เมื่อคืนวานวันที่ 10 ตุลาคม 2019 ที่ผ่านมา Capcom ค่ายพัฒนา/จัดจำหน่ายเกมที่กำลังดวงขึ้นเป็นอย่างมากในตอนนี้ ได้สร้างความช็อกอีกหนึ่งเวฟให้แก่เกมเมอร์รุ่นหนวดทั้งหลาย ด้วยการเปิดตัว Resident Evil 3 Remake เกมผีชีวะที่มีนักทวงบัญชีอย่างเนเมซิซตามล่าอย่างไม่ลดละกลับมาอีกครั้งในแบบฉบับของการรีเมก สานต่อจากภาค Resident Evil 2 Remake ด้วยระยะเวลาเพียง 11 เดือนเศษ ๆ ซึ่งถ้าถามถึงความรู้สึกที่เกี่ยวเนื่องกับความทรงจำในวัยเด็กของเรา ๆ มันก็คงเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์นั่นแหล่ะครับ แต่ถ้าดูในเชิงรายละเอียด ก็อาจจะเห็นได้ว่า “การกลับมาของ Resident Evil 3 Remake ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจจนเกินคาดอะไรขนาดนั้น” แต่ด้วยเหตุผลอะไรกันบ้างล่ะ? บทความนี้มีคำตอบให้ครับ
ไม่ได้ทำใหม่ทั้งหมด แต่เป็นการนำโครงจาก Resident Evil 2 Remake มาใช้ (ซึ่งก็คือ RE Engine นั่นเอง)
หากสังเกตโมเดลของตัวละคร วัตถุ หรือรายละเอียดพื้นผิวทั้งหลายบนเทรลเลอร์ที่เพิ่งปล่อยมาล่าสุด ก็จะเห็นได้ว่ามีความคล้ายคลึงจากภาค Resident Evil 2 Remake เป็นอย่างมาก ซึ่งมันไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่อะไร เพราะมันมาจากขุมพลังของเอนจินสุดเทพของทาง Capcom อย่าง RE Engine (RE ย่อมาจาก Reach for the moon นะ) ที่นำเสนอพร้อมกับ photogrammetry เทคโนโลยีสแกน 3 มิติ จากต้นแบบจริงแล้วสร้างให้เป็นรูปเสมือนโดยการใช้กราฟิกซึ่งเป็นแนวทางใหม่ของ Capcom ที่จริง ๆ ก็เริ่มใช้ตั้งแต่ใน Resident Evil 7 แล้ว หรือพูดง่าย ๆ เลยคือ การมาของ Resident Evil 3 Remake ไม่ได้ยกเครื่องเอนจินอะไรใหม่ หากแต่เป็นการใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาต่อ โดยถ้าจะให้เจาะจงหน่อยเลยคือต่อยอดจาก Resident Evil 2 Remake นั่นเองครับ แต่ทั้งนี้จากที่เห็นในเทรลเลอร์จะสังเกตได้ว่าจิลสามารถหลบซอมบี้ได้ซึ่งมันก็คือทักษะที่ในภาคต้นฉบับมีนั่นแหล่ะ ก็เป็นเรื่องการันตีได้ประมาณหนึ่งว่าถึงจะเป็นการต่อยอดจากภาค 2 ที่เพิ่งรีเมกไป แต่ก็ไม่ได้ทำแบบสุกเอาเผากินนะจ๊ะ
ผลตอบรับภาค 2 รีเมกดีเสียขนาดนั้น ทำไมจะไม่ต่อยอดล่ะ?
ข้อนี้เป็นเรื่องของการตลาดที่ก็ไม่ได้ไกลตัวผู้เล่นอย่างเรา ๆ นัก เพราะมันว่าด้วยแรงสนับสนุน ที่เป็นเข็มทิศชี้ทางให้กับผู้พัฒนา/จัดจำหน่ายได้ในระดับหนึ่ง ว่าผลงานที่พัฒนานี้มีผลลัพธ์ที่ดีอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่ง Resident Evil 2 Remake ปัจจุบันมียอดขายมากถึง 5 ล้านก๊อปปี้ (รวมทุกแพลตฟอร์มแล้วนะ) แน่นอนว่ามันเป็นตัวเลขที่มากพอที่แคปหมูแกคิดริเริ่มจะสานต่ออะไรต่อมิอะไรในรูปแบบรีเมก
ลางสังหรณ์ของเกมเมอร์น่าจะแอบทริกเกอร์กันเบา ๆ ว่าภาคนี้ต้องรีเมก เพราะมันคือภาคที่แฟน ๆ โปรดปรานไม่น้อยหน้าไปกว่าภาคไหน ๆ
ข้อนี้จะดูเป็นอะไรที่ผู้เขียนมโนไปสักหน่อย แต่เอาเข้าจริง ๆ เกมเมอร์อย่างเรา ๆ น่าจะมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่างอยู่แล้ว เพราะ Resident Evil 3 ในภาคต้นฉบับเอง ก็เป็นหนึ่งในภาคที่แฟน ๆ โปรดปรานไม่แพ้ภาคไหน ๆ ที่ผ่านมา (การได้เล่นตำรวจสาวสวมเสื้อเกาะอกวิ่งหนีเนเมซิสผู้มีบาซูก้าและหนวดปลาหมึกเป็นอาวุธคู่ใจคือภาพวันวานในความทรงจำที่งดงามของพวกเรา!) แต่ถ้าจะให้เหตุผลหน่อย Capcom ก็เป็นอีกหนึ่งค่ายที่หากินกับเกมเก่า ๆ เก่ง (จะแพ้ก็แค่พี่เหลี่ยม Square Enix นี่แหล่ะมั้ง…) วัดได้จาก Resident Evil 4 ที่แม้จะไม่ได้รีเมกกับเขาเสียที แต่ก็เอามารีมาสเตอร์แล้วรีมาสเตอร์อีกจนถ้าเป็นคนคงถลอกปอกเปิกไปหมดแล้ว
เสียงลือเสียงเล่าอ้างดังมากมายในปี 2019 ที่ผ่านมา
ถ้าข้อที่ผ่านมาคือการมโนของผู้เขียน ข้อนี้น่าจะดูมีน้ำหนักหน่อย (ล่ะมั้ง…) เพราะมันว่าด้วยเรื่องของข่าวลือที่เราน่าจะได้ยิน/เห็นกันมาตลอดระยะช่วงกลาง – ท้ายปี 2019 นี้ ที่เว็บไซต์เกมต่างชาติได้กระซิบกระซาบว่ามีแหล่งข้อมูลปิดที่น่าเชื่อถือได้ว่า Resident Evil 3 กำลังทำการรีเมกอยู่ โดยมีแชนแนลยูทูบนาม Spawn Wave พี่แกได้ระบุช่วงปีไว้ว่าจะออกภายในปี 2020 ที่มันดันถูกต้องเสียด้วย! แต่ที่น่าแปลกใจคือไม่ใช่แค่เกมดังกล่าวเท่านั้น หากแต่ยังมีรายชื่อของ Dino Crisis เกมแม่สาวผมแดงตะแคงยิงไดโนเสาร์ที่อาจจะถูกรีเมกขึ้นมากับเขาด้วย ซึ่งในตอนนี้ Resident Evil 3 Remake ก็ได้ถูกทำออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว ก็คงต้องติดตามกันต่อไปแบบฟังหูไว้หูว่าข่าวลือทั้งหลายที่ต่างประเทศเขาเล่นกันมันจะจริงแท้ทุกข่าวไหม?
เนื้อเรื่องที่คาบเกี่ยวกัน เลยสมควรได้สัมผัสเรื่องราวในเวลาที่ใกล้เคียงกัน (ก็เร็วที่สุดเท่าจะเป็นไปได้ละนะ…)
นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ฟังดูขึ้นและไม่ขึ้นไปในตัว เพราะหากใครที่ยังพอจดจำเค้ารางเนื้อเรื่องของซีรีส์นี้กันได้ Resident Evil 3 จะคาบเกี่ยว อยู่ในเส้นขนานเวลาที่ใกล้เคียงกันกับในภาคที่ 2 ซึ่งเหตุการณ์ของทั้ง 2 ภาคจะเกิดขึ้นที่เมือง Raccoon City เหมือนกันพร้อมกับแบ่งฉากการเล่นบางพื้นที่ร่วมกันอีกด้วย แต่ในช่วงเวลาของเนื้อเรื่อง ภาค 3 จะเกิดก่อนภาค 2 เป็นระยะเวลา 1 วันถ้วน และจบลงในวันเดียวกันกับที่ตัวละครหลักทั้งหลายในภาค 2 หนีตายอพยพออกจากเมือง ทาง Capcom เลยอาจเห็นว่ารอยต่อเนื้อเรื่องนี้ ไม่ควรถูกเว้นระยะไว้นานหรือเปล่า? เลยอาจพัฒนาภาค 2 และภาค 3 ในเวลาที่ใกล้เคียงกัน เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้ผู้เล่นขาดตอน (ซึ่ง 11 เดือนก็ถือว่าเร็วมากแล้วละนะ หากวัดจากการต่อเติมหรือปรับแต่งอะไรเพิ่มเติมจากภาค Resident Evil 2 Remake)
ข้อมูล: Forbes, Wikipedia, EuroGamer, Spawn Wave
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส