ปีนี้น่าจะเป็นปีฮาเฮอีกปีสำหรับเกมเมอร์แฟนบอย Star Wars ทั้งหลาย เพราะนอกจากจะมีหนังภาค 9 ให้ดูกันปลายปีนี้ ยังมีเกมเล่นคนเดียวสายเนื้อเรื่องแบบเน้น ๆ อย่าง Star Wars Jedi: Fallen Order ออกมาให้ด้วย แต่ถึงเกมจะดูน่าเล่นสุด ๆ แถมยังรับประกันฝีมือจากทีมพัฒนาเกม Apex Legends และ Titanfall อีกต่างหาก เราดันไม่รู้เลยว่าเกมเพลย์มันเป็นยังไง มีฟีเจอร์เด็ด ๆ อะไรมั่ง ก็ได้แต่หวังว่าเกมจะปล่อยฟีเจอร์เจ๋ง ๆ ออกมาให้เห็นเหมือนเกม Star wars สมัยก่อนนะ อะไรนะ? เกิดไม่ทันเกม Star Wars เมื่อกาลก่อนเหรอ? งั้นปู่ต้องขอเล่าให้ฟังหน่อยแล้วว่าฟีเจอร์ที่มีพลังสถิตอย่างแก่กล้าพวกนี้คืออะไรบ้าง
สวมบทกัปตันยาน Millenium Falcon บุกแกนกลาง Death Star II
เกม Star Wars: X-Wing Alliance
เกม X-Wing และ TIE-Fighter ถือเป็นซีรี่ส์ในตำนานสำหรับคอเกมสาย Space Flight Simulator ทั้งหลาย แต่เกม X-Wing Alliance ถือเป็นเกมแรกที่ให้เกมเมอร์ได้ควบคุมยานเศษเหล็กที่เร็วที่สุดในจักรวาลนามว่า “Millennium Falcon” เพื่อลุยในสงครามอวกาศที่ปรากฏให้เห็นในภาพยนตร์ไตรภาคดั้งเดิม แถมยังมาพร้อมกับคุณภาพกราฟิกแบบดูดีขึ้นผิดหูผิดตาจากเกมลูกพี่ 2 ภาคก่อนหน้าด้วย
X-Wng Alliance ถือเป็นเกมขับยานในซีรี่ส์ Star Wars เกมแรกที่ให้ผู้เล่นได้ขับยานรบลุยในปฏิบัติการใหญ่ อันประกอบไปด้วยภารกิจย่อย ๆ หลายภารกิจติดต่อกัน ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะพายานเข้าสู่ความเร็วแสงในทันทีที่จบภารกิจ หรือจะพักเติมกระสุนและเชื้อเพลิงก่อนลุยต่อ (หากทำอย่างนั้นยานเพื่อนที่ควบคุมโดย AI ก็จะบินไปบู๊ก่อนเลยโดยไม่รอเรา) แต่ที่สำคัญกว่าคือผู้เล่นจะได้ขับยาน Millenium Falcon พร้อมกับคุมลูกเรือหลายคนซึ่งประจำอยู่ตามตำแหน่งต่าง ๆ บนยาน ซึ่งในระหว่างบินปะทะกับฝูง TIE-Fighter ผู้เล่นยังสามารถสลับไปมาระหว่างการนั่งอยู่ในค็อกพิต กับการไปคุมป้อมปืนด้านบนด้านล่างของยาน Millenium Falcon ได้ด้วย แถมยังมีโบนัสเป็นด่านที่ให้ผู้เล่นได้พายานลำนี้บินซอกซอนฝ่าโครงสร้างสลับซับซ้อนของดาวมรณะ Death Stars II แล้วยังต้องบินหนีออกมาโดยมีทะเลเพลิงจี้ตูดมาติด ๆ ด้วยนะ บอกเลยว่าตอนที่เกมเมอร์นักบินอย่างเราได้เล่นครั้งแรกมันฟินมากเลยล่ะคุณเอ๋ย
ระบบดวลกระบี่แสง free flow
เกม Star Wars Jedi Knight II: Jedi Outcast & Jedi Academy
Star Wars Jedi Knight: Darkforce II ถือเป็นเกม FPS เกมแรกที่ให้เกมเมอร์ได้ควงกระบี่แสงในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง แต่ Jedi Outcast และ Jedi Academy คือเกมแรกที่ให้ผู้เล่นได้เป็นผู้ยอดยุทธในเพลงดาบ Lightsaber อย่างแท้จริง
จุดที่แตกต่างจากเกมแอ็คชั่นฟันดาบอื่น ๆ ก็คือเกมนี้ไม่มีการล็อคเป้าศัตรู ไม่มีการจำกัดการเคลื่อนไหวตัวละคร และไม่มีนับเลขคอมโบให้เห็น ทุกเพลงดาบและทุกลีลาการเคลื่อนไหวขึ้นอยู่กับทักษะของผู้เล่นล้วน ๆ จะฟันโดนหรือไม่โดน หลบกระบี่แสงของศัตรูได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับมือของคุณเท่านั้น ซึ่งมันเปิดให้ผู้เล่นเลือกสไตล์การสู้ของตัวเองได้อย่างอิสระ หรือแม้แต่คิดสไตล์ใหม่ของตัวเองมาก็ยังได้ ฟีเจอร์นี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้โหมดหลายผู้เล่นของเกมนี้เล่นสนุกเป็นพิเศษ เพราะผู้เล่นแทบจะเดาทางไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน เมื่อบวกกับระบบการควบคุมที่ทั้งง่ายทั้งไหลลื่นและพลัง Force ของเจไดยิ่งทำให้เกมเล่นสนุกมากแบบไม่ซ้ำใคร ถ้าภาค Fallen Order ทำให้ระบบฟันดาบดีกว่านี้ได้ก็เตรียมมันส์กันล่ะเอ็งเอ๋ย
จิกหัวสั่งลูกทีมยิก ๆ กับระบบออกคำสั่ง Squadmate
เกม Star Wars: Republic Commando
แฟน ๆ ที่ชอบเล่นเกมแอ็คชั่นสตาร์วอร์สในอดีตมักจะต้องลุยแบบหัวเดียวประเทียมลีบมันเสียทุกที จนกระทั่งเกม Republic Commando ออกมาสอนให้เรารู้ว่าการมีสหายศึกเคียงข้างมันดีอย่างนี้นี่เอง เอาจริง ๆ สิ่งที่เกมนี้ทำก็แค่ก็อปคอนเซ็ปต์ของเกมแอ็คชั่นเชิงกลยุทธ์อย่าง Rainbow 6 หรือ SOCOM มาใส่ในจักรวาล Star Wars เท่านั้น แต่ความเจ๋งมันอยู่ตรงที่ทีมพัฒนาได้ขัดเกลาระบบการสั่งเพื่อนให้เรียบง่าย ทำ AI ลูกทีมให้ฉลาด แถมยังเติมบุคลิกเฉพาะตัวให้พวกเขาด้วย
ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นหัวหน้าหน่วย Republic Commando แห่งกองทัพโคลนและสามารถสั่งการให้ลูกทีมรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้ด้วยปุ่มคำสั่งเพียงปุ่มเดียว แล้วสมาชิกคอมมานโดของคุณก็จะวิ่งไปประจำตำแหน่งจุดซุ่มด้วยปืนสไนเปอร์ เตรียมบุกทะลวงประตูด้วยลูกระเบิดมือ หรือวิ่งขึ้นป้อมปืนแล้วยิงถล่มทุกอย่างที่ขวางหน้า และเนื่องจากตัวเอกของคุณโดนกระสุนเลเซอร์ไม่กี่นัดก็ลงไปนอนคว่ำแล้ว สหายศึกของคุณจึงเป็นอาวุธชิ้นสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้คุณมีชีวิตยืนยาว (แถมพวกเขายังสามารถปั๊มหัวใจให้คุณได้ด้วย) การได้สั่งการและพึ่งพาเพื่อนร่วมทีมในสมรภูมิ Star Wars เป็นประสบการณ์อันน่าจดจำที่แฟน ๆ อย่างเราหาไม่ได้ง่าย ๆ ก็ได้แต่หวังว่าซักวันเกมนี้จะมีภาคต่อออกมานะ…
รบกันตั้งแต่พื้นดินยันอวกาศกับโหมด Galactic Conquest
เกม Star Wars: Battlefront II (ภาคปี 2005)
อยากแกว่งดาบเลเซอร์ก็ได้ทำไปแล้วใน Jedi Knight อยากสั่งเพื่อนร่วมหน่วยก็ทำใน Republic Commando ไปสิ แต่ถ้าอยากจะลุยในสมรภูมิ Star Wars สุดอลังการกับเกมเมอร์คนอื่นจะไปหาเกมอะไรเล่นดีล่ะ? คำตอบก็คือเกม Battlefront ไงล่ะ! แล้วถ้าอยากรบทั้งบนพื้นดินทั้งในห้วงอวกาศล่ะ? ก็เล่นภาคต่อของ Battlefront สิ! (หมายถึงภาคดั้งเดิมนะ) เกมภาคนี้เปิดให้ผู้เล่นสวมบทเป็นทหารราบ Stormtrooper เป็นเจไดฮีโร่ Luke Skywalker เป็นผลขับหุ่นยักษ์สี่ขา AT-AT หรือจะเป็นสุดยอดนักบินผู้ขับ X-Wing เข้าไปถล่มยานแม่ Star Destroyer ก็ยังได้
จุดเด่นของ Battlefront II คือความใหญ่ยักษ์ของสมรภูมิอวกาศ ความหลากหลายของฮีโร่และยานพาหนะแทบทุกชนิดจากหนังทุกภาค และความอิสระเปิดกว้างให้ผู้เล่นอยากทำอะไรก็ทำโดยไม่มีการจูงมือแต่อย่างใด อยากจะลุยเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับเพื่อนเหรอ? เชิญเลย อยากจะขับยาน Snowspeeder ไปพันขา AT-AT เหรอ? ก็เอาสิ จอดอยู่ตรงนั้นไง
นอกจากสมรภูมิขนาดยักษ์ที่รองรับผู้เล่นถึง 64 คน ทีมพัฒนา Pandemic Studios ยังอุตส่าห์ใส่โหมด Galactic Conquest ให้เกมเมอร์เปิดศึกระดับกาแล็กซีได้ด้วย โดยผู้เล่นจะสามารถเลือกได้เองว่าจะนำทัพไปยึดดาวดวงไหน เลือกแล้วก็ลงไปคุมทหารออกรบในสมรภูมิเบื้องล่างด้วยมือตัวเองเลย หากกองกำลังของคุณคว้าชัย ทัพของคุณก็จะแข็งแกร่งขึ้นและสามารถบุกยึดดาวของศัตรูได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกัน AI ฝ่ายศัตรูก็จะโต้ตอบผู้เล่นด้วยการบุกสวนกลับเป็นระยะ ๆ เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมของเกมวางแผนและเกมแอ็คชั่นแบบกำลังดี และที่สำคัญคือมันไม่ใช่โหมดหลักเพียงโหมดเดียวของเกมนี้ด้วยซ้ำ ยังมีโหมดแคมเปญ โหมดมัลติเพลเยอร์ โหมด Skirmish สู้กับบอทและอื่น ๆ ให้เล่นอีกเพียบ Battlefront II จึงเป็นเหมือนยุคทองของเกม Star Wars ที่จัดหนักจัดเต็มชนิดหาไม่ได้อีกแล้วในเกมสมัยนี้
ระบบ Light side และ Dark side ที่ส่งผลต่อเส้นเรื่องของเกม
เกม Star Wars: Knight of the old republic
น้อยเกมนักที่เปิดให้คุณเล่นเป็นวายร้ายใน Star Wars (ทั้ง ๆ ที่เป็นตัวร้ายมันเท่กว่าตั้งเยอะ) และที่น้อยกว่านั้นคือเกมที่ให้คุณกำหนดเส้นเรื่องของวายร้ายได้ด้วยมือคุณเองเฉกเช่น Knight of the old Republic หรือ KOTOR คุณจะได้ผจญภัยในจักรวาล Star Wars เมื่อ 3,000 ปีก่อนเหตุการณ์ในภาพยนตร์ เพื่อรวมทีมต่อสู้กับกองทัพซิธ ค้นหาปูมหลังที่แท้จริงของตัวเอก อ้อ แล้วก็ได้ควงกระบี่แสงฟาร์มเลเวลให้ตัวละครด้วยนะ
จุดที่เจ๋งของ KOTOR นอกจากเนื้อเรื่องสุดเจ้มจ้นก็คือการที่เกมให้ผู้เล่นกำหนดเส้นเรื่องได้เองว่าอยากให้ตัวเอกของคุณเป็นฮีโร่ม้ามืดผู้มากอบกู้จักรวาล หรือเป็นอภิมหาตัวร้ายเลวบริสุทธิ์ที่ไร้ซึ่งคุณธรรมใด ๆ ในจิตใจ ทุกการกระทำของคุณจะถูกวัดด้วยค่า Light side และ Dark side ซึ่งส่งผลกับเนื้อเรื่องของเกมโดยตรง บทสนทนาของตัวละครก็จะเปลี่ยนไปตามความดีหรือความเกรียนของคุณ เควสต์ที่มีให้ทำก็จะเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งฟีเจอร์กรรมดีกรรมชั่วนี้ถือเป็นก้าวใหญ่สำหรับทั้งเกม Star Wars และวงการเกม RPG ในภาพรวม อีกทั้งยังเป็นต้นแบบให้กับซีรี่ส์ในตำนานอย่าง Mass Effect อีกต่างหาก แฟน Star Wars คนไหนยังไม่ได้เล่นเกมนี้ควรรีบไปหามาโจ้โดยพลัน แค่เอามาเสพย์เนื้อเรื่องในเกมก็เกินคุ้มแล้วครับท่าน