โดยปกติแล้วหากเกิดกระแสหรือข่าวเรื่องความรุนแรงไม่ว่าจะทำร้ายร่างกาย จี้ ปล้น หรือแม้แต่โศกนาฏกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้น “เกม” มักจะกลายเป็นแพะที่หลายคนมองว่าเพราะเกมจึงทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา แต่ในความเป็นจริงแล้วเกมส่งผลทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นหรือไม่?
Andrew Przybylski นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Oxford และ Richard Ryan นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัย Rochester ทำการวิจัยเกี่ยวกับวิดีโอเกม พบว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความรุนแรงของเกมที่นำไปสู่ความรู้สึกโกรธ โมโห ไม่พอใจ หรือความก้าวร้าว เช่น การปาเมาส์หรือจอย แต่อยู่ที่ความยากของเกม
งานวิจัยดังกล่าวได้รวบรวมกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักศึกษาทั้งหมด 600 คน โดยให้เล่นเกมหลายประเภท แต่หลายเกมจะถูกปรับไม่ให้มีความรุนแรงมาก เช่น Half-Life 2 แต่มีการปรับโหมดให้ง่ายและยากแตกต่างกันไป จากการทดลองพบว่า ไม่ว่าตัวเกมจะมีความรุนแรงหรือไม่ แต่หาก “ยากเกินไป” ก็ทำให้เกิดปฏิกิริยากับผู้เล่นได้ เช่นเกม Tetris และ Candy Crush หากยากเกินไปผู้เล่นก็มีอาการหัวร้อนได้เหมือนกัน (อ่านงานวิจัยชิ้นเต็ม)
เมื่อปีที่ผ่านมามีเหตุกราดยิงในโรงเรียนประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ใหญ่ก็มีการโทษประเด็นเกมเป็นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวเช่นเดียวกัน ซึ่ง Patrick Markey ศาสตราจารย์จาก Villanova ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับความรุนแรงและวิดีโอเกมกล่าวว่า “ยกตัวอย่างเกม GTA หรือ Call of Duty ซึ่งมักจะเป็นเกมที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นแบบของความรุนแรง แต่เมื่อดูปีแรกที่เกมถูกเปิดตัวออกมาพบว่าคดีฆาตกรรมในสหรัฐอเมริกาลดลงอย่างกระทันหันด้วย”
เพียงเพราะคนชอบเล่นเกมที่มีความรุนแรง แต่ไม่ได้หมายความว่าเกมและความรุนแรงในโลกแห่งความเป็นจริงจะต้องเกี่ยวกันเสมอไป
อ้างอิง CNET, Business Insider