เมื่อพูดถึงภาพยนตร์ที่ถูกสร้างมาจากเกมเชื่อว่าหลายคนคงจะมีภาพยนตร์ในดวงใจและภาพยนตร์จากเกมที่ไม่ชอบอยู่หลายเรื่อง ซึ่งนับตั้งแต่ที่ภาพยนตร์ที่มาจากเกมเรื่องแรกถูกสร้างขึ้นมาอย่าง Super Mario Bros ในปี 1993 ก็มีภาพยนตร์ที่ถูกสร้างจากเกมมาแล้วมากมาย ซึ่งส่วนมากภาพยนตร์ที่ถูกสร้างจากเกมนั้นมักจะได้รับกระแสตอบรับในทางลบเสียมากกว่า แต่ก็มีอยู่หลายเรื่องที่แม้จะมีกระแสตอบรับในทางลบแต่กลับได้รับการตอบรับจากผู้ชมจนสามารถสร้างภาคต่อออกมามากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่เรายังคงเห็นเกมที่สร้างจากภาพยนตร์ออกมาเรื่อย ๆ และด้วยจำนวนการสร้างภาพยนตร์ที่มาจากเกมที่ค่อนข้างเยอะและบางเรื่องก็อาจจะไม่มีกระแสมีดาราดังจึงทำให้เหล่าเกมเมอร์หลายคนไม่ทราบมาก่อนว่าเกมเหล่านี้เคยถูกสร้างเป็นหนังมาก่อน วันนี้เราเลยรวบรวมเกมที่ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วแต่คุณอาจไม่เคยดูมานำเสนอจะมีเรื่องอะไรบ้างมาดูกันเลย
Future Cops บัลล็อกผู้ชายทะลุมิติ ปี 1993
เริ่มต้นเรื่องแรกกับตำนานภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมชื่อดังอย่าง Street Fighter ในชื่อ Future Cops หรือชื่อไทยว่า บัลล็อกผู้ชายทะลุมิติ ฉายในปี 1993 ตัวภาพยนตร์นั้นได้ดัดแปลงเรื่องราวจากเกมจนหมดเหลือไว้เพียงแค่ชื่อกับตัวละครเท่านั้น แถมในภาพยนตร์ยังเปลี่ยนตัวเอกของเกมจากริวที่หลายคนรู้จักมาเป็น Balrog ชายสวมหน้ากากกับกงเล็บสุดเท่มาเป็นพระเอกแทน โดยเรื่องราวของ บัลล็อกผู้ชายทะลุมิติ นั้นเริ่มขึ้นในอนาคตปี 2043 The General หัวหน้าปีศาจร้ายพยายามจะยึดครองโลกแต่เขาถูกจับกุมและถูกตัดสินโทษจำคุกทาง The General เลยสั่งลูกน้องอย่าง Kent (Ken), Thai King (Sagat) และ Toyota (E. Honda) ไปฆ่าผู้พิพากษาในอดีตเพื่อแก้ไขอนาคต ส่วนทางตำรวจจึงส่ง Lung (Ryu), Broomhead (Guile), Ti Man/Iron Face (Vega) และ Sing (Dhalsim) ไปขัดขวาง
ตัวหนังบัลล็อกผู้ชายทะลุมิติจะออกไปทางตลกกับฉากต่อสู้ที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ ในยุคนั้นซึ่งใครที่เป็นแฟนเกม Street Fighter ในยุคนั้นแม้จะงุนงงกับสิ่งที่ภาพยนตร์สื่อออกมาแต่ด้วยความแปลกใหม่บวกกับพลังดาราที่ฮ่องกงชื่อดังในยุคนั้นที่เข็นกันมาเต็มที่อย่าง Andy Lau, Jacky Cheung, Aaron Kwok, Chingmy Yau, Dicky Cheung และ Simon Yam ก็ยิ่งสร้างความน่าสนใจให้ภาพยนตร์จนเราแทบลืมไปเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มันถูกอ้างอิงมาจากเกม Street Fighter แต่ข้อดีของเรื่องนี้ก็คือเราจะได้เห็นดาราชื่อดังมาแต่งตัวแปลก ๆ ตลก ๆ ที่เราอาจจะหาดูไม่ได้ในยุคนี้ แถมยังมีตัวละครจากเกม Street Fighter ตัวอื่น ๆ มาแบบครบทุกตัวในเกมตอนนั้นอีกด้วย ใครที่อยากรู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สนุกและกาวขนาดไหนก็ลองไปหามาดูรับรองว่าไม่ผิดหวัง
Far Cry ปี 2008
เมื่อพูดถึงเกม Far Cry เชื่อว่าหลายคนคงจะคิดถึงเกมแนวยิงมุมมองบุคคลที่ 1 ที่มักจะเล่าถึงคนที่ดันไปอยู่ผิดที่ผิดเวลาและกลายเป็นยอดมนุษย์ถล่มฝ่ายตรงข้ามด้วยตัวคนเดียว และด้วยความโด่งดังนั่นเองจึงทำให้ทางผู้กำกับอย่างคุณ Uwe Boll ยื่นขอไปทาง Crytek Ubisoft เพื่อขอสร้างภาพยนตร์จากเกมนี้ โดยเรื่องราวของภาพยนตร์จะกล่าวถึงนักข่าวสาว Valerie Cardinal ที่ได้ข้อมูลจาก Max เกี่ยวกับการทดลองลับที่เกี่ยวกับมนุษย์ดัดแปลงที่ใช้ในการทหารซึ่งตัวของ Valerie ได้ตกลงซื้อขายข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองลับนี้บนเกาะ โดย Valerie เธอได้จ้าง Jack Carver เพื่อมาเป็นคนขับเรือไปยังเกาะเพื่อตกลงซื้อขายข้อมูล แต่เมื่อมาถึงทั้งสามคนก็ถูกหน่วยทหารมาลอบฆ่าเพื่อปิดปากและเอาข้อมูลคืน Jack ที่เป็นอดีตนายทหารเก่าจึงต้องช่วยเหลือ Valerie และ Max หนีไปจากเกาะแห่งนี้
ทันทีที่ตัวภาพยนตร์ออกฉายก็ได้รับเสียงตอบรับในเชิงลบทันที ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินเรื่องของตัวภาพยนตร์ที่ค่อนข้างช้า ฉากยิงกันก็เหมือนหนังที่เห็นได้ทั่วไปในตลาดและที่สำคัญที่สุดคือตัวภาพยนตร์ไม่มีความเป็น Far Cry เลยเรียกว่าถ้าไม่แปะชื่อว่า Far Cry ตัวหนังก็ยังคงถูกด่ายับเยินอยู่ดี ใครที่เคยดูมาแล้วน่าจะทราบดีถึงความไม่สนุกของตัวภาพยนตร์และถ้าใครที่ติดตามข่าววงการเกมมาตลอดจะรู้จักชื่อของ Uwe Boll ดีว่าเป็นหนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเกมเยอะมาก ๆ และส่วนมาก (ทั้งหมด) ที่เขาสร้างจะไม่สนุกจนพี่แกโมโหเคยท้าเหล่านักวิจารณ์มาชกกับแกว่าอย่าดีแต่เขียนด่ามาชกกันดีกว่า โดยคุณ Uwe Boll จะออกค่าเครื่องบินค่ารถให้เพื่อให้เหล่านักวิจารณ์ภาพยนตร์จากที่ต่าง ๆ มาชกกับแกและก็มีคนรับคำท้าจริง ๆ ผลคือลุง Uwe Boll ชกชนะทุกคนจนสลบ และต่อไปจากนี้คุณจะได้เห็นผลงานของคุณ Uwe Boll ในบทความนี้อีกหลายเรื่อง
Need for Speed ปี 2014
มาต่อกันที่เกมแข่งรถที่ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์กันบ้างกับ Need for Speed โดยเรื่องราวในภาพยนตร์นั้นจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่บนพื้นฐานของซีรีส์วิดีโอเกมจาก Electronic Arts อย่าง Need for Speed ที่เล่าถึง Tobey Marshall นักขับรถแข่งชื่อดังถูกจับเข้าคุกในข้อหาที่เขาไม่ได้ก่อจากการถูกใส่ร้ายจากอดีตเพื่อน เมื่อออกมาจากคุก Tobey ได้กลับมาอู่และเริ่มอาชีพนักแต่งรถและมีคนยื่นข้อเสนอให้เขาปรับแต่งรถ Ford Shelby Mustang กับส่วนแบ่ง 25% ถ้าเขาสามารถแสดงให้คนที่มาซื้อเห็นว่ารถคันนี้สามารถทำความเร็วได้ 230 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ Tobey จึงอาสาจะลงแข่ง De Leon การแข่งรถลึกลับที่โด่งดังในหมู่นักแข่ง โดยเขาต้องขับรถข้ามประเทศเพื่อไปให้ได้รับการยอมรับจากผู้จัดงานแข่งจนสามารถลงแข่งได้ แต่ระหว่างทางก็ถูกคนที่ไม่หวังดีมาขัดขวางการเดินทางไปแข่งขันครั้งนี้และนั่นคือความสนุกของภาพยนตร์เรื่องนี้
ตัวบทหนังช่วงแรกอาจจะดูน่าเบื่อเล็กน้อยกับการเล่าเรื่องราวของ Tobey ว่าเขาต้องเจออะไรมาบ้างก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาการเดินทางที่เริ่มจะสนุกเพราะฉากไล่ล่าของคนที่มาขวางการเดินทางของ Tobey กับฉากขับรถหนีที่ดูสนุกลุ้นมาก ๆ แต่ตัวภาพยนตร์ก็มีข้อเสียคือไม่ว่าจะดูมุมไหนมันก็ไม่มีความเป็น Need for Speed จากเกมเลยนอกจากการแข่งขันรถบนถนนที่มีตำรวจขับรถไล่ตามกับรถที่มาจากในเกมเท่านั้น แต่โดยรวมถ้าคุณไม่คิดมากและอยากดูหนังแข่งรถสนุก ๆ มีรถสวย ๆ ให้ดูตลอดทั้งเรื่องก็อาจจะชอบ แต่ถ้าใครทนเห็นรถสวย ๆ ราคาหลายล้านมาคว่ำจนเป็นเศษเหล็กไม่ได้ก็ขอให้ข้ามไปเพราะเรื่องนี้เอารถมาทำพังมากกว่าในซีรีส์ Fast & Furious บางภาคเสียอีก
The King of Fighters ปี 2010
เมื่อพูดถึงเกม The King of Fighters เชื่อว่านักเล่นเกมหลายคนคงน่าจะเคยเล่นและเสียเงินหยอดเหรียญโชว์คอมโบเทพกับการรัวปุ่มในเกมตู้ให้คนที่มายืนดูอึ้งทึ่งงงกันมาแล้ว แต่เมื่อวันเวลาผ่านเลยไปซีรีส์ที่เคยยิ่งใหญ่อย่าง The King of Fighters ก็ค่อย ๆ เสื่อมความนิยมจนสุดท้ายก็หายไปจากตลาด และถึงแม้จะมีภาคต่อออกมาเพื่อกู้ชื่อเสียงแต่มันก็ไม่เป็นกระแสที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับในอดีต จนมาถึงปี 2010 ทางค่ายหนังก็ซื้อลิขสิทธิ์ชื่อ The King of Fighters มาสร้างเป็นภาพยนตร์ ซึ่งวินาทีแรกที่คุณได้เห็นโปสเตอร์โปรโมตพร้อมชื่อหนังที่แปะอยู่เราก็คงไม่มีทางรู้เลยว่านี่คือภาพยนตร์เรื่อง The King of Fighters เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในเกม The King of Fighters ไม่มีในภาพยนตร์เรื่องนี้เลยนอกจากชื่อเกม
เรื่องราวจะเล่าถึงเครื่องรางสามชิ้นที่ถูก Rugal Bernstein ขโมยไปจากพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในบอสตันเพื่อปลุก Orochi ที่จะมอบพลังที่ไร้ขีดจำกัดให้ผู้ที่ปลุกมันขึ้นมาโดยเนื้อเรื่องจะเล่าผ่าน Mai Shiranui ที่ต้องตามเอาเครื่องรางทั้งสามชิ้นนั้นคืนมากับการต่อสู้ที่ไม่มีอะไรเหมือนกับในเกมเลยแม้แต่ชุดหน้าตาท่าทางของตัวละครในเรื่อง จะมีเพียงแค่ชื่อตัวละครเท่านั้นที่ตรงกับในเกมส่วนฉากต่อสู้ในเกมนั้นก็ดูธรรมดาไม่มีอะไรน่าสนใจแถมตัวภาพยนตร์ก็ไม่ได้ฉายในโรงหนังแต่ขายในแบบ DVD ผ่าน Vivendi Home Entertainment ขณะที่นักวิจารณ์ภาพยนตร์บอกว่าเป็นการเสียเวลาที่ต้องมาดูภาพยนตร์เรื่องนี้และแถมท้ายด้วยว่านี่คืออีกหนึ่งเกมระดับตำนานยุค 90 ที่ถูกฆ่าไปอีกหนึ่งเกมด้วยการสร้างเป็นภาพยนตร์ ใครที่อยากรู้ว่าเรื่องนี้สนุกขนาดไหนก็วางเรื่องความเหมือนในเกมออกไปและดูในฐานะหนังต่อสู้คุณอาจจะค้นพบความสนุกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้
House of the Dead ปี 2003
เชื่อว่านักเล่นเกมหลายคนคงจะรู้จักเกมตู้ยิงผีชื่อดังอย่างเกม House of the Dead ที่ครั้งหนึ่งตามห้างใหญ่ ๆ เกือบทุกที่ในบ้านเราจะมีเกมนี้ให้เราได้เล่นกัน ด้วยความสนุกของการรัวจอยปืนในการยิงเหล่าซอมบี้และสัตว์ประหลาดที่ดาหน้าเข้ามาแบบต่อเนื่องซึ่งเราแทบไม่รู้เลยว่าเนื้อเรื่องในเกมนี้มันเล่าเกี่ยวกับอะไรหรือแม้แต่ตัวเราคือใคร ซึ่งในแต่ละภาคของเกมซีรีส์ House of the Dead นั้นก็จะมีเนื้อเรื่องที่ต่างกันไป และด้วยความโด่งดังของเกมจึงถูกทาง Lionsgate ซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างเป็นภาพยนตร์และมีคุณ Uwe Boll เจ้าเก่ามาเป็นผู้กำกับ โดยเรื่องราวในภาพยนตร์นั้นจะเล่าถึงกลุ่มวัยรุ่นที่มาเที่ยวจัดงานปาร์ตี้บนเกาะ Isla del Morte ซึ่งกว่าที่พวกตัวเอกจะมาที่เกาะทุกอย่างก็พังพินาศไปหมดแล้วจนทุกคนต้องค้นหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนในงาน
ตัวภาพยนตร์ดำเนินเนื้อเรื่องไม่น่าสนใจ ตัวหนังขาดจุดเด่นทั้งในแง่ของภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเกม House of the Dead ที่ไม่ว่าจะดูมุมไหนส่วนใดในเรื่องนี้ที่มีความเกี่ยวเนื่องอะไรกับเกมเลย เรียกว่าเอาชื่อเกม House of the Dead มาหลอกคนเล่นเกมให้เข้ามาดูมากกว่า(ผู้เขียนคือคนหนึ่งในตอนนั้นที่ไปดูเพราะชื่อเรื่อง) มันเหมือนหนังซอมบี้เกรด B ที่แม้เรื่องนี้ไปอยู่ในหมวดหมู่หนังซอมบี้ก็ยังโดนด่า และด้วยความสนุกสุดยอดของ House of the Dead จึงติดอันดับภาพยนตร์ที่เลวร้ายที่สุดในยุค 2000 อันดับที่ 41 บนเว็บไซต์ RottenTomatoes และในปี 2009 ทางนิตยสาร Time ได้จัดอันดับให้ House of the Dead เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมที่แย่ที่สุดตลอดกาลไปครอบครอง แต่ถึงแบบนั้นตัวภาพยนตร์ก็มีภาค 2 ออกมาที่เป็นเรื่องราวต่อจากภาคแรกไม่นาน ซึ่งถ้าใครอยากดูเรื่องนี้แนะนำให้หาภาค 2 มาดูดีกว่าสนุกและน่าสนใจกว่าภาคแรกมาก
Street Fighter ปี 1994
ย้อนกลับไปในปี 1994 คุณ Jean-Claude Van Damme คือดาราชื่อดังที่ใครหลายคนในยุคนั้นต่างชื่นชอบในฝีมือการแสดงและฉากต่อสู้ที่ดูมีพลังที่เพียงแค่แปะชื่อเขาคนก็พร้อมใจจะซื้อตั๋ว เช่าวิดีโอไปดูกันทันที ขณะที่ในวงการเกม Street Fighter ll ก็กำลังสร้างความโด่งดังไปทั่วโลกกับความสนุกของระบบต่อสู้ 2D ที่นักเล่นเกมหลายคนในยุคนั้นต้องรู้จัก และเมื่อทั้งสองสิ่งมาเจอกันเราก็ได้เห็นภาพยนตร์ Street Fighter หนังจากเกมที่สนุกที่สุดในตอนนั้นออกมา แต่ต้องบอกก่อนว่าความสนุกนี้มันคือความสนุกของคนในยุค 90s ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะสิ่งที่คุณหวังจะได้เห็นในภาพยนตร์ Street Fighter เรื่องนี้มันจะไม่มีในเกมเลยหรือพูดง่าย ๆ คือมันคือการเอามาเพียงชื่อตัวละครกับชุดที่เหมือนในเกมมาเท่านั้นเหมือนเรื่อง Future Cops บัลล็อกผู้ชายทะลุมิติที่ฉายในปี 1993 ซึ่งครั้งนี้เราจะได้ Guile มาเป็นพระเอกโดยมีคุณ Jean-Claude Van Damme เป็นแม่เหล็กและได้ Capcom มาช่วยดูแลการสร้างกับฉากต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่แบบระเบิดภูเขาเผากระท่อมกระทืบเหล่าร้ายยิงกันกระสุนเป็นกองแต่พระเอกไม่มีเลือดออกแม้แต่หยดเดียวตามแบบอเมริกันฮีโรที่นิยมในยุคนั้น
ซึ่งทุกสิ่งที่กล่าวมานั้นมันคือสิ่งดีที่ถ้าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เอาชื่อ Street Fighter กับชุดตัวละครที่เหมือนในเกมมาใส่ในภาพยนตร์ เพราะภายในเรื่องแทบไม่มีกลิ่นอายหรือความเป็น Street Fighter เลยโดยเรื่องจะกล่าวถึงองค์กรที่ชั่วร้าย Shadaloo ที่ต้องการสร้างกองทัพนักรบที่ถูกสร้างมาจากเซลล์ของนักสู้ทั่วโลกมาเป็นกองกำลังแต่ก็ต้องถูก Guile และเพื่อน ๆ ร่วมมือกันทำลายแผนนี้ เนื้อเรื่องหลัก ๆ มีเท่านี้จริง ๆ ที่เหลือคือการต่อสู้ของตัวละครที่ยัดเข้ามาแบบงง ๆ แต่ถึงตัวหนังจะถูกต่อว่าในฐานะภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมแต่ในแง่ของภาพยนตร์แล้ว Street Fighter กลับได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากจากคนดูทั้งยอดตั๋วและการผลิตเป็นวิดีโอออกจำหน่ายเพราะพลังดาราของคุณ Van Damme กับฝีมือการแสดงของคุณ Raúl Juliá นักแสดงที่รับบท M. Bison ก็ได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในงาน Saturn Awards ใครชอบภาพยนตร์แอ็กชันอเมริกันฮีโรควรหามาดูเพราะสนุกมาก ๆ แต่ถ้าคุณต้องการดูเรื่องนี้เพราะชื่อ Street Fighter แนะนำให้ข้ามไปดูบัลล็อกผู้ชายทะลุมิติจะดีกว่าหรือทางที่ดีก็ไม่ต้องดูทั้งสองเรื่องดีที่สุด
Tekken ปี 2009
อีกหนึ่งเกมที่ถูกสร้างออกมาเป็นภาพยนตร์ที่เราได้ชมกันกับ Tekken ที่เข้าฉายในปี 2009 กับเรื่องราวการเดินทางของ Jin Kazama ที่พยายามเข้าสู่วงการต่อสู้กำปั้นเหล็กเพื่อหาคนที่ฆ่าแม่ของเขาและเบาะแสเดียวที่ Jin มีคือคนที่ฆ่าแม่ของเขาคือคนที่เข้าแข่ง Iron Fist Tournament และในการแข่งขันนี้ Jin ได้พบกับ Kazuya Mishima ผู้เป็นพ่อและ Heihachi Mishima ผู้เป็นปู่ในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย ตัวของภาพยนตร์พยายามใส่และอ้างอิงเรื่องราวในเกม Tekken ลงไปพร้อมกับตัวละครที่มาจากเกมอย่างครบครันแต่ด้วยเนื้อเรื่องที่ไม่น่าสนใจกับฉากต่อสู้ที่ไม่สนุกแถมยังไม่มีกลิ่นอายความเป็น Tekken แบบที่แฟน ๆ ต้องการ ที่แม้จะมองในแง่ของภาพยนตร์แนวต่อสู้มันก็ไม่สุดแบบที่ต้องการจนทางเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ให้คะแนน 2.68/10 ได้มะเขือเน่าไปแบบน่าผิดหวัง
ที่หนักกว่านั้นตัวภาพยนตร์ยังถูกคุณ Katsuhiro Harada ผู้ให้กำเนิดเกมซีรีส์ Tekken วิจารณ์แบบรุนแรงว่า Tekken ฉบับ Hollywood นั้นทำออกมาแย่มาก ๆ มันทำร้ายจิตใจผมและผมไม่สนใจจะดูหนังเรื่องนี้อีกเป็นครั้งที่สอง ขณะที่ทีมพัฒนาของเกม Tekken ต่างก็ออกมาแสดงความเห็นในเชิงลบว่าภาพยนตร์เรื่องนี้แย่ถึงแน่มาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบตัวละครเนื้อเรื่องบทบาทรวมถึงการต่อสู้ของตัวละครในเกมที่ไม่ได้อ้างอิงอะไรมาจากในเกมเลย เรียกว่าโดนด่ายับเยินใครที่อยากรู้ว่าตัวภาพยนตร์เป็นอย่างไรก็ขอให้ทำใจเปิดมุมมองกว้าง ๆ และอย่ายึดติดเรื่องราวในเกมตอนดูเพราะมันไม่มีอะไรที่เหมือนในเกมเลยส่วนใครที่อยากดูภาพยนตร์ต่อสู้สนุก ๆ เรื่องนี้ก็พอจะทำให้คุณแก้เบื่อได้ดีทีเดียว
Alone in the Dark ปี 2005
เมื่อพูดถึงเกมสยองขวัญที่เป็นต้นแบบเกมแนว Horror Adventure ที่เป็นแนวหลอนสยองขวัญแต่เราสามารถต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดได้ และเมื่อวันเวลาผ่านเลยมาเกม Alone in the Dark ก็ค่อย ๆ เสื่อมความนิยมด้วยแนวเกมที่ถูกพัฒนาออกมาได้ไม่ถูกใจแฟน ๆ จนสุดท้ายเกมชื่อนี้ก็ค่อย ๆ หายไปในตลาด แต่เมื่อปี 2005 คุณ Uwe Boll เจ้าเก่าที่เคยฝากผลงานการสร้างภาพยนตร์ที่มาจากเกมมากมายได้เอาเกม Alone in the Dark มาปัดฝุ่นและสร้างเป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่เล่าถึง Edward Carnby นักสืบเหนือธรรมชาติผู้มีความเชี่ยวชาญในเรื่องลึกลับและวิชาอาถรรพณ์ที่เขาต้องสืบเรื่องราวที่เกี่ยวกับ Bureau 713 องค์กรลับของรัฐบาลที่พยายามปกป้องโลกจากอันตรายเหนือธรรมชาติ อ่านมาถึงตรงนี้คุณคงกำลังคิดถึงภาพยนตร์ที่สนุกตื่นเต้นกับฉาก CG สัตว์ประหลาดที่ออกไปทางโทนสยองขวัญแบบในเกม Alone in the Dark ในเกม แต่ความจริงแล้วทุกอย่างที่คุณคิดนั้นมันแทบไม่มีในภาพยนตร์เลยและแน่นอนว่ามันไม่มีอะไรที่ตรงกับในเกมนอกจากชื่อตัวละครเท่านั้น
ตัวภาพยนตร์ Alone in the Dark ก็เหมือนกับเรื่องอื่น ๆ ที่คุณ Uwe Boll กำกับคือมันไม่สนุก เนื้อเรื่องดำเนินไปได้อืดเชื่องช้าไม่มีความน่าสนใจตัว CG สัตว์ประหลาดก็ทำออกมาได้แย่ และมีแค่ตัวเดียวตลอดทั้งเรื่อง และไม่ว่าจะมองในแง่ของภาพยนตร์ ไม่ต้องมองในเรื่องภาพยนตร์ที่สร้างจากเกม แต่มองในแง่ของหนังสยองขวัญ Alone in the Dark ยังสอบตกขนาดนักวิจารณ์ต่างเทคะแนน 9/100 แบบไม่ชอบอย่างท่วมท้นให้ แถมยังได้รางวัลภาพยนตร์ Stinkers Bad สาขา Worst Picture อีกด้วย ส่วนเว็บไซต์ RottenTomatoes ในตอนนั้นให้คะแนน F กับภาพยนตร์เรื่องนี้ใครอยากรู้ว่า Alone in the Dark สนุกขนาดไหนก็เตรียมหมอนผ้าห่มเอาไว้ตอนดูเพราะคุณจะหลับก่อนที่ภาพยนตร์จะจบแน่นอน
Street Fighter The Legend of Chun-Li ปี 2009
ยังคงอยู่กับเกม Street Fighter ที่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 (ในยุคนั้น) ของการพยายามสร้างภาพยนตร์ที่มาจากชื่อ Street Fighter ซึ่งเราไม่ขอนับฉากต่อสู้ในภาพยนตร์เรื่อง ใหญ่ไม่ใหญ่ข้าก็ใหญ่ City Hunter ในปี 1990 ซึ่งนั่นมีความเป็น Street Fighter มากกว่าภาพยนตร์ทั้งสามเรื่องนี้รวมกันเสียอีก ก่อนจะนอกเรื่องไปไกลเรากลับมาที่ภาพยนตร์เรื่อง Street Fighter The Legend of Chun-Li ที่ตัวภาพยนตร์จะเล่าเรื่องราวของ Chun-Li ที่ถูกเขียนและสร้างขึ้นมาใหม่ให้สมจริงเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของ Chun-Li ก่อนจะเข้าสู่ในเกม Street Fighter ที่เล่าถึงการเดินทางแก้แค้นให้พ่อของเธอที่เป็นนักธุรกิจจนพาเธอเข้าสู่การเดินทางฝึกฝนวิชาเพื่อการแก้แค้น ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ เรื่องราวในภาพยนตร์นั้นไม่มีอะไรตรงกับในเกมเลยเหมือนเป็นเรื่องใหม่ที่ใช้ชื่อ Street Fighter แบบภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านมา
ตัวภาพยนตร์จะเน้นที่การเล่าเรื่องผ่าน Chun-Li เป็นหลักกับการเติบโตของเธอผ่านการต่อสู้กับตัวละครต่าง ๆ ในเกม Street Fighter ที่ถ้าไม่บอกว่าคนนี้ชื่ออะไรเราคงไม่รู้เพราะตัวละครในเรื่องนั้นไม่ได้สวมชุดแบบในเกม(นั่นคือเรื่องดี) แถมบางคนยังเปลี่ยนอายุจนงงกันเลยทีเดียว ตัวภาพยนตร์นั้นได้รับเสียงตอบรับจากผู้ชมในระดับกลาง ๆ แต่เสียงจากนักวิจารณ์ส่วนมากจะเป็นไปทางลบ เว็บไซต์ RottenTomatoes ได้ให้มะเขือเทศเน่ากับคะแนน 5% และติดอันดับที่ 44 ภาพยนตร์ที่ได้มะเขือเน่าในปี 2000 ซึ่งถ้าเราเอาเรื่อง Street Fighter The Legend of Chun-Li มาเทียบกับภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมมาเทียบกัน Street Fighter The Legend of Chun-Li ถือว่าสอบผ่านทั้งการเล่าเรื่องที่แม้จะไม่ได้อ้างอิงมาจากในเกมแต่ก็ยังมีกลิ่นอายจาง ๆ จากเกมให้เราได้สัมผัสและถือว่าดีมาก ๆ เมื่อเทียบกับอีก 8 เรื่องที่ผ่านมาใครที่ไม่เคยดูขอแนะนำให้ไปดูสนุกจริง ๆ เรื่องนี้
Dead Rising Watchtower ปี 2015
ปิดท้ายด้วยภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเกมอย่าง Dead Rising ในชื่อ Dead Rising Watchtower โดยตัวภาพยนตร์นั้นจะเป็นการเล่าเรื่องหลังเกม Dead Rising 2 และก่อนเริ่มเรื่องราวใน Dead Rising 3 ไม่กี่วันกับเรื่องราวของ Chase Carter นักข่าวออนไลน์และช่างภาพชาวจอร์แดนที่พยายามเปิดโปงความลับของรัฐบาลเกี่ยวกับการปกปิดการแพร่กระจายของซอมบี้ที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนตอนนี้ซอมบี้เริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็วจนยาต้านไวรัส Zombrex มีไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้คน ชาวบ้านจึงพยายามเอาตัวรอดจากเหตุการณ์นี้กันเองนั่นโดยการสร้างดัดแปลงอาวุธเพื่อฆ่าซอมบี้ตามแบบในเกม Dead Rising ภาค 2
ตัวภาพยนตร์แม้จะเล่าเรื่องโดยอ้างอิงเรื่องราวจากในเกม Dead Rising แต่คนที่ไม่รู้เนื้อเรื่องหรือไม่เคยเล่นเกม Dead Rising มาก่อนก็สามารถดูเรื่องนี้ได้รู้เรื่อง เพราะตัว Dead Rising Watchtower นั้นจัดเป็นหนังซอมบี้ที่ดูสนุกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว แต่ถ้าใครที่เป็นแฟนเกมหรือเคยเล่นเกม Dead Rising มาก่อนจะอินมากกว่าคนที่ไม่เคยเล่นเกมอยู่มาก เรียกว่าทำเอาใจแฟนเกมกันก็ว่าได้ เพราะเราจะได้เห็น Frank West ตัวเอกจากเกมภาคแรกมาปรากฏตัวเพื่อบอกให้เราทราบว่าเรื่องราวใน Dead Rising Watchtower คือเรื่องราวเดียวกันกับเกม และตอนจบเรื่องนี้ก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในเกม Dead Rising 3 ตัวภาพยนตร์แม้จะไม่ได้ฉายในโรง แต่ถูกฉายทางดิจิตอลใครสนใจก็ไปหามาดูกันได้ตัวภาพยนตร์สนุกใช้ได้เลยพอดูจบก็ดู Dead Rising Endgame ต่อเลยเพราะเนื้อเรื่องต่อกันรับรองไม่ผิดหวัง
ก็จบกันไปแล้วกับ 10 ภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเกมที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนซึ่งนอกจาก 10 เกมที่เราเอามานำเสนอแล้วยังมีภาพยนตร์อีกหลายเรื่องแต่เราขอคัดเรื่องที่ใหม่ ๆ กับเกมที่หลายคนน่าจะรู้จักมานำเสนอ เพื่อว่าใครที่สนใจอยากดูจะได้ไปหามาดูกันได้ส่วนคำวิจารณ์นั้นเราได้อ้างอิงจากข้อมูลตามเว็บไซต์ต่าง ๆ กับคำวิจารณ์จากผู้เขียนที่เคยดูมาแล้วซึ่งมันไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าหนังเรื่องนี้ดีหรือไม่ดีคุณคนที่เป็นคนดูเองต่างหากที่เป็นตัวตัดสินว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ดีหรือไม่ และถ้าใครมีภาพยนตร์จากเกมเรื่องไหนที่น่าสนใจอีกก็บอกกันมาได้ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรก็ติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส