เกมจบแต่เรื่องราวยังไม่จบนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเกม Last of us Part ll ที่ยังเป็นประเด็นให้คนทั้งโลกพูดถึงในความชอบและไม่ชอบของเกมนี้ ที่มีทั้งฝ่ายรักมากมายกับไม่ชอบเลยถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนตามกลุ่มเกมต่าง ๆ ทั่วโลก แต่หนึ่งสิ่งที่พวกเราทุกคนมองข้ามไปนั่นคือมุมมองแง่คิดและสิ่งต่าง ๆ ที่เกมนี้ได้บอกเรา ว่านอกจากความชอบไม่ชอบเกมนี้แล้วตัวเกมยังมีประเด็นต่าง ๆ ที่น่าสนใจที่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องอยู่มากมาย วันนี้เรามาขยายมุมมองแง่คิดเหล่านั้นกันแบบเป็นกลางไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง ถึงมุมมองแง่คิดสิ่งต่าง ๆ ในเกมนี้ที่ทีมพัฒนาและคนเขียนบทต้องการบอกเรา มาดูกันว่าตัวเกม The Last of us Part ll มีประเด็นอะไรที่น่าสนใจบ้าง ถ้าพร้อมแล้วก็เตรียมกระเป๋ามีดเตรียมปืนให้พร้อมแล้วตามมาดูกันเลย
คำเตือน เนื้อหาภายในบทความมีการเปิดเผยเนื้อเรื่องในเกมโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ทุกอย่างมีผลตามมาเสมอทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย
เริ่มต้นเรื่องแรกกับสิ่งที่เรียกว่าผลที่ตามมาในกรณีของเกม The Last of us Part ll จะมีมุมมองความคิดที่ค่อนข้างสมจริงในแง่ของเรื่องราวต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบจากภาคที่แล้วที่ส่งผลมาถึงภาคที่ 2 ซึ่งตัวของ Joel นั้นก็เป็นตัวอย่างของคำ ๆ นี้ได้เห็นชัดที่สุด เพราะตลอดทั้งเกม The Last of us สิ่งที่ Joel ได้ทำมานั้นมันคือสีเทาที่เราไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าสิ่งที่เขาทำมันถูกหรือผิด เพราะเมื่อมาถึงจุด ๆ หนึ่งที่เราเคยสูญเสียสิ่ง ๆ หนึ่งไปแล้ววันหนึ่งเราได้สิ่งที่คล้ายกันกลับมาอีกครั้ง จนเมื่อมาถึงจุด ๆ หนึ่งเราอาจจะต้องสูญเสียสิ่งนั้นไปอีกครั้งเป็นคุณก็คงไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แต่สิ่งที่คุณต้องเลือกกับสิ่งที่ Joel เลือกมันต่างกัน เพราะสิ่งที่ Joel เลือกคือปล่อยให้โลกนี้เน่าเหม็นและตายเพราะเชื้อราต่อไปเพื่อแลกกับสิ่งที่ตนรัก
แต่ทุกอย่างมันมีผลที่ตามมาเสมอเพราะสิ่งที่ Joel ทำนั้นมันคือการฆ่าและพรากชีวิตคนอื่นมามากมายไม่นับแค่เพียงในโรงพยาบาล แต่รวมถึงการปล้นฆ่าแย่งชิงป้องกันตัวหรืออะไรหลาย ๆ อย่างตลอด 20 ปีที่เชื้อรามรณะครองโลก แต่สิ่งที่ Joel ทำมันคือเรื่องปกติในโลกที่ล่มสลายนั้นเป็นจึงดูเหมือนไม่มีผลตามมา จนมาถึงเรื่องของโรงพยาบาลที่ใครซึ่งเคยเล่นภาคแรกมาแล้วคงจะทราบดีว่า Joel ได้ฆ่าคนทั้งโรงพยาบาลเพื่อปิดปากเรื่องการมีตัวตนของ Ellie ซึ่งหนึ่งในคนที่ Joel ฆ่าคือดวงใจอีกดวงเหมือนที่ Joel มีนั่นคือพ่อของ Abby ที่เมื่อดวงใจของ Abby ถูกพรากไปเธอจึงพยายามแก้แค้น ซึ่งตัวของ Joel น่าจะเข้าใจจุดนี้ว่า Abby รู้สึกยังไงกับความฝันถึงเรื่องเดิมที่ไม่สามารถหลุดพ้นมันไปได้ ดังนั้นสิ่งที่ Joel ทำมันคือเรื่องสมควรที่เขาควรได้รับแม้มันจะเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับการฆ่าคน แต่อย่าลืมว่าคนที่เราฆ่าเขาก็มีคนที่รักเหมือนกัน
เราไม่สามารถลบสิ่งที่ดีและเรื่องร้าย ๆ ออกไปจากสมองได้ง่าย ๆ
หนึ่งในฉากที่คนเล่นเกม The Last of us Part ll เจอในเนื้อเรื่องของ Abby นั่นคือฉากของ Abby ในวัยเด็กวิ่งอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อเข้าไปยังห้องผ่าตัดที่เห็นภาพของพ่อเธอเสียชีวิตอยู่ในนั้น ซึ่งภาพนั้นยังคงติดตาหลอกหลอนเธอทุกครั้งที่หลับตา แบบเดียวกับที่ Joel ก็ต้องฝันถึงเหตุการณ์ในตอนที่ลูกสาวเสียชีวิตและแน่นอนว่า Ellie เองก็รู้สึกแบบเดียวกันเมื่อเธอต้องลงไปยังห้องใต้ดินที่กับเสียงร้องของ Joel ที่ดังอยู่โดยที่ Ellie ก็ไม่สามารถเปิดประตูนั้นได้ ซึ่งสิ่งที่ทั้งสามคนนี้เป็นมันคือความรู้สึกผิดบาปไม่ให้อภัยตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องหรือช่วยคนที่รักได้ ในสายตาคนนอกอาจจะมองว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ทั้งสามคนต้องมาแบกหรือรู้สึกผิดและเราสามารถก้าวข้ามมันไปได้ไม่เห็นต้องเก็บมาคิดเลย
แต่เรื่องแบบนี้คุณถ้าไม่เจอกับตัวไม่มีวันรู้และอย่าบอกใครว่าเข้าใจถ้าไม่เคยยืนตรงจุดนั้นจริง ๆ เพราะสิ่งที่ทั้ง 3 คนเป็นนั้นไม่ใช่ความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องคนที่รักได้เพียงอย่างเดียว แต่มันคือความรู้สึกสูญเสียเหมือนขาดขาดเสาหลักขาดสิ่งยึดเหนี่ยวที่เป็นของมีค่าที่รักที่สุดไป ซึ่งตลอดทั้งเกมนั้น Abby ต้องเจอเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลากับการเห็นเพื่อนคนรู้จักเสียชีวิตเธอจึงเห็นค่าของการมีชีวิตตลอดเวลา ขณะที่ Ellie เธอก็มีหลายคนที่รักแต่เธอไม่ต้องรับการสูญเสียเท่า Abby และในครั้งสุดท้ายที่เธอได้ช่วยสองพี่น้อง Yara กับ Lev และหาเครื่องมือผ่าตัดมาได้ในตอนนั้น Abby ได้ปลดล็อคความรู้สึกที่สูญเสียในจิตใจได้โดยเห็นพ่อของเธอยืนยิ้มแทนภาพของศพพ่อและก้าวข้ามความรู้สึกสูญเสียที่มาทดแทนกันได้ ขณะที่ Joel เองก็เช่นกันที่สามารถก้าวข้ามไปได้เมื่อเจอกับ Ellie แต่ตัว Ellie กลับทำไม่ได้จนจบเกมเธอก็ยังคงต้องแบกสิ่งนั้นไปจนตาย
สิ่งที่ Joel ในตอนท้ายภาคแรกถูกหรือผิด
ย้อนกลับมาตอนแรกสุดเมื่อเปิดเกม The Last of us Part ll เราจะได้เห็นฉากการบุกโรงพยาบาลของ Joel อีกครั้งเพื่อช่วย Ellie จากการฝ่าตัด ซึ่งถ้าใครที่เล่นภาคแรกมาแล้วคงจะเกิดคำถามกับตัวเองว่าถ้าเป็นคุณจะทำอย่างไร จะเลือกเสียสละดวงใจสิ่งยึดเหนี่ยวที่เคยแตกสลายแต่ได้กลับมาอีกครั้งและอาจจะเสียมันไปอีก กับการหันหลังให้โลกช่างหัวโลกมันซิว่าจะเป็นยังไงฉันของรักษาหัวใจของฉันเอาไว้ก็พอ ซึ่ง Joel เลือกอย่างหลังแบบซึ่งนั่นคือคำถามที่ถูกแตกออกมาเป็น 2 แบบว่าสิ่งที่ Joel ทำนั่นถูกหรือผิด
ซึ่งคำถามนี้เราไม่สามารถตอบแทนใครได้จริง ๆ เพราะหลายคนที่ได้เล่นเกม The Last of us ที่ได้เล่นเกมนี้ต่างก็รู้สึกต่างกันออกไป บางคนคิดว่าสิ่งที่ Joel ทำมันคือสิ่งผิดที่เลือกแบบนี้เพราะมันคือความเห็นแก่ตัวที่เอาความรักมาอ้างเพื่อปกป้องหัวใจตัวเองไม่ให้แตกสลายอีกแทนที่จะคิดถึงส่วนรวมแต่กลับคิดถึงแต่ตัวเอง นั่นคือสิ่งที่คนไม่พอใจในสิ่งนี้พูดออกมา ขณะที่ฝ่ายที่เห็นด้วยกับสิ่งที่ Joel ทำก็คิดแบบเดียวกันกับคนที่เห็นต่างทุกอย่าง(ย้ำว่าเห็นด้วยทุกอย่างไม่ถียงแม้แต่คำเดียว) แต่ถ้าให้เลือกแบบ Joel คนเล่นหลายคนก็จะเลือกแบบ Joel เพราะอะไรเขาถึงเลือกแบบนั้น ก็เพราะเราจิตใจของมนุษย์มีความรู้สึกรักโลภโกรธหลงกับความเข้มแข็งในจิตใจที่ต่างกันจะไปชี้นิ้วให้ทุกคนคิดแบบเดียวกันไม่ได้ และถึงแม้จะรู้ว่าสิ่งที่เลือกมันผิดและชั่วร้ายแต่ก็อยากจะปกป้องหัวใจตัวเองเพราะพอแล้วกับการแตกสลายของหัวใจที่ใครไม่เคยเป็นคงไม่รู้ และอย่างที่ Joel บอกในตอนท้ายเกมว่า ถ้าพระเจ้าให้โอกาสที่สองกับฉันเพื่อทำมันฉันก็จะเลือกแบบเดิม เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนพร้อมกับคำถามที่ว่าถ้าคุณรักใครคนหนึ่งหมดหัวใจและเมื่อคุณรู้ว่าจะต้องเสียคนที่รักไปโดยที่คุณแก้ไขมันได้คุณจะทำไหม นั่นคือคำถามที่เราอยากให้คุณไปคิดแทน Joel
สิ่งที่ Abby ทำถูกหรือผิด
อีกหนึ่งประเด็นที่ถูกยกมาพูดถึงกับสิ่งที่ Abby ทำในเกมว่าสิ่งที่เธอทำนั้นถูกหรือผิด กับการฆ่า Joel อย่างเลือดเย็นต่อหน้า Ellie ซึ่งเรื่องนี้เราต้องย้อนกลับไปดูมุมมองความรู้สึกของ Abby ว่าถ้าคุณสูญเสียคนที่รักคนที่เป็นเสาหลักของชีวิตดวงใจที่แตกสลายไม่เหลือชิ้นดีและคนที่พรากสิ่งนั้นไปกลับมีชีวิตที่มีความสุข(Abby คิดว่ามีความสุข) แต่ตัวเองต้องทนฝันร้ายเห็นภาพวันที่พ่อตายในโรงพยาบาลซ้ำแล้วซ้ำอีกมาตลอดหลายปีถ้าเป็นคุณจะรู้สึกยังไง แน่นอนการแก้แค้นมันคือการได้ปลดปล่อยแต่หลังจากที่ Abby ได้ฆ่า Joel เธอก็ไม่ได้มีความสุขหรือฝันร้ายจะหายไปเพราะเธอก็ยังฝันถึงค่ำคืนนั้นอยู่
นั่นคือคำตอบที่ Abby รู้ตัวเลยว่าการแก้แค้นไม่ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามเธอกลับรู้สึกผิดมากขึ้นที่ได้พรากสิ่งสำคัญของคนอื่นไปแทน ซึ่งถ้าคุณดูสีหน้าของ Abby สีหน้าตอนปัจจุบันที่เราได้เล่นเป็นเธอหลังจากฆ่า Joel ที่เธอจะมีหน้าที่เศร้าอมทุกข์ไม่มีความสุขหรือยิ้มเลย กับตอนก่อนที่เธอจะฆ่า Joel ในสมัยวัยรุ่นตัว Abby นั้นมีรอยยิ้มสดใสขนาดไหนทั้งที่ตัวเองต้องแบกความทุกข์และฝันร้าย ดังนั้นเรากล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าสิ่งที่ Abby ทำมันผิดมาก ๆ ผิดแบบไม่ควรให้อภัย แต่เธอก็ได้รับผลจากการกระทำทั้งการสูญเสียคนรักเพื่อน ๆ จากผลที่เธอทำซึ่งก็ย้อนไปที่หัวข้อแรกกับทุกอย่างที่เราทำมักจะมีผลตามมา ดังนั้นถ้าจะด่า Abby ว่าชั่วว่าเลวก็ต้องด่า Ellie ด้วยเพราะทั้งคู่ก็ทำเหมือนกัน แต่ Abby ฆ่าเพื่อปกป้องแต่ Ellie ฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าเพราะความแค้นนั่นคือสิ่งที่นักพัฒนาต้องการบอกเรา
Ellie กับ Abby ความเหมือนที่แตกต่าง
ต่อเนื่องจากหัวข้อที่แล้วที่เมื่อเราพูดถึงสองตัวละครอย่าง Ellie กับ Abby ที่ทั้งคู่นั้นเริ่มต้นด้วยสิ่งเดียวกันแต่ทั้งสองคนกลับเดินไปคนละทางอย่างชัดเจน เริ่มจาก Abby ที่เริ่มต้นด้วยการแก้แค้นที่ทีมพัฒนาต้องการให้เราเกลียดเธอด่าเธอ แต่เมื่อคุณได้เล่นเป็น Abby ได้เห็นมุมมองความคิดจิตใจความรู้สึกของเธอเราจะเห็นว่า Abby คือคนที่มีจิตใจดีกว่าที่เราเห็นแต่เพราะความคิดหลงผิดที่คิดว่าการแก้แค้นจะช่วยให้เธอรู้สึกดี แต่กลายเป็นว่ามันไม่ช่วยอะไรเลยแถมยังจมทุกข์หนักกว่าเดิมและต้องรับผลที่ตามมาเมื่อต้องเสียเพื่อนกับคนรักกับสิ่งที่เธอเลือก จนเมื่อเธอช่วยสองพี่น้อง Nora กับ Lev สีหน้าที่ Abby แสดงออกมากลับสดใสเพราะสิ่งที่เธอค้นพบไม่ใช่การแก้แค้นแต่เป็นการช่วยเหลือคน ซึ่งในช่วงท้ายเกมตอนที่ออกตามหากลุ่ม Firefly เราจะเห็นว่าหน้าตาของ Abby มีสีหน้าสดใสกลับมาเป็น Abby คนเดิมเพราะเธอได้ปลดปล่อยตัวเองจากความแค้นไปได้
ขณะที่ Ellie นั้นตั้งแต่วินาทีที่ Joel เสียชีวิตนับจากนั้นสีหน้าของ Ellie ก็ไม่เคยยิ้มออกมาอีกเลยแม้แต่ช่วงที่เธอมีชีวิตสงบสุขกับ Dina แล้วแต่สีหน้าของ Ellie ก็ยังคงอมทุกข์และเมื่อย้อนกลับไปช่วงก่อนที่ Joel จะเสียชีวิตสีหน้าของ Ellie คือสาวน้อยที่กำลังมีความรักเพราะเธอได้ปลดปล่อยความรู้สึกที่อัดอั้นจากการรู้ความจริงเรื่องของ Joel ที่โกหกเธอเรื่องโรงพยาบาลจนกลายเป็นความเข้าใจ เพราะถ้าใครยังจำได้ตอนขี่ม้าไปกับ Dina Ellie บอกว่าจะไปดูหนังกับ Joel นั่นแปลว่าทั้งคู่ได้กลับมาคืนดีกันแล้วมันจึงไม่มีอะไรติดค้าง แต่เมื่อ Joel เสียชีวิต Ellie ก็มุ่งหน้าจะแก้แค้นโดยฆ่าทุกคนที่ขวางทางโดยไม่สนใจว่าจะเป็นใคร และยิ่งเธอถลำลึกกับการแก้แค้นมันยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ต่างกับ Abby ที่เลือกจะปล่อยวางช่วยเหลือและหยุดเพื่อยุติทุกอย่างเพราะเธอรู้ว่าการแก้แค้นไม่ช่วยอะไร อย่างในตอนท้ายที่ Abby เกือบจะฆ่า Dina แต่ Lev มาห้ามไว้ ซึ่งถ้าเป็น Ellie ละเธอคงจะทำโดยไม่ลังเลเพราะอยากให้ Abby รู้สึกไม่ต่างกับตน ซึ่งเราก็เห็นมาแล้วในโรงพยาบาลที่ไม่จำเป็นต้องฆ่า Nora ก็ได้เพราะสุดท้ายเธอก็ต้องกลายเป็นซอมบี้อยู่ดีแต่ Ellie ก็ทำ ดังนั้นคนที่อยู่กับความเกลียดชังน่าโดนต่อว่าที่สุดคือ Ellie มากกว่า Abby เสียอีก
ปลายทางของการแก้แค้นของ Ellie
ยังคงอยู่กับ Ellie ที่ถ้าใครได้เล่นเกม The Last of us Part ll จนจบ(ไม่นับคนที่นั่งดู) คุณจะรู้สึกได้ถึงมวลความคิดความรู้สึกและสิ่งที่เรากระทำเมื่อเล่นเป็น Ellie กับการเล่นเป็น Abby ว่าทั้งคู่นั้นจะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน เมื่อเราเล่นเป็น Abby เราทำหน้าที่ช่วยเหลือปกป้องและฆ่าเมื่อต้องฆ่าและปล่อยคนที่ไม่เกี่ยวไป ขณะที่ Ellie เมื่อเราเล่นจะรู้สึกได้ถึงความอึดอัดคับข้องใจในสิ่งที่ Ellie ทำ ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของ Ellie ที่บอกว่าฉันจะฆ่าให้หมดไม่ว่าจะเป็นใครถ้าขวางทางฉัน ซึ่งทุกครั้งที่เราฆ่าตัวละครในเกมไม่ว่าจะเป็นพวกของ Abby หรือคนอื่น ๆ ในเกมเราจะเกิดคำถามในใจระหว่างเล่นว่า Ellie เธอทำถูกแล้วหรอตลอดเวลา
เพราะลึก ๆ แล้วตัวเรากับ Ellie ต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ Joel ทำมันคือสิ่งที่ผิด เขาฆ่าทุกคนทั้งโรงพยาบาลเพื่อปิดปาก(ไม่นับการฆ่าคนก่อนหน้านี้ในภาคแรก) และเลือกจะปกป้องหัวใจตัวเองซึ่ง Ellie ก็รู้คนเล่นก็รู้แต่เธอก็ยังเดินหน้าแก้แค้น จนสุดท้ายเมื่อมีโอกาสจะฆ่า Abby จริง ๆ Ellie ก็เลือกที่จะปล่อยเธอไปไม่ฆ่าซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่า Ellie ทำใจได้หรือปลดปล่อยตัวเองจากความแค้นได้ ซึ่งมันไม่ใช่เลยตรงข้าม Ellie ไม่ได้ปลดปล่อยตัวเองแต่กลับทำให้ตัวเองจมทุกข์หนักเข้าไปอีกกับคำถามที่ว่าสิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดนั้นถูกต้องแล้วหรอ การเดินหน้าฆ่าทุกคนที่ขวางทางการฆ่าคนที่ไม่สมควรฆ่า และผู้เขียนก็เชื่อว่าช่วงที่เราได้เล่นเป็น Ellie จังหวะที่ต้องฆ่า Nora ด้วยการกดปุ่มเพื่อฟาดตอนนั้นหลายคนคงจะลังเลว่าจะกดดีไหม บางคนเลือกจะไม่กดแต่สุดท้ายก็ต้องทำเพราะเกมมันไม่มีทางเลือก รวมถึงความรู้สึกผิดเมื่อเห็น Mel ที่ถูกฆ่าทั้งที่เธอท้องนั่นยิ่งเป็นการเพิ่มตราบาปให้ Ellie เข้าไปอีกซึ่งแน่นอนว่าคนเล่นก็คงคิดไม่ต่างกัน นั่นจึงเป็นคำตอบของคำถามที่ว่าสุดท้ายแล้วปลายทางของการแก้แค้นคืออะไร ถ้าไม่ใช่การสร้างความรู้สึกผิดให้ตัวเองมากขึ้นไปอีก
สรุปการแก้แค้นก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น
อย่างที่เราได้ทราบจากทีมพัฒนาที่บอกกับเราว่าเกม The Last of us Part ll นั้นจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับความแค้นที่เราก็คงจะได้เห็นแล้วว่าสิ่งที่ทีมพัฒนาบอกนั้นไม่แค่ความแค้นของ Ellie เพียงคนเดียวแต่มันคือเรื่องราวความแค้นของ Abby ด้วย แต่เรื่องราวก็แตกออกไปสองฝั่งระหว่างฝ่ายที่แก้แค้นสำเสร็จแต่ตัวเองกลับไม่รู้สึกดีเลยที่ได้ทำลงไป กับอีกฝ่ายที่เริ่มต้นวังวนแห่งความแค้นที่ตรงข้ามมันกลับเป็นการสร้างความแค้นสร้างตราบาปเพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทีมพัฒนาต้องการบอกคนเล่นให้ทราบถึงมุมมองของทั้งสองฝ่าย ที่ให้เราทราบว่าการแก้แค้นไม่ได้ช่วยให้เราหายแค้น และต่อให้คุณแก้แค้นได้หรือไม่คุณก็ยังคงวนเวียนอยู่กับสิ่งนั้นต่อไปอยู่ดี
แต่สิ่งที่เกม The Last of us Part ll ก็ไม่ได้ทิ้งเราให้หาคำตอบของสิ่งนี้เพราะในเรื่องของ Abby มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอฝันถึงโรงพยาบาลอีกครั้งแต่เมื่อเปิดมากลับเป็นร่างของสองพี่น้องที่ถูกฆ่ากรีดท้องนั่นคือสิ่งที่เกมบอกกับเราว่าความแค้นความรู้สึกเหล่านั้นมันเกิดจากตัวตนของคุณที่สร้างมันขึ้นมา คุณควบคุมมันไม่ได้และไม่มีใครที่สามารถช่วยคุณได้(ในกรณีของ Abby กับ Ellie) นอกจากตัวคุณเองที่จะต้องแบกมันต่อไปหรือหาทางปลดปล่อยความรู้สึกนั้นแบบเดียวกับที่ Abby เป็นเพราะเธอรู้ตัวเองดีว่าทุกอย่างนั้นมันเกิดจากความรู้สึกผิดของเธอที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น และเมื่อเหตุการณ์แบบนี้ที่คล้าย ๆ กันกลับมาอีกครั้ง Abby ก็เลือกจะเข้าไปช่วยโดยไม่ลังเล จนการช่วยสองพี่น้องกลับเป็นการช่วยตัวเธอจากความรู้สึกผิดเหล่านั้นและพร้อมจะปล่อยวางตัดทุกอย่างเพื่อลบวังวนของการแก้แค้นโดยการปล่อย Ellie กับ Dina ไป
ย้อนกลับมาที่ Ellie ที่จนถึงที่สุดวินาทีที่จะฆ่า Abby ได้ Ellie กลับคิดถึง Joel ที่นั่งเล่นกีต้าตอนนั้นถ้าให้มองในมุมของผู้เล่นตอนนั้น Ellie ก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกับที่คนเล่นรู้สึกหลังจากที่เล่นมาตลอดทั้งเกมที่ Ellie ได้พรากชีวิตไปมากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ ทั้งคนที่รู้เรื่องและคนที่ไม่รู้เรื่องที่ต้องมาจบชีวิตเพียงเพราะความแค้นของเธอที่เอา Joel มาอ้างเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องมารู้สึกผิดและเสียใจการสูญเสียดวงใจไป ซึ่งในวินาทีนั้น Ellie คงจะคิดได้จึงหยุดมือและถึงแม้ตอนนั้น Ellie ฆ่า Abby ได้ตัวของ Ellie ก็คงไม่รู้สึกดีหรือมีความสุขขึ้นเหมือนตอนจบที่เราเห็น ซึ่งสิ่งที่นักพัฒนาต้องการบอกนั้นก็คือการแก้แค้นไม่ใช่การทำเพื่อคนที่เรารัก แต่การแก้แค้นคือความคิดผิด ๆ ของคนที่คิดว่าแก้แค้นจะรักษาความทุกข์ในใจได้ซึ่งมันไม่จริงแม้แต่น้อย
สิ่งที่นักพัฒนาต้องการสื่อกับคนเล่น
ปิดท้ายด้วยเรื่องราวของสิ่งที่นักพัฒนาเกมต้องการบอกกับเรากันบ้าง ซึ่งตลอดทั้งบทความนั้นเราได้อธิบายถึงตัวเนื้อเรื่องไปหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นเรามาพูดถึงมุมมองทางด้านเกมกันบ้างกับสิ่งที่นักพัฒนาต้องการให้คนเล่นรู้สึก เริ่มจากเรื่องแรกนั่นคือการโฆษณาที่ทางทีมพัฒนาไม่พูดถึง Abby เลยจะมีเพียงแค่วิดีโอโปรโมตในช่วงแรกที่หลายคนสงสัยว่าสาวปริศนาที่โดนแขวนคอคือใคร จนเมื่อเราได้เล่นเกม The Last of us Part ll สิ่งที่เราได้รับในตอนแรกคือความเกลียดชัง Abby แบบเดียวกับที่ Ellie เป็นถึงขนาดที่ว่าเมื่อเล่นเป็น Abby ในเนื้อเรื่องต่อคนเล่นหลายคนก็ไม่อยากเล่น ซึ่งนั่นคือสิ่งที่นักพัฒนาต้องการสื่อกับเราว่าคุณเริ่มเล่นเกมด้วยความโกรธเกลียด Abby และคุณก็อยากฆ่าเธอแบบเดียวกับที่ Ellie รู้สึก
แต่ก่อนที่คุณจะเกลียด Abby ไปมากกว่านี้ตัวเกมก็ตัดฉากมาเล่าเรื่องราวของ Abby ว่าเธอนั้นรักพ่อของเธอขนาดไหน พ่อของเธอเป็นคนดีแบบไหนที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งถึงได้รับเคารพได้ขนาดนี้ ก่อนที่ตัวเกมจะบอกเรา Abby นั้นคือตัวละครสีเทาที่ต้องเจอเรื่องราวต่าง ๆ ไม่แพ้สิ่งที่ Ellie เจอแถมเผลอ ๆ เยอะกว่าด้วย และสุดท้ายเราก็จะเปลี่ยนจากความแค้นมาเป็นความเห็นใจและเข้าใจตัวละครตัวนี้ ขณะเดียวกันเราก็จะเกิดคำถามและคิดว่าสิ่งที่ Ellie ทำนั้นถูกรึเปล่าที่จะแก้แค้นจนฆ่าคนอื่น ๆ มั่วไปหมดแบบนั้น ก่อนที่เกมจะหยุดเราที่ความเกลียด Ellie กับการสรุปเรื่องราวสุดท้ายว่าในที่สุด Ellie ก็หยุดวงจนความแค้นลงและพร้อมจะแบกความทุกข์นั้นไปตลอดชีวิต ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำให้ Ellie หยุดคืออะไรแต่สิ่งที่เรารู้คือทั้งสองคนต่างต้องเริ่มต้นใหม่ที่คนหนึ่งพร้อมจะเดินหน้าต่อไป กับอีกคนที่ยังคงจมทุกข์กับความเศร้าเดียวดายเปรียบเหมือนเรือของ Abby ที่ขึ้นฝั่งแต่ของ Ellie คือกีต้าที่ตั้งอยู่เดียวดายในห้องที่ต้องจมกับอดีตต่อไป นั่นคือสรุปความรู้สึกของทั้งคู่ที่เริ่มต้นเหมือนกันมีมุมมองความคิดเหมือนกันกระทำเหมือนกันเจอการสูญเสียเหมือนกัน แต่คนหนึ่งค้นพบทางออกขณะที่อีกคนไม่ค้นพบนั่นคือสิ่งที่ตัวเกมต้องการสื่อกับเราคนเล่น
ก็จบกันไปแล้วกับมุมมองแง่คิดต่าง ๆ ที่มีในเกม The Last of us Part ll ที่ทุกอย่างที่อยู่ในบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นและมุมมองของผู้เขียนที่ได้เล่นและหาข้อมูลเก็บความเกี่ยวความคิดเห็นของผู้คนที่ได้เล่นเกมนี้จากที่ต่าง ๆ มาเป็นข้อมูล เพื่อให้คนที่อยากทราบถึงรายละเอียดแง่คิดความรู้สึกหรือสิ่งที่นักพัฒนาเกมต้องการบอกกับคนเล่น ซึ่งสิ่งที่อยู่ในบทความนี้ไม่ใช่ตัวชี้วัดหรือบอกว่าใครถูกใครผิดใครดีใครเลว แต่สิ่งที่บทความนี้ต้องการสื่อก็คือมุมมองของมนุษย์ว่าตัวละครที่อยู่ในเกมนี้ว่าพวกเขามีความคิดมีความรู้สึกอย่างไร ซึ่งหลายสิ่งนั้นตัวเกมนำเสนอออกมาได้ดีแต่บางคนอาจจะไม่ทันสังเกตเราจึงหยิบยกมาพูดถึงกัน ซึ่งใครที่มีแนวคิดหรือความรู้สึกยังไงก็บอกกันมาได้เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกัน ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรก็ติดตามได้ที่นี่ที่เดียว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส