เรื่องมาม่า เอ้ย ดราม่าในวงการเกมนี่เกมเมอร์คนไหนก็ชื่นชอบ โดยเฉพาะเรื่องเกมใหม่ที่คาดหวังสูงแต่ออกมาห่วยแตกนี่เป็นประเด็นที่เหมาะกับการเป็นขี้ปากในหมู่คนเล่นเกมนักแล อย่างไรก็ดี ช่วงหลังนี้วงการเกมมีเทรนด์ที่แปลก (แต่ดี) เทรนด์หนึ่งผุดขึ้นมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ นั่นคือการที่เกมซึ่งกาลครั้งหนึ่งถูกถ่มถุยและลงแขกจนเละไม่มีชิ้นดี หันมากลับตัวกลับใจพัฒนาตัวเองใหม่จนกลายเป็นเกมชั้นเยี่ยม ถึงขนาดเกมเมอร์ต้องยอมใจอ่อนแห่กันกลับไปเล่นแทบไม่ทัน แล้วทั้งสองฝ่ายก็มีความสุขไปด้วยกันตลอดกาล…
ต่อไปนี้คือรายชื่อเกมผู้ไม่ยอมแพ้ที่กลับมาขอคืนดีกลับเกมเมอร์ได้สำเร็จ แม้แต่คุณเองก็ควรให้โอกาสมันอีกซักครั้งเพราะมันดีมากเว่อร์! แล้วคุณจะได้พบกับความสนุกแบบที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอะเจอได้ในเกมเหล่านี้
อันดับ 5: Warframe
เกราะชีวะผอมกะหร่องที่อัดฉีดฟีเจอร์จนกลายเป็นเกราะกายเวอร์มหาประลัย
- ระดับความดราม่าตอนแรก: นินจาไร้นายที่ไม่มีใครเอา
- ระดับความสนุกตอนนี้: นินจามหาประลัยไล่สับทุกคำครหา
Warframe ออกมาเผยโฉมให้เกมเมอร์เห็นบนพีซีเป็นครั้งแรกในปี 2013 และผลลัพธ์ที่ออกมาในตอนแรกก็ดูไม่ค่อยงามเท่าไหร่ เพราะฟีเจอร์ในเกมมีน้อยมาก ศัตรูก็สู้ไม่มันส์ ฟาร์มของก็น่าเบื่อ ที่สำคัญสกิลเก่ง ๆ ของตัวละครยังต้องใช้เงินซื้อเท่านั้น เมื่อบวกกับการที่เกมมีบั๊กเยอะแยะเลยทำให้คะแนนรีวิวจากสื่อค่อนข้างจืดจาง ซ้ำร้ายไปกว่านั้นฐานผู้เล่นก็เลยมีอยู่แค่หยิบมือเดียวจนหาเพื่อนออนไลน์ด้วยยาก
อย่างไรก็ตาม Warframe ค่อย ๆ ใช้เวลาปรับปรุงตัวเองนานกว่า 3 ปีด้วยการ “ฟัง” ทุกอย่างที่กลุ่มแฟนของพวกเขาต้องการ เริ่มตั้งแต่การโละระบบ Pay-to-win ทั้งหมดทิ้ง ปรับของซื้อของขายด้วยเงินจริงให้กลายเป็นของแต่งสวย ๆ งาม ๆ และคลาสพิเศษเท่ๆ ที่มาพร้อมสกิลใหม่ ให้อารมณ์การเล่นต่างออกไปจาก Warframe ตัวอื่น แล้วเกมยังเติมฟีเจอร์ใหม่เข้ามาเป็นตัน ไม่ว่าจะเป็นแผนที่ใหม่ โซน Open-World ใหม่ และที่สำคัญที่สุดคือเพิ่มระบบ “Parkour 2.0” ที่ทำให้เกมเพลย์รวดเร็วจนแทบมองไม่ทัน เรียกได้ว่าใครเล่นเก่ง ๆ นี่ได้อารมณ์เป็นนินจาสายฟ้าอวกาศของแท้เลยเชียว ซึ่งมันส่งผลให้ตอนนี้เกมมีฐานผู้เล่นทั่วโลกเกือบ 50 ล้านคน! และทีมพัฒนาก็ยังคงไม่หยุดหยอดฟีเจอร์สนุกๆ เข้ามาเรื่อย ๆ ใครที่อยากลองเกมแอ็กชันเล่นยาว ๆ ที่มีฉากบู๊รวดเร็วต่อเนื่องได้อีก ขอบอกว่าตอนนี้แหละเหมาะที่สุดแล้วที่จะกลับไปสวมเกราะชีวะ Warframe
อันดับ 4: Halo: The Master Chief Collection
พระเอกเกราะเขียวแห่ง Xbox นั่งแก้บั๊กอยู่ 4 ปีจนได้ดี
- ระดับความดราม่าตอนแรก: บั๊ก The flood ระบาดทั่วโหมดมัลติเพลเยอร์
- ระดับความสนุกตอนนี้: Chief แห่งเกมยิงมัลติเพลเยอร์กลับมาแล้ววว
เมื่อยามที่ทีมพัฒนา 343 Industries ประกาศออกมาเป็นครั้งแรกว่าจะนำเกม Halo ทุกภาคมารีมาสเตอร์มัดแพ็กขายบนเครื่อง Xbox One แฟน ๆ ซีรีส์นี้ต่างตื่นเต้นจนตัวสั่น เพราะนอกจากพวกเขาจะได้กลับไปเล่นแคมเปญสุดสนุกรวดเดียว 4 ภาคติด พวกเขายังจะได้หวนกลับไปเล่นศึกมัลติเพลเยอร์สุดคลาสสิกระหว่างทีมสีฟ้ากับสีแดงด้วย… แต่โลกแห่งความจริงมันโหดร้าย เมื่อเกมที่ออกมาเต็มไปด้วยบั๊กร้ายประหนึ่งเผ่า The Flood ที่ทำให้เกมไม่สามารถเล่นออนไลน์ได้เลย ส่งผลให้ระบบจับคู่แมตช์ระหว่างผู้เล่นพังโดยสมบูรณ์แบบ จนทีมพัฒนาเองต้องออกมาขอโทษขอโพยยกใหญ่ ออกแพตช์เกมรัว ๆ แล้วยังแถมเกมภาค ODST ให้ฟรีเป็นการขออภัย แต่ถึงอย่างนั้น โหมดผู้เล่นหลายคนของเกมนี้ก็ตกอยู่ในสถานะผีเข้าผีออกนานกว่า 4 ปี จนแฟน ๆ ได้แต่นั่งรอนอนรออยู่ในแดนสนธยาอย่างไร้ความหวัง
จนในปี 2018 ที่เกมตัดสินใจรื้อระบบและ UI ครั้งใหญ่นี่แหละ ที่ทำให้ Master Chief กลับมายืนหยัดในวงการมัลติเพลเยอร์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ เพราะมันทำให้เกมเมอร์สามารถเข้าถึงโหมดต่าง ๆ ของแต่ละภาคได้โดยง่าย เซิร์ฟเวอร์และระบบจับคู่ก็ราบรื่นไม่มีปัญหา และที่สำคัญที่สุดคือเกมให้เกมเมอร์เลือกได้หมดว่าจะเก็บโหมดเนื้อเรื่องหรือโหมดมัลติเพลเยอร์ของภาคไหนเอาไว้ในเครื่อง ซึ่งช่วยประหยัดเนื้อที่บนเครื่องได้ดียิ่งนัก นอกจากนี้เกมยังออก Event มัลติเพลเยอร์พิเศษเข้ามาให้ผู้เล่นมีอะไรทำไม่หยุด จนทำให้มันกลับมาปังในหมู่เกมยิงออนไลน์ ฮิตจนทีมพัฒนาต้องพอร์ตเกมมาลงพีซีและรีมาสเตอร์ Halo: Reach มาเพิ่ม ถ้าคุณไม่เคยเล่น Halo มาก่อนหรืออยากกลับไปเล่นโหมดมัลติเพลเยอร์ของเกมนี้ล่ะก็ โอกาสทองมาถึงแล้ว!
อันดับ 3: No Man’s Sky
อวกาศร้างในวันก่อน กลายเป็นแดนมหัศจรรย์ในวันนี้
- ระดับความดราม่าตอนแรก: อุกกาบาตพุ่งชนจนดาวแตก
- ระดับความสนุกตอนนี้: เสร็จซะทีนะ เกมสำรวจอวกาศในฝัน!
หลายคนอาจจะยังจำประโยคขายของของเกม No Man’s Sky ที่ถูกประโคมผ่านสื่อกันได้ “เกมเมอร์จะได้ออกสำรวจดาว 18 ล้านล้านล้านดวง” มั่ง, “ผจญภัยในอวกาศไร้ที่สิ้นสุดเต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมหลากหลาย” มั่ง, “ออกสำรวจ เอาชีวิตรอด ต่อสู้ และค้าขาย” ในเกมสุดล้ำที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อนมั่ง ซึ่งหลังจากเกมเสร็จออกมาให้เล่นจริงในวันแรก หลายคนอาจจะเริ่มตระหนักได้ว่าบางทีทีมพัฒนาอาจจะพูดเว่อร์ไปหน่อย… ไม่หน่อยล่ะ! นี่แม่มโม้ชิบเป๋งเลยนี่หว่า!!?
เรื่องแรกเลย อวกาศในเกมนี้กว้างใหญ่ไพศาลก็จริง แต่มันช่างรกร้างว่างเปล่าเสียนี่กระไร ดาวต่างๆ ก็มีสภาพแวดล้อมหรือสิ่งมีชีวิตต่างกันเพียงนิดๆ หน่อยๆ และที่แย่คือมันไม่ได้สวยงามน่ามองเอาซะเลย เรื่องที่สองคือกิจกรรมที่ผู้เล่นทำได้ก็แสนซ้ำซากน่าเบื่อ วัน ๆ ทำได้แต่ถือปืนสารพัดประโยชน์มาฟาร์มแร่ (จะเอาไปยิงศัตรูก็ได้ แต่ระบบแอ็คชั่นในเกมก็จืดสนิท) แต่เรื่องที่สามที่แย่ที่สุดก็คือการที่ทีมพัฒนา Hello Games ออกมาโกหกเรื่องระบบมัลติเพลเยอร์ในเกมด้วยการตอบบ่ายเบี่ยงว่าผู้เล่นสามารถเล่นด้วยกันได้ แต่อวกาศในเกมนี้มันใหญ่เกินไปจนยากที่จะหากันเจอ (???) ทั้งที่ในความเป็นจริงเกมยังไม่ได้ใส่โหมดหลายผู้เล่นเข้ามาด้วยซ้ำ ทำให้ No Man’s Sky โดนตราหน้าว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ “ขี้ฮกเบเบี้” ที่สุดในวงการไปอย่างปฏิเสธไม่ได้
โดนเฉ่งหนักขนาดนี้ใคร ๆ ก็นึกว่าทีมพัฒนาจะตัดหางปล่อยวัดเกมนี้ซะแล้ว แต่พวกเขากลับตัดสินใจยืนหยัดแก้ไขสิ่งที่ตัวเอง “โม้” ไปสารพัด และทำให้คำโม้ทั้งหมดเป็น “ของจริง” ขึ้นมา จนสุดท้ายจึงได้เกมสำรวจอวกาศที่สมบูรณ์แบบอย่างที่พวกเขาวาดฝันเอาไว้ โดยทีมพัฒนาทยอยออกอัปเดตไซส์บิ๊กชื่อเท่ใส่เกมเข้ามาเรื่อย ๆ เช่น Foundation, Path Finder, Atlas Rises ฯลฯ ของใหม่เหล่านี้ช่วยปรับปรุงเกมและเพิ่มฟีเจอร์เข้ามาอีกสารพัดด้าน ตั้งแต่เติมระบบมัลติเพลเยอร์ให้เกมเมอร์เล่นด้วยกันได้จริงๆ ซะที รื้อกราฟิกเอนจิ้นใหม่ให้ภาพสวยขึ้นและบั๊กน้อยลง เติมยานพาหนะภาคพื้นดิน เติมระบบสร้างฐาน แม้แต่ฟีเจอร์ที่ทำให้เล่นเกมด้วยแว่น VR ได้ก็ยังมี และดูเหมือนอวกาศแห่งนี้จะยังมีของใหม่ทยอยเข้ามาไม่หยุด ทำให้ No Man’s Sky กลายเป็นฝันที่เป็นจริงสำหรับเกมเมอร์ที่แสวงหาเกมแนวสำรวจจักรวาลอันไกลโพ้นได้แล้ว
อันดับ 2: Final Fantasy XIV
ห่วยนักใช่ไหม? งั้นโละสร้างใหม่ทั้งเกมแม่ม!
- ระดับความดราม่าตอนแรก: เผลอทำเวทย์ล้างโลกตกใส่หัวตัวเอง
- ระดับความสนุกตอนนี้: นี่แหละประสบการณ์ FF ออนไลน์ที่แฟน JRPG ถวิลหา
เกม Final Fantasy ภาคแรกที่ผันตัวเองมาเป็น MMORPG เต็มรูปแแบบบนพีซี แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความอ่อนประสบการณ์ในการพัฒนาเกมออนไลน์หรือความทะเยอทะยานเกินไปของมัน ที่ทำให้เกมนี้สะดุดขาตัวเองล้มไม่เป็นท่าตั้งแต่ก้าวแรก ช่วงก่อนที่เกมวางตลาดก็เริ่มมีเค้าลางไม่ดีจากการที่เวอร์ชั่น Xbox 360 โดนยกเลิก และเวอร์ชัน PS3 ก็โดนเลื่อน พอเกมเวอร์ชันพีซีออกมาในปี 2010 เท่านั้นแหละ อื้อหือ… สื่อเกมต่างแห่กันด่าระงม เทคะแนนเฉลี่ยแค่ 5 เต็ม 10 แฟนๆ ก็ไม่วายแห่มาด่าด้วย ด่าทั้งเรื่องระบบเกมเพลย์ อินเตอร์เฟซ และที่ร้ายที่สุดคือทีมพัฒนา Optimize เกมมาแย่มากจนเหมือนยังทำเกมไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ (มีชมแค่ 2 เรื่องคือภาพสวยเพลงเพราะ) เกมโดนถล่มหนักจน Square Enix ต้องปิดระบบสมัครรายเดือน ไล่หัวหน้าทีมพัฒนาเดิมออก แล้วปิดเซิร์ฟเวอร์เกมลงในปี 2012… ก่อนที่จะกู้ชีพ FF XIV ขึ้นมาอีกครั้งในปี 2013…
คราวนี้ Square Enix กลับมาแบบเอาจริง นอกจากชื่อ Final Fantasy XIV (โดยมีชื่อห้อยเพิ่มนิดนึงว่า A Realm Reborn) ที่เก็บเอาไว้ อย่างอื่นในเกมถูกรื้อสร้างใหม่เรียบ เอนจิ้นเกมมีปัญหาเหรอ? พัฒนาขึ้นมาใหม่สิ เกมเพลย์กับอินเตอร์เฟซก็ห่วยใช่มะ? ทำใหม่โลด เออ แล้วก็ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เขียนเส้นเรื่องใหม่ให้ต่อจากภาค 14 เวอร์ชั่นแรกไปด้วยเลยก็แล้วกัน คือทำขนาดนี้จะเรียกว่ามันเป็นเกมใหม่ในชื่อเดิมก็ได้ แต่ผลที่ออกมาก็ดีเกินคาด เพราะเกมเมอร์ต่างชื่นชมที่หัวหน้าทีมพัฒนาคนใหม่พลิกวิกฤติเป็นโอกาสจนมอบเกม Final Fantasy Online แบบที่แฟน ๆ ต้องการได้ เกมเวอร์ชั่นใหม่นี้มีเควสต์ให้เกมเมอร์ทำเยอะแยะ ลงดันก็สนุก บอสก็สู้มันส์ ฉากก็อลังการ ซึ่งความสำเร็จของการตายแล้วฟื้นครั้งนี้ทำให้เกมออกภาคเสริมใหญ่มาอีก 3 ตัวรวด จนรวบรวมฐานผู้เล่นได้มากกว่า 18 ล้านคน คอ FF ที่อยากเล่นออนไลน์กับเพื่อนไม่ต้องหาที่ไหนไกล กระโดดเข้ามาในเกมนี้เร็ว
อันดับ 1: Star Wars: Battlefront II
มหากาพย์ดราม่าเกมระดับจักรวาล พลิกตัวเองมาเป็นเกมมัลติเพลเยอร์สนุกสุดมันส์ นะ… หน่านี้!
- ระดับความดราม่าตอนแรก: Death Star ยิงโลกดับ
- ระดับความสนุกตอนนี้: เกม Star Wars ในอุดมคติที่ทำให้ความฝันในวัยเด็กของคุณเป็นจริง!
ใครเป็นเกมเมอร์คงจะไม่มีทางพลาดข่าวโคตะระมาม่าแห่งวงการเกมในปี 2017 กับคำว่า “Battlefront 2”, “Loot Box” และ “EA” ความดราม่าของมันหนักขนาดทำให้บริษัทเกมรายยักษ์ทั่วโลกต้องแห่กันเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ และหลายประเทศถึงกับออกกฎหมายเพื่อป้องกันระบบการพนันในเกมที่อาจล่อลวงเยาวชนเลยทีเดียว
สาเหตุก็เพราะระบบการซื้อของภายในเกม (Micro transaction) ในเกม Battlefront 2 ตอนออกมาครั้งแรกนั่นขายหนัก ขายตรง ยิ่งกว่าธุรกิจลูกโซ่ สกิลใหม่ทุกแบบได้มาจากการเปิดกล่องสุ่ม สกิลพิเศษทุกแบบของแต่ละคลาสก็ได้มาจากการเปิดกล่องสุ่ม แม้แต่ฮีโรตัวดัง ๆ อย่าง Luke หรือ Darth Vader ก็ยังต้องลุ้นเอาจากกล่องสุ่ม ถึงเกมจะอ้างว่าผู้เล่นสามารถเล่นเกมไปเรื่อย ๆ จนได้มาเองก็ได้ แต่เอาเข้าจริงเกมเมอร์ต้องตะบี้ตะบันเล่นจนหน้ามืดกว่าจะได้! ในขณะที่สายเปย์สามารถกดจ่ายเงินแล้วได้ทั้งตัวละครและสกิลโหด ๆ ที่ต้องการเพียงปลายนิ้ว อีหรอบนี้ความสมดุลในเกมก็พังกระจายสิครับ ใครมีตังค์มากกว่า ใจปล้ำกว่า ก็เก่งกว่าซะอย่างนั้น แล้วใครมันจะอยากไปเล่นกันล่ะ
อย่างไรก็ตาม ดั่งมีอุบัติการณ์แห่งพลังด้านสว่างที่มอบความหวังให้ Battlefront 2 และแฟนสตาร์วอร์สในยุคมืด เมื่อ DICE เลาะระบบ Loot Box ของเดิมทิ้งแม่มหมด แล้วค่อยๆ เพิ่มของเล่นใหม่เข้ามาไม่หยุดเพื่อซื้อใจแฟน ๆ กลับมา ทั้งสกินใหม่ แผนที่ใหม่ ฮีโรใหม่ ปืนใหม่ จนตอนนี้เกมมีของใหม่ให้เล่นได้ฟรีมากกว่าเดิมเกือบเท่าตัว! และที่เด็ดคือเกมเพิ่มโหมดใหม่เอี่ยมสุดอลังการเข้ามาด้วย ทั้ง Capital Supremacy และ Co-op ตอบโจทย์เกมเมอร์ที่อยากรบในสมรภูมิอลังการ และสายที่อยากจับมือกับเพื่อนตื้บบอท ซึ่งเท่าที่ดูรูปการณ์เกมคงจะไม่หยุดอัพเดตของใหม่ในเร็ว ๆ นี้แน่ ทำให้ตอนนี้พูดได้เต็มปากว่า Battlefront 2 เวอร์ชั่นปี 2017 สามารถมอบประสบการณ์ Star Wars ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนเกือบจะเทียบเท่า Battlefront 2 ภาคคลาสสิกที่เคยออกมาในปี 2005 เลยด้วยซ้ำ!
*โบนัส… และอีก 3 เกมกาก ที่วันนั้นห่วยยังไง วันนี้ก็ยังกากอย่างนั้น
อันดับ 3: ANTHEM ที่ไม่มีใครร้องสรรเสริญ
เกม Open World RPG ที่บินมั่วซั่วจนถึงวันนี้ก็ยังจับต้นชนปลายตัวเองไม่ถูก นอกจากภาพกราฟิกที่สวยดีและระบบบินที่สนุกใช้ได้ เกมนี้มีแต่ความซ้ำซากจำเจจากเกมเพลย์และภารกิจที่เล่นวน ๆ แบบเดิม ๆ มีแต่บั๊กน้อยใหญ่ แถมเกมยังแทบไม่มีเนื้อเรื่องหรือ End-game content ใดๆ อีกต่างหาก ก็ได้แต่หวังว่า Bioware และ EA จะรีบจับเกมนี้มาล้างไพ่ชุบตัวเร็ว ๆ นี้นะ ไม่งั้นฐานผู้เล่นได้บินหนีหมดแหง
อันดับ 2: Fallout 76 ตายสนิทในโลกนิวเคลียร์
เกมโลกหลังหายนะนิวเคลียร์ที่ถึงจะเล่นตอนโลกแตกก็คงไม่สนุกอยู่ดี เอาจริง ๆ แค่คอนเซ็ปต์ที่เอาเกม Fallout 4 มาให้เล่นกับเพื่อนแบบออนไลน์ได้ก็น่าสนุกแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมสิ่งที่ออกมาคือเกมออนไลน์ที่ภาพกากอุดมไปด้วยบั๊กสารพัดชนิด โลกหลังหายนะในเกมก็ร้างจนแทบไม่มีอะไรให้ทำ ยังไม่พอ เกมยังมีข่าวเสียๆหายๆ ออกมาไม่หยุดหย่อน ทั้งเรื่องแพตช์ที่เพิ่มมีปัญหาให้เกมกว่าเดิม สินค้าของเกมที่คุณภาพห่วยแตก และการให้ผู้เล่นจ่ายรายปีประมาณสามพันกว่าบาทถึงจะเปิดเซิร์ฟเวอร์เล่นคนเดียวได้ เอาเป็นว่าอยู่ห่าง ๆ กากนิวเคลียร์ก้อนนี้ไว้เหอะ
อันดับ 1: Metal Gear Survive ไม่รอด!
เกม Metal Gear จอมปลอมที่เอาชื่อซีรีส์ดังของ Hideo Kojima มาย่ำยีซะไม่เหลือชิ้นดี ไม่รู้ Konami คิดอะไรถึงได้เปลี่ยนเนื้อเรื่องพื้นหลังให้ Metal Gear กลายเป็นเกมสู้กับซอมบี้ต่างมิติไปซะได้ แล้วยังใส่ระบบเกมเพลย์ที่ทั้งซ้ำซากทั้งน่าเบื่อ ให้ผู้เล่นค่อย ๆ เก็บหอมรอมริบทรัพยากรมาสร้างฐาน แล้วใช้อาวุธเดิม ๆ จิ้มซอมบี้ไปเรื่อย กว่าจะมีของเล่นใหม่ให้ใช้ได้ก็ต้องตะบี้ตะบันเล่นจนหน้ามืด (อยากได้ของใหม่ให้เกมเล่นง่ายขึ้นเร็ว ๆ เหรอ? จ่ายเงินเพิ่มผ่านระบบ Microtransactions สิ!) ถึงจะอยากเล่นคนเดียวก็ยังต้องออนไลน์ตลอดเวลา ที่ร้ายที่สุดคือแทบไม่มีส่วนไหนในเกมนี้เลยที่เน้นให้เกมเมอร์ “ลอบเร้น” หลบศัตรู ซึ่งนั่นมันคือลายเซ็นของเกมซีรีส์นี้เลยนะเฟ้ย! ทุกวันนี้คุณสามารถหาเกมนี้ได้ในราคาสุดถูกตามกระบะแผ่นเกมลดราคาทั่วไป แต่จะให้ดีลืม ๆ ไปเถอะว่าเคยมี MG ภาคนี้อยู่บนโลก
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส