ในงาน Thailand Game Show 2019 ทาง Sony ได้จัด Media Session ขึ้น ณ ศูนย์การค้า สยามพารากอน Sony Store โดยภายในงานเราจะได้พบกับคุณ โยชิโนริ คิตาเซะ Producer ของเกม Final Fantasy VII Remake กันแบบสดๆ
โดยภายในงานนี้คุณคิตาเซะจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Final Fantasy VII Remake พร้อมกับพูดถึงการพัฒนาเกม และการทำงานของทีมพัฒนา แน่นอนว่าทาง Beartai เองก็ได้รับเกียรติจาก Sony Interactive Entertainment ให้เข้าร่วมฟังการพูดคุยในครั้งนี้ด้วยครับ
Project
Final Fantasy VII ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของวงการเกม ด้วยการที่ตัวเกมภาคต้นฉบับนั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยในตัวเกมเวอร์ชัน Remake นั้นทีมงานจะยึดหลักกับองค์ประกอบของภาคต้นฉบับไว้เหมือนเดิมทั้งหมด และเพิ่มสิ่งใหม่ๆ เข้าไป โดยเจาะลึกไปที่ตัวละครมากขึ้นกว่าเดิม
“จุดมุ่งหมายก็คือการสร้าง JRPG สำหรับยุคใหม่ โดยไม่ใช่แค่นำเอาเกมมา Remake เฉยๆ” โยชิโนริ คิตาเซะ
ตัวเกมได้มีการออกแบบระบบต่อสู้ขึ้นมาใหม่ ด้วยการต่อสู้แบบ Action Real Time ผสมผสานกับระบบดั้งเดิมอย่าง ATB Command Base แน่นอนว่าทีมงานนั้นยังคงให้ความสำคัญกับการต่อสู้ที่เน้นกลยุทธ์แบบเดียวกับ Final Fantasy ภาคเก่าๆ
ยกตัวอย่างเช่น ระหว่างการต่อสู้ ผู้เล่นจะสามารถเข้าสู่ Tactical Mode ได้ เมื่อเข้าโหมดนี้แล้ว เวลาที่เดินก็จะช้าลงซึ่งในโหมดนี้ลักษณะพิเศษเหมือน JRPG แบบเดิมๆ เพื่อที่จะทำให้แฟน ๆ ที่ไม่ถนัดการเล่นแบบ Action หรือแฟนๆที่ต้องชอบระบบการต่อสู้แบบสมัยก่อน สามารถสนุกไปกับเกมได้เหมือนกัน
ระบบ Loadout และ Materia นั้นยังคงเป็นแบบเดิม เพิ่มเติมคือลูกเล่นที่เยอะมากขึ้น ในส่วนของ Summon ระหว่างที่มีการต่อสู้กับศัตรูบางตัวเมื่อเกจ Summon เต็ม เราก็จะเรียกสัตว์อสูรออกมาได้ และมันจะทำการโจมตีเอง เป็นส่วนหนึ่งของ Party และถ้าเกจ ATB เต็ม เราสามารถใช้คำสั่งสกิลพิเศษของสัตว์อสูรได้ แต่มันจะสู้ไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะใช้ท่าไม้ตายและหายตัวไป
โดยในวันที่ 26 ตุลาคม 2562 นั้น คุณคิตาเสะจะมาพูดถึงระบบ Summon กันใหม่ พร้อมโชว์ Demo กันสดๆที่บูธ Facebook Gaming ในงาน Thailand Game Show 2019 อีกด้วย
จากการที่ตัวเกมนั้นได้สร้างโลกขึ้นมาใหม่ และการทำเกมขึ้นใหม่ ทำให้ตัวเกมมีขนาดเยอะขึ้นมากๆ และตัวเกมจะมีขนาด Blu-ray ถึง 2 แผ่น โดยทีมงานเชื่อว่ามันจะทำให้แฟนๆพอใจได้ เนื่องจากตัวเกมนั้นมีเนื้อหาคอนเทนต์ที่เยอะมากๆเลยทีเดียว และสามารถทำให้แฟนๆได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
Development
คุณคิตาเสะได้บอกว่า เกม Final Fantasy Series นั้นมี Keynote ในการพัฒนาเกมอยู่ทั้งหมด 3 อย่างก็คือ “Innovation” “เนื้อหาภายในเกม” และ “การทำให้ผู้เล่นประหลาดใจ” โดยตัวเกมภาค Remake นั้นก็ยังคงยึดองค์ประกอบเหล่านี้อยู่ โดยทีมงานมุ่งมั่นที่จะทำให้เกมภาคนี้เกินความคาดหมายมากกว่าที่หลาย ๆ คนคาดไว้ และจะทำให้แฟน ๆ ทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ประทับใจอีกด้วย
เหล่าทีมงานนักพัฒนาเกม หรือ Developer ในภาคนี้นั้น แน่นอนว่ามีคนที่เคยทำในภาค Original และก็ยังมีชาวต่างชาติเข้าร่วมการพัฒนาในครั้งนี้อีกด้วย และทางทีมงานเองต่างก็อยากจะนำเสนอผลงานด้านอื่น ๆ นอกจากการปรับกราฟิกอย่างเดียว หรือแค่เนื้อหาที่ลึกขึ้น แต่ทีมงานตั้งใจจะให้ผู้เล่นนั้นได้สัมผัสกับนวัตกรรมล่าสุดของการพัฒนาเกมเลยทีเดียว
Midgar
ฉากหลักของเกมนี้ก็คือ Midgar ในการสร้างโลกนี้ขึ้นมานั้น ทีมงานยังคงยึดติดกับ Theme เดิมเอาไว้ นั้นก็คือ Dark Modern Steampunk แบบภาคดั้งเดิม โดยแสงและสีสันที้อยู่ใน Midgar จะแสดงตัวตนของความเป็น Final Fantasy ออกมา และไม่ใช่แค่ภาพที่สมจริงเท่านั้น แต่ทีมงานยังพยายามออกแบบเกมให้เป็นดั้งเดิมแบบที่ตั้งใจเอาไว้ในตอนแรกของการทำเกมต้นฉบับเลยทีเดียว
หลายๆคนคิดว่า Midgar เป็นเมืองที่มีแต่ความมึด แต่จริงๆแล้วในเมืองนั้นจะเต็มไปด้วยแสงสีที่หลากหลาย ซึ่งทีมงานคิดว่าผู้เล่นจะสัมผัสตรงจุดนี้ได้ โลกที่สวยงาม จินตนาการที่หลากหลายสมคำว่า “Fantasy”
จนถึงตอนนี้นั้นทีมงานก็ยังคงพัฒนา Midgar กันอยู่อย่างเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ทีมงานได้เตรียมเนื้อหา และ Concept ของเกมภาคต่อไปแล้ว
Characters
ในภาค Original นั้นไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องเสียงพากย์ Motion Capture นอกจาก Cutscene แต่ว่าในภาคนี้ Remake ทีมงานได้จัดเต็มกับการพากย์เสียง และ Motion Capture ที่มากมายหลากหลาย และมันจะทำให้ผู้เล่นอินกับตัวละครมากขึ้น
ในการ Final Fantasy VII Remake ทีมงานได้เอานำเอานักพากย์รุ่นใหม่มาให้เสียงตัวละคร และทีมงานมันจะทำให้ทั้งผู้เล่นยุคดั้งเดิมและยุคใหม่ รู้สึกพอใจที่สุดครับ
Product Outline
สำหรับใครที่กำลังสงสัยอยู่ว่าตัวเกมจะมีชุดนักสะสมขายในไทยหรือไม่ วันนี้ผมมีคำตอบมาให้ และต้องบอกว่ามันพิเศษสำหรับชาวไทยสุดๆ
เริ่มต้นกับ Standard Edition ที่จะมาพร้อมกับ Blu-ray สองแผ่น ในราคา 1890 บาท สำหรับคนที่ Pre-Order ก็จะได้รับ Materia Chocobo Chick Summon และ Exclusive Poster แต่สำหรับ Digital นั้นก็จะมีราคาที่ถูกลงมา 1740 บาท และจะได้รับ PS4 Dynamic Themel อีกด้วย
ต่อมาคือชุด Deluxe ราคา 2490 บาท โดยจะมาพร้อมกับ Handback Artbook และ Mini-Soundtrack CD กล่องเหล็ก Steelbook พร้อมกับ Cacture และ Carburcle Summon Materia และมีของ Pre-Order Bonus เหมือนกับ Standard Edition เหมือนกันทุกอย่าง โดยชุด Deluxe นี้ไม่มีวางขายในญี่ปุ่นอีกด้วย
และสุดท้ายกับชุด 1st Class Edition ราคา 10990 บาท ที่จะได้รับตัวเกมเวอร์ชัน Deluxe เหมือนกันทุกอย่าง เพิ่มเติมคือฟิกเกอร์ Cloud จาก Play Arts งานละเอียดสุดเท่ ที่หาชื้อที่ไหนไม่ได้ แถมยังมีจำนวนจำกัดอีกด้วย งานนี้ใครเป็นแฟน Final Fantasy ตัวจริง ก็ห้ามพลาดเลยเด็ดขาดครับ
โดยสินค้าทั้งหมด ได้เปิดจองในงาน Thailand Game Show 2019 อีกด้วย โดยงานจัดขึ้นยาวๆ 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2562 นี้ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ภายในงานก็ยังมี Demo ให้ลองเล่นอีกด้วยนะเออ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส