ปี 2020 นอกจากจะเต็มไปด้วยเกมฟอร์มยักษ์ที่พลาดไม่ได้แบบเล่นกันไม่หวาดไม่ไหว มันยังเป็นปีเปิดศักราชใหม่ของเครื่องคอนโซลเน็กซ์เจนอีกยุคจากค่าย Sony และ Microsoft อีกด้วย ซึ่งคงจะช่วยกระตุ้นให้วงการเกมและชีวิตเกมเมอร์กระชุ่มกระชวยขึ้นมาอีกรอบเป็นแน่ แต่เครื่องเกมสองเครื่องสองค่ายนี้มีอะไรดีบ้างล่ะ? มีเกมเด็ด ๆ อะไรที่กำลังจ่อคิวรอลงอยู่? และที่สำคัญคือจะออกมาให้ลองกันเมื่อไหร่? (แต่ที่สำคัญกว่าคือจะทำให้เราล้มละลายกันขนาดไหน?) มาเทียบรุ่นกันให้เห็นชัด ๆ ไปเลยดีกว่า
ขุมพลังช้างสารแบบไม่ลดราวาศอก
จากข้อมูลสเปกที่ทั้งสองค่ายเปิดเผย (รวมถึงข่าวลือ) เท่าที่มีตอนนี้ เครื่อง Xbox Series X จะใช้ CPU เจนใหม่ของ AMD ในซีรีส์ Ryzen 2 โดยจะมี Core ประมวลผลทั้งหมด 8 Core และความเร็วสัญญาณนาฬิกาที่ 3.6 GHz เมื่อบวกกับ GPU ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษของ AMD ในซีรี่ส์ Navi ทำให้เจ้าคอนโซลตัวนี้สามารถรองรับความละเอียดแบบ 4K พร้อมกับเฟรมเรตถึง 60 – 120 FPS แถมยังรองรับนวัตกรรมแสงเงาสุดล้ำอย่าง Ray Tracing และยังจะรองรับความละเอียดสูงสุดที่ 8K ด้วยนะ! (Microsoft เค้าโม้ไว้แบบนั้นอะนะ ซึ่งก็ไม่รู้จะรองรับไปทำไมเพราะขนาดจอโรงหนังในบ้านเรายังความละเอียดสูงสุดแค่ 4K) นอกจากนี้ตัวเครื่องยังจะใช้ Solid-state drive (SSD) เป็นตัวเก็บข้อมูลซึ่งมันทำให้เกมโหลดเร็วขึ้นกว่า Xbox รุ่นที่แล้วแบบหน้ามือเป็นหลังเท้า
สำหรับเครื่อง PS5 แม้จะยังไม่ได้มีเลขสเปกเป็นชิ้นเป็นอันออกมาแต่เสียงลือเค้าว่าทาง Sony ก็จะใช้ทั้ง CPU และ GPU ตระกูล AMD แบบพิเศษไม่ต่างจากเครื่อง Xbox Series X เท่าไหร่ รองรับเทคโนโลยี Ray Tracing, 4K, 8K ด้วยเหมือนกัน และตัวเก็บข้อมูลแบบ SSD ในเครื่องก็จะช่วยให้เกมโหลดเร็วขึ้นจนเหลือแค่หลักวินาที แบบที่เห็นในคลิปสาธิตที่เกม Spider-man จาก PS4 แทบจะไม่ใช้เวลาโหลดระหว่างด่านเลย อ้อ แล้วก็เครื่อง PS5 จะรองรับการเล่นแผ่น Blu-Ray แบบ 4K (ซะที) รวมทั้งระบบเสียง 3 มิติเต็มรูปแบบด้วย
อย่างไรก็ตาม ดูแค่ข้อมูลสเปกพวกนี้คงบอกอะไรไม่ได้มากว่าเครื่องใครจะแรงกว่าใคร เพราะของพวกนี้มันขึ้นอยู่กับซอฟต์แวร์และการปรับแต่งนวัตกรรมในตัวเครื่องอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะรู้ได้อย่างแน่นอนก็ต่อเมื่อเราได้ทดสอบกับเกมเพลย์ของจริงเท่านั้น ดังนั้นยกนี้คงต้องให้เสมอกันไปก่อน
พาเหรดเกมเปิดตัวเครื่องใหม่ที่มาคนละสไตล์
สำหรับเกมเปิดตัวของ Series X ที่จะมาแน่ ๆ ตอนเครื่องออกก็คือ Halo Infinite เกม FPS คู่บุญของเครื่องตระกูล Xbox ที่นอกจากจะมาพร้อมฉากไซไฟอลังการงานสร้าง ยังมาพร้อมกับระบบการควบคุมเกม FPS ด้วยจอยที่เล่นง่ายไม่มึนที่สุดในวงการ และอีกเกมก็คือเกม Senua Saga: Hellblade II ภาคต่อของเกมแอ็กชันอินดี้ Hellblade: Senua’s Sacrifice ที่ขนทั้งกราฟิกเอนจิ้นสุดอลังการมาพร้อมกับเนื้อเรื่องที่ดำดิ่งลงสู่จิตใจของตัวนางเอกยิ่งกว่าเดิม ส่วนเกมจากค่ายพัฒนาเกมรายอื่นที่จะตามมาภายหลังก็คือ Watch Dogs: Legion, Rainbow Six: Quarantine, Battlefield 6 และ Elder Scrolls ภาคใหม่ของ Bethesda
เราคาดว่าจะมีเกมจากซีรีส์เด็ดของ Microsoft ตามมาหลังจากนี้อีกเยอะ ทั้ง Gears ภาคใหม่และ Forza ภาคใหม่ ซึ่งข่าวดีก็คือเกมจากค่าย Microsoft ทั้งหมดบนเครื่อง Xbox Series X จะปรากฏกายบนเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีด้วย และใครที่สมัคร Xbox Game Pass เอาไว้ก็จะสามารถเล่นเกมทั้งหลายแหล่นี้ได้ตั้งแต่วันแรกโดยไม่ต้องจ่ายตังค์เพิ่มซักกะบาท
ในมุมของ PS5 ตอนนี้มีหลุดปากเกมเปิดตัวออกมาแค่เกมเดียว นั่นก็คือ “Godfall” เกม Action RPG ในโลกแฟนตาซีผสมไซไฟภาพงาม ๆ ฝีมือทีมพัฒนา Gearbox Software เจ้าของซีรี่ส์ Borderlands และทีมพัฒนา Counterplay Games ที่เคยช่วยพัฒนาเกม God of War ซึ่งเราคาดว่าน่าจะเป็นเกมแนวผจญภัยไปกับเพื่อนเพื่อล่า Loot ตามสูตรที่ Gearbox เค้าถนัดเป็นแน่แท้
อย่างไรก็ตาม เกมเมอร์อย่างพวกเราต้องอย่าลืมว่าSony เป็นเจ้าของสารพัดสตูดิโอเกม Exclusive ระดับพระกาฬเป็นตับ ทั้ง Naughty Dog, SIE Santa Monica Studio, Guerrilla Games ฯลฯ นั่นหมายความว่าภาคต่อของซีรีส์ในตำนานอย่าง Uncharted, Horizon Zero Dawn และ God of War ต้องตามมาแน่ ๆ ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็วแค่ไหน
ดังนั้นถ้านับกันในแง่เกม Exclusive ของแพลตฟอร์ม คงต้องบอกว่าเครื่อง PS5 ยังมีแต้มต่อที่ดีกว่า Xbox Series X เนื่องจาก Sony เขาวางรากฐานไว้อย่างแข็งแกร่งจากหลายซีรีส์เกมที่โด่งดังข้ามเจเนอเรชันคอนโซล แต่ในขณะเดียวกัน เครื่อง Xbox Series X ก็มีจุดแข็งมากกว่า PS5 ในแง่การเปิดให้ทุกคนเข้าถึงเกมได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทุกเกมเปิดตัวจะมีให้เล่นบนเครื่องพีซีด้วย ผู้เล่นที่สมัคร Xbox Game Pass เอาไว้จะสามารถเล่นเกมพวกนี้ได้ตั้งแต่วันแรก และเกมเปิดตัวในเวฟแรกหลายเกมยังจะสามารถเล่นบนเครื่อง Xbox One ได้ด้วย (สวนทางกับเกม PS5 ที่ส่วนใหญ่จะล็อกให้เล่นได้บนเครื่องเกมใหม่นี้อย่างเดียวเท่านั้น)
อุปกรณ์เสริมเด็ด ๆ
ถึงแม้กลยุทธ์ด้านเกมของ Xbox และ PlayStation จะไปกันคนละทาง แต่จุดที่คล้ายคลึงกันกับเป็นเรื่องจอยคอนโทรลเลอร์ที่ทั้งสองค่ายใช้วิธีปรับแต่งจากของเดิมเพียงนิดหน่อยเท่านั้น โดยจอยเกม Xbox Series X มองผ่าน ๆ นี่แทบไม่ต่างจากจอย Xbox One เลย แค่มีปุ่ม Share เพิ่มเข้ามาให้เกมเมอร์แชร์เกมเพลย์ได้ง่ายขึ้น และปุ่ม D-Pad ที่เปลี่ยนเป็นแผ่นทรงกลมแบบจอย Elite เพื่อให้ควบคุมรอบทิศทางได้ง่ายขึ้น ทีนี้ไม่ว่าจะเล่นเกม FPS หรือเกมต่อสู้ก็ไม่ยี่หระแล้ว
และจากข่าวที่หลุดออกมา เราคาดว่าจอย Dual Shock ของ PS5 ก็จะคงดีไซน์ภายนอกเหมือนเดิมเช่นกัน จุดต่างอยู่ที่ไส้ในอย่างระบบสั่นของจอยที่จะใช้เทคโนโลยี Haptic Feedback ทำให้ระดับการสั่นจากเอฟเฟกต์แต่ละแบบในเกมต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับปุ่ม L2/R2 ที่สามารถแสดงผลความหน่วงที่แตกต่างกันได้ เช่น ความแข็งของปุ่ม L2/R2 เวลาเหนี่ยวคันศรธนูก็จะให้ความรู้สึกต่างกับการเหนี่ยวไกปืน เป็นต้น ฟีเจอร์พวกนี้น่าจะทำให้เราเล่นเกมได้อินขึ้น และอีกจุดที่น่าพูดถึงก็คือแบตเตอรี่ของจอย PS5 ก็จะอึดกว่าจอยรุ่นก่อนด้วย ซึ่งเราก็ขอภาวนาให้ Sony ปรับก้านบังคับของ Dual Shock ให้เหมาะกับเกมแนว Shooter ในเจ็นนี้ซะทีนะ
อีกจุดที่เหมือนกันคือทั้ง Microsoft และ Sony ต่างออกมาบอกว่าเครื่องคอนโซลเจเนอเรชันใหม่ทั้งคู่จะรองรับอุปกรณ์เสริมทั้งหมดของเครื่องเจ็นก่อน ซึ่งรวมถึงจอยคอนโทรลเลอร์และหูฟังเกมมิ่งสารพัดแบบที่ออกมาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ PS5 ยังรองรับ PlayStation VR อีกด้วย
เซอร์วิสโดน ๆ
จุดที่ Xbox Series X และ PlayStation 5 เดินกันไปคนละทางที่สุดก็น่าจะเป็นเรื่องเซอร์วิสต่าง ๆ สำหรับเกมเมอร์นี่แหละ โดย Xbox ถือคติทำยังไงก็ได้ให้เกมของตัวเองเข้าถึงคนให้ได้มากที่สุด จะเห็นได้จากเซอร์วิส Xbox Game Pass ที่นอกจากจะถูก (แค่เดือนละประมาณ 300-450 บาท) มีเกมให้เลือกเยอะ ยังเริ่มลามมาสายเกมพีซีมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ Microsoft ยังจะเปิดบริการเซอร์วิส Project xCloud ในไม่ช้า ซึ่งจะทำให้เกมเมอร์สามารถเล่นเกมของ Xbox ผ่านมือถือได้ ขอเพียงมีความเร็วอินเทอร์เน็ตที่เร็วพอเท่านั้น และ Xbox Series X ยังรองรับเกมของ Xbox เครื่องก่อนทั้งหมดด้วย
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนที่สุดของแบรนด์ Xbox ในประเทศไทยก็คือฐานผู้เล่นที่มีจำนวนเล็กจิ๊ดเดียวนี่แหละ แถม Microsoft ก็ยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายเครื่องเกมอย่างเป็นทางการในบ้านเราอีกต่างหาก ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรในอนาคตอันใกล้นี่หรือไม่
ส่วน PS5 ยังคงเดินตามวิถีเดิมนั่นคือการส่งมอบเกมระดับมาสเตอร์พีซลงบนแพลตฟอร์มของตัวเองแบบ Exclusive เพื่อเอาใจเจ้าของเครื่อง PS5 อย่างเต็มที่ แต่เราก็ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใด ๆ จากเซอร์วิส PlayStation Network และ PlayStation Plus จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าก่อนเคยเป็นมาอย่างไร ต่อไปก็คงจะเป็นไปแบบนี้แล แม้กระนั้น Sony ก็ออกมาให้ข้อมูลว่าเครื่อง PS5 จะรองรับเกมของเครื่อง PS4 ทุกเกม ที่สำคัญฐานผู้เล่นเครื่องเพลย์สเตชั่นในไทยนั้นมีจำนวนมากพอสมควรเลย ดังนั้นการจะหาเพื่อนเล่นออนไลน์ด้วยแบบไม่ Lag น่าจะไม่ใช่เรื่องยาก อ้อ! แล้วก็เกมของ PlayStation ต่อจากนี้ก็จะรองรับซับไตเติลภาษาไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยนะเออ
ความเหมือนที่แตกต่างของเจ็นถัดไป
ร่ายมาตั้งยืดยาว ตอนนี้ทุกคนคงจะพอเห็นภาพกันแล้วว่าเครื่องคอนโซลทั้ง 2 ตัวมีลักษณะหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือสถาปัตยกรรมภายนอกและภายในของมันคล้ายคลึงกับเครื่องพีซีเกมมิงขนาดเล็กมากขึ้น ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงว่าเกมคอนโซลที่พอร์ทมาลงพีซีในอนาคตจะทำได้รวดเร็วขึ้นและบั๊กน้อยลง (สาธุ)
ที่สำคัญยังดูเหมือนว่าแต่ละแพลตฟอร์มจะผ่อนผันเรื่องความเป็น Exclusive ของตัวเองมากขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วย ทั้งในแง่เกมประจำค่าย Sony ที่มีแววว่าจะเขยิบมาลง PC ให้เห็นกันมากขึ้น (สังเกตได้จาก Death Stranding และข่าวลือว่า Horizon Zero Dawn จะมาลง PC) รวมทั้งโหมดมัลติเพลเยอร์ที่เปิดให้เกมเมอร์จอยกันข้ามแพลตฟอร์มได้ง่ายกว่าเดิม หมายความว่าฐานผู้เล่นของแต่ละเกมจะใหญ่ขึ้น หาคนเล่นด้วยได้ง่ายขึ้นอีก
คำถามสำคัญอีกข้อในตอนนี้ก็คือแล้วเครื่องจะวางตลาดเมื่อไหร่? เราคาดว่าทั้งสองคอนโซลจะวางตลาดใกล้กันในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี หรือระหว่างช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคมของปี 2020 นี้ (มีเปอร์เซ็นต์สูงว่าจะออกในเดือนพฤศจิกายน ตามเวลาวางตลาดของเครื่องคอนโซลรุ่นก่อน) ส่วนค่าตัวของ Xbox Series X น่าจะอยู่ที่ประมาณ 499 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 15,000 บาทนิดๆ ซึ่งยังมีข่าวว่า Microsoft จะวางจำหน่ายเครื่อง Xbox หลายรุ่น หลายสเปกในทีเดียว เพื่อให้ผู้บริโภคเลือกซื้อได้ตามกำลังทรัพย์ ในขณะที่ราคาของเครื่อง PS5 ก็น่าจะไล่เลี่ยกัน ทั้งนี้ราคาขายในบ้านเราช่วงแรกคงจะโดดไปแตะหลักสองหมื่นบาทแหง ๆ
ดังนั้นคำแนะนของเราในฐานะเกมเมอร์ด้วยกันก็คือใจเย็น ๆ และค่อย ๆ รอให้ราคาลงก่อนดีกว่า เราจะได้ดูข้อมูลรีวิวเครื่องแบบละเอียด ได้ดูว่าเกมและเซอร์วิสของเครื่องไหนที่ตรงกับสไตล์เรามากกว่า เพราะเรื่องแบบนี้ช้า ๆ มีแต่ได้พร้าเล่มงามอยู่แล้ว และสงครามคอนโซลเจ็นใหม่คงเป็นศึกยืดเยื้อเป็นแน่ ซึ่งเกมเมอร์อย่างเรานี่แหละที่จะได้ประโยชน์มากที่สุด
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส