พระนางสวยหล่อมีเอกลักษณ์ชวนให้หลงเสน่ห์ เนื้อเรื่องอลังการเกินจะบรรยาย ตำนานเล่าขานของพลังอำนาจคริสตัล ฯลฯ ที่กล่าวมาทั้งหมดคือองค์ประกอบที่ซ้ำยังเป็นภาพจำของตำนานซีรีส์ JRPG ที่ยังหายใจอย่าง Final Fantasy แต่กระนั้นก็ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นเดียวกัน นั่นคือ Chocobo สิ่งมีชีวิตที่อาจกล่าวได้ว่าอยู่คู่บุญมากับซีรีส์นี้อย่างช้านาน บทความพิเศษนี้ (แต่ถ้าอยากดูในรูปแบบวิดีโอก็มีนะกดที่ลิงก์นี้เลย) จะพาทุกคนไปรู้จักแง่มุมที่น่าสนใจของเจ้านกเหลืองน่ารักตัวนี้กันครับ
ดีไซน์แรกที่ไม่ได้เฉียดปัจจุบันเลยสักนิด
เชื่อว่าเห็นกันครั้งแรก ใคร ๆ ก็ต้องบอกว่าน่ารัก ซึ่งก็ต้องยอมรับตรง ๆ ว่าดีไซน์ Chocobo ทำออกมาได้ขาดและมีเอกลักษณ์ใช้ได้เลยล่ะครับ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าดราฟต์หรือการออกแบบครั้งแรกของเจ้านกเหลืองนี้ ไม่ได้เฉียดความน่าอภิรมย์ทางสายตาเลยแม้แต่น้อย และที่ไม่น่าเชื่อเลยก็เพราะว่ามันเป็นการออกแบบด้วยปลายปากกาของคุณโยชิทากะ อามาโนะ ผู้กำกับศิลป์ที่ออกแบบโลโก้และอาร์ตเวิร์คให้กับซีรีส์นี้ในภาคแรก ๆ ซึ่งก็โชคดีละนะครับที่ทาง Square (ปัจจุบันเป็น Square Enix ละ) ปัดตกไป…
ซึ่งในดราฟต์ต่อมา Chocobo ก็ได้ถูกออกแบบด้วยนายโคอิจิ อิชชิแทน ที่ก็ได้ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้ต่างออกไปที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการผสมผสานกันระหว่างนกที่อยู่ในแอนิเมชันเรื่อง nau sicaa of the valley of the wind และ Kyorochan และได้ถูกนำไปใส่ในเกมครั้งแรกใน Final Fantasy ภาคที่ 2 ซึ่งก็ผ่านมัติกรรมการทันทีทั้งจากทางค่ายพัฒนา/จัดจำหน่ายเกมเองและผู้เล่นทั่วไปที่ได้เห็น
ส่วนชื่อ Chocobo นั้นคุณฮิโรมิชิ ทานากะ โปรดิวเซอร์ใหญ่ของซีรีส์ Final Fantasy เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้แทนคุณโคอิชิ อิชชิ ว่าแกได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเรียกชื่อขนมช็อกโกแลตบอลของชาวญี่ปุ่นที่พอมันไปอยู่การออกเสียงของชาวอาทิตย์อุทัย มันก็ได้กลายเป็นคำว่า “โชโคโบะ” ในที่สุดครับ
จากองค์ประกอบเสริม สู่ภาพจำของเกมจนมีหน้ามีตาเป็นของตัวเอง
Chocobo ปรากฎตัวเป็นครั้งแรกในภาคที่ 2 โดยมาในรูปแบบของพาหนะช่วยเหลือในการเดินทาง และในภาคที่ 3 4 และ 6 บทบาทของ Chocobo จะมาในรูปของมนต์อสูรตัวหนึ่ง แต่ที่เห็นเว้นว่างภาค 5 ไป ก็ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ เพราะในภาคนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเพิ่มพูนความนิยมในตัว Chocobo และส่งให้เจ้านกตัวเหลืองนี้ กลายเป็นหนึ่งใน “มาสคอตประจำตระกูล Final Fantasy เลยทีเดียว คือในภาคนี้พวกเขาได้เพิ่มบทบาทให้กับ Chocobo ตัวหนึ่งด้วยการตั้งชื่อให้กับมันว่าโบโกะ (Boko) ที่เป็นสหายร่วมเดินทางคู่ใจขอตัวเอกในภาคนี้ ที่หลายช่วงของเนื้อเรื่องในเกม เราจะได้เห็นความน่ารักน่าชังที่เจ้านกเหลืองพิเศษตัวนี้ และในหลายครั้ง เจ้าโบโกะนี่แหล่ะได้แย่งซีนหรือช่วยเหลือกลุ่มของพระเอกในเวลาคับขัน ซึ่งเจ้าโบโกะก็ได้สร้างโมเมนต์ที่น่ารักให้กับ Final Fantasy ด้วยการที่บทสรุปของเรื่องโบโกะได้แต่งงานใช้ชีวิตคู่กับ Chocobo เพศเมียที่ชื่อ โคโคะ (Koko) แถมยังพาลูก ๆ มาอวดให้ตัวเอกของเราได้เห็นอีกด้วย
และตั้งแต่ภาค 7 ขึ้นไป เจ้านกเหลืองสุดน่ารักจะมีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้นในรูปแบบ “มินิเกม” ที่มันสนุกมากกกก แถมมาในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะด้วยนั่นคือแผ่นที่ 3 ซึ่งมันเป็นจังหวะของเกมที่มอบอิสระให้ผู้เล่นสำรวจโลกได้มากที่สุด โดยมินิเกมที่เกี่ยวข้องกับ Chocobo ในภาคที่ 7 นั้นจะเป็นการบรีดดิ้งที่ผู้เล่นจะต้องออกตามจับเหล่า Chocobo เพื่อนำมาเลี้ยงดู ผสมพันธ์ุกันเพื่อให้ได้ออกมาเป็นตัวลูกที่เก่งและดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งในบั้นปลายของมินิเกมนี้ คือการที่เรานำ Chocobo (ที่ใช้เวลาปลุกปั้นมันนับหลัก 10 ชั่วโมง!) นำไปแข่งขันความเร็ว เพื่อล่ารางวัลชั้นยอดทั้งหลายมา นี่คือโมเดลของ Chocobo ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในภาคที่ 7 และทำให้ Chocobo ถูกแตกแขนงไปเป็นเกมใหม่ที่เกมเมอร์บ้านเราเล่นรู้จักเป็นอย่างดี นั่นก็คือ…
Chocobo Racing เกมที่เกมเมอร์ชาวไทยรู้จักเป็นอย่างดี
มีสองปัจจัยล่ะนะครับที่ทำให้เกม Chocobo Racing เกิดขึ้นมาได้ หนึ่งคือทาง Square ต้องการเดินตามความสำเร็จของ Mario Kart ที่มันฮิตถล่มทลายในระดับโลก และสอง จากการที่ Chocobo ได้ถูกส่งเสริมสร้างความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ มันก็เลยส่งผลให้ถูกดันขึ้นมาและทำเกมแยกออกมาเป็นของตัวเองที่ก็น่าจะต่อยอดไอเดียมาจากมินิเกม Chocobo ในภาคที่ 7 นั่นแหล่ะ
แต่ถ้าในระดับสากลคำวิจารณ์ของ Chocobo Racing นั้นค่อนข้างถูกลงความคิดเห็นแบบแรง ๆ เลยล่ะว่ามันคือการลอกสูตรสำเร็จของ Mario Kart มาแบบโต้ง ๆ แต่สาเหตุที่เกมเมอร์ชาวไทยมีความทรงจำดี ๆ ให้กับเกมนี้ ก็คงจะเป็นเพราะ ในยุคที่ PlayStation 1 เข้ามาในไทย มันได้มาพร้อมกับ “ยุคมืด” ของวงการเกมในบ้านเราที่แผ่นเกมเถื่อนนั้นเป็นเรื่องปกติ (ที่มันไม่ควรจะเป็นเรื่องปกติเซ่!) บวกเข้ากับ Final Fantasy ในบ้านเรา มันคือซีรีส์เกมที่ใครหลายคนรู้จักเป็นอย่างดี และยิ่งตัดสินใจเลือกเล่นเกมกันได้ไม่ยากเมื่อได้เห็นหน้าปกว่าตัวละครเด่น ๆ ที่อยู่ตรงกลาง คือเจ้า Chocobo นั่นเอง
ไหน ๆ ก็พูดถึง Chocobo Racing ผมขออธิบายตัวเกมแบบคร่าว ๆ ให้หายพอคิดถึงกันเป็นกระสัยละกันครับ ตัวเกมนั้น มาในรูปแบบการเล่นที่คล้าย ๆ Mario Kart แต่จะมีข้อที่แตกต่างออกไปคือ เหล่าตัวละครที่เลือกบังคับได้จะถูกยกโขยงมาจากแฟรนไชส์ Final Fantasy ที่แต่ละตัวก็จะมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะด้วยรูปลักษณ์ของรถคาร์ตหรือตัวละครที่ดีไซน์ออกมาให้มีเหมาะสมกับการเป็นเกมแข่งรถ (จอมเวทย์ขาวนี่คิดได้ไง! ขี่พรมมาเชียว) ซึ่งในยุคนั้น เกมการเล่นแบบนี้เป็นอะไรที่สดใหม่และมีเอกลักษณ์มาก
และนี่ก็คือทั้งหมดของ Game Character Profile ในครั้งนี้ครับ ใครอยากให้ทางเราขุดประวัติตัวละครไหนมาอีก ก็ลองคอมเมนต์บอกกันได้นะ และก็อย่าลืมกดไลก์ กดแชร์ กดกระดิ่งแชนแนล Thai Gamers ด้วยละครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส