืนเลเซอร์ ฯลฯ คือชาติที่แล้วเกิดเป็นรถบรรทุกหรือไงถึงขนได้ขนดีขนาดนี้ อันที่จริงความเพี้ยนในจุดนี้แก้ได้ง่ายมาก เพียงแค่ให้ตัวละครผู้เล่นเลือกหิ้วปืนได้ทีละไม่เกิน 2 กระบอกอย่างในซีรี่ส์เกม Halo, Battlefield ก็พอ หยวน ๆ ให้แถมมีดติดตัวอีกเล่มนึงก็ได้ แล้วก็ช่วยทำให้ความเร็วในการวิ่งของตัวละครไม่แปรผันตามอาวุธในมือนะจ๊ะ น้ำหนักของสสารมันไม่หายไปจากโลกหรอกจ้ะ
อันดับ 1 ทนทายาดยิ่งกว่ากระจั๊วแถมเพิ่มเลือดได้เองอีก
ก็เข้าใจว่าเป็นพระเอกในเกมแอ็คชั่นทั้งทีมันก็ต้องมีฉากเจ็บตัวให้ดูแมน ๆ กันบ้าง แต่ถ้าถึงขั้นโดนมีดปักอกจนมิดด้าม (Modern Warfare 2) โดนลูกตระกั่วเจาะกบาล (Max Payne 2) เรือแตก ร่อนมาฟาดกับต้นไม้ ตามด้วยโดนเหล็กแหลมเสียบทะลุพุง (Tomb Raider) ไม่ว่าจะเป็นใครมันก็ต้องจองศาลาวัดกันแล้ว นี่ดันลุกขึ้นมาปัดฝุ่นสองสามทีแล้วเดินลุยต่อเฉยเลย ไม่ต้องนอนห้อง ICU ไม่ต้องทายา ติดพลาสเตอร์อะไรทั้งนั้น คือเอ็งยังเป็นคนอยู่จริงเรอะ??? นอกจากนี้ระบบฟื้นฟูพลังชีวิตได้เองสุดฮิตของเกม FPS สมัยนี้ก็ยิ่งทำให้ประเด็นนี้ดูพิลึกขึ้นไปอีก เพราะนอกจากตัวเอกจะอึดสัสรัสเซียแล้วแกยังเป็นมิวแต้นท์แบบเฮียวูล์ฟเวอรีนด้วย
เรื่องนี้เกมเมอร์ชอบนำมาล้อกันบ่อย ๆ จนช่วงหลัง ๆ ก็มีทีมพัฒนาเกมหลายทีมที่พยายามแก้ไขความไม่เนียนในจุดนี้ วิธีแรกคือที่พวกเขาใช้คือฆ่าตัวเอกทิ้งตามเนื้อเรื่องแม่มเลย อย่างเกม COD 4 ที่ให้ตัวละครหลักซึ่งอยู่ในรัศมีระเบิดนิวเคลียร์ซี้แหงแก๋ไปซะ วิธีที่สองคือแก้ที่ระบบพลังชีวิตในเกม อย่างเช่น ในเกม Battlefield ที่ทหารสามารถฟื้นพลังชีวิตได้เองนิดหน่อยเท่านั้น หากอยากกลับมาฟิตเต็มร้อยก็ต้องไปขอกล่องพยาบาลจากทหารคลาส Medic ดูเอาไว้เป็นเยี่ยงอย่างนะจ๊ะทีมพัฒนาเกมสายแอ็คชั่นทั้งหลาย ปรับนิด ๆ หน่อย ๆ แค่นี้ก็ทำให้พระเอกในเกมดูเป็นผู้เป็นคนได้แล้วล่ะ