ถ้าพูดถึงค่ายเกมที่นักเล่นเกมหลายคนต่างพยายามสาปแช่ง และไม่ชอบมากที่สุดในวงการเกม หนึ่งในนั้นต้องมีค่าย Konami ติดเป็นอันดับต้น ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย กับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ค่ายนี้ทำเอาไว้กับวงการเกม ไม่ว่าจะเป็นการไล่นักพัฒนาเกมอย่างคุณ Kojima ออกรวมถึงการดองเกมชื่อดังของตัวแบบไม่คิดจะสร้างภาคใหม่ แต่หันไปทำตลาดเกมมือถือกับเครื่อง Pachinko และที่ทำร้ายจิตใจแฟน ๆ เกมมากขึ้นไปอีกคือการเอาเกมชื่อดังมาทำกราฟิกใหม่แล้วเอามาลงบนตู้ Pachinko จนเราหวังว่าค่าย Konami จะต้องไปต่อในวงการเกมไม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วก็มีประกาศผลประกอบการครึ่งปี 2020 ออกมาว่า Konami มีกำไรมากขึ้นกว่าเดิม นั่นก็เพราะ Konami ไม่ได้ทำแค่เกมแต่ยังมีธุรกิจอื่น ๆ อีก จนทาง Konami แทบไม่สนใจเกมที่ตัวเองมี และนี่คือ 9 เกมในตำนานที่ Konami ถือครองเอาไว้
มาทำความรู้จัก Konami กัน
ก่อนจะเข้าสู่เรื่องราวของเกมมาทำความรู้จักบริษัท Konami กันก่อน โดยเริ่มจากชื่อเต็มของ Konami คือ Konami Holdings Corporation ก่อตั้งขึ้นในปี 1969 ที่เริ่มต้นทำธุรกิจ Jukebox ตู้เพลงหยอดเหรียญที่ทั้งให้เช่าและรับซ่อมในเมือง Toyonaka จังหวัด Osaka มีคุณ Kagemasa Kōzuki เป็นประธานบริษัท ส่วนชื่อ Konami นั้นมาจากชื่อย่อของสามผู้ก่อตั้งบริษัทที่ชื่อ Kagemasa Kozuki, Yoshinobu Nakama และ Tatsuo Miyasako มารวมกัน และยังเป็นบริษัทเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอันดับที่ 20 อีกด้วย
ในส่วนของวิดีโอเกมนั้นทาง Konami ได้เริ่มเข้าสู่ตลาดนี้ในช่วงปี 1977 กับเกม Block Yard บนเครื่อง Arcade ก่อนที่จะขยายตลาดไปสู่เครื่องเกมอื่น ๆ อีกมากมาย จนมีเกมเกรด AAA ของตัวเองอีกหลายเกมที่เราจะพูดถึงในอันดับต่อ ๆ ไป แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นเชื่อว่าหลายคนคงจะสงสัยว่าทาง Konami เอากำไรมาจากไหนถ้าไม่ได้ทำเกม ถ้าอย่างนั้นเรามาดูธุรกิจของ Konami กัน เริ่มจาก Casino ทั่วโลกที่ Konami ไปเปิดและมีหุ้นส่วน มีคลับเพื่อสุขภาพทั่วประเทศญี่ปุ่นหลายสาขา ขาย Trading Cards บริษัทผลิต Anime กับผลิตภาพยนตร์ละครทีวีที่ใช้เทคนิคพิเศษที่เรียกว่า Tokusatsu นอกจากนี้ก็ยังมีธุรกิจทำ Slot Machines ทำตู้ Pachinko Machines และยังมี Arcade Cabinets เป็นของตัวเองอีกหลายสาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น นี่ยังไม่นับบริษัทผลิตเกมที่หลายเกมนั้นก็ยังทำกำไรอยู่ เห็นแบบนี้ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม Konami ถึงมีกำไรเพราะไม่ต้องทำเกมก็รับเละแบบไม่ต้องง้อการทำเกมใหม่ ๆ เลย
Contra
เริ่มต้นเกมแรกที่นักเล่มเกมหลายคนในยุคนั้นแทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเกม Contra ที่เราเล่นนั้นมาจากค่าย Konami (ส่วนมากจะมารู้ก็ตอนโตแล้ว) โดยตัวเกม Contra นั้นวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 1987 บน Arcade Game ที่ได้รับความนิยมจนถูกเอามาลงบน Famicom ในปี 1988 และอีกหลายเครื่องเกมในตอนนั้น โดยเรื่องราวในเกม Contra นั้นจะกล่าวถึงอนาคตในปี 2633 AD เมื่อองค์กร Red Falcon ที่ชั่วร้ายได้ตั้งฐานทัพบนหมู่เกาะ Galuga ใกล้กับประเทศ New Zealand เพื่อวางแผนกวาดล้างมนุษยชาติ ทางอเมริกาจึงส่งหน่วยคอมมานโดสองนาย Bill Rizer และ Lance Bean จากหน่วย Contra เพื่อทำลายกองทัพ Red Falcon แบบกองโจร(แอบซุ่มโจมตีด้วยกำลังคนที่น้อยกว่า) ที่ในเกมนั้นกลับไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย
ในส่วนของตัวเกมนั้นนับตั้งแต่ภาคแรกมาจนถึงตอนนี้ ก็มีเกมที่ใช้ชื่อ Contra มาแล้ว 19 ภาค(นับรวมการเอาภาคแรกมาสร้างใหม่) ที่แต่ละภาคทางทีมพัฒนาก็พยายามสร้างความแตกต่าง และเพิ่มเติมอะไรต่าง ๆ ลงไปมากมาย แต่ตัวเกมกลับไม่ได้รับความนิยมจากแฟน ๆ เท่าที่ควร โดยภาคล่าสุดอย่าง Contra Rogue Corps ที่วางจำหน่ายบน PlayStation 4, Nintendo Switch และ PC ที่พยายามเอาอารมณ์การเล่นแบบสมัยภาค 1 กับ 2 ให้กลับมาด้วยมุมมองการเล่นแบบ 3D ที่มีการเปลี่ยนมุมกล้องกับระบบการเล่นที่เน้นความสนุกสะใจ แต่มันกลับขาด ๆ เกิน ๆ และไม่สนุกเป็นเหมือนเกมแนวยิงธรรมดาทั่วไป ที่สำนักรีวิวหลายที่ต่างส่ายหน้า จนทาง Konami คงไม่อยากสร้างภาคใหม่ไปอีกนานเลย
Yu-Gi-Oh!
ถ้าพูดถึงเกมการ์ด Yu-Gi-Oh! สำหรับ Konami นั้นมันคือบ่อเงินบ่อทองที่ทางค่ายสามารถตักตวงได้เรื่อย ๆ กับการผลิตการ์ดเกมออกมาวายขาย เพื่อให้ผู้เล่นในตลาดทั่วโลกได้หามาเล่นหรือสะสมกัน รวมถึงการผลิตการ์ตูนทั้งแบบฉบับหนังสือและการ์ตูนฉายทางทีวีออกมาสนับสนุน ยิ่งทำให้ชื่อการ์ด Yu-Gi-Oh! ยังแข็งแกร่ง และถ้ามองในแง่ของวิดีโอเกม Yu-Gi-Oh! ก็ยังเป็นอีกหนึ่งซีรีส์เกมที่ทาง Konami ผลิตออกมาขายในตลาดอยู่เรื่อย ๆ ทั้งบนเครื่องคอนโซลไปจนถึงบนโทรศัพท์มือถือ
และถ้าเรามองย้อนกลับไปสำหรับเกม Yu-Gi-Oh! ภาคแรกสุดที่ทาง Konami นำเสนอนั้นไม่ใช่เกมการ์ด แต่เป็นเกมกึ่ง ๆ กระดานวางหมากในชื่อเกมว่า Yu-Gi-Oh! Monster Capsule Breed and Battle ที่เป็นการเล่นตามในหนังสือการ์ตูนบนเครื่อง PlayStation 1 ที่วางจำหน่ายในปี 1998 ก่อนจะหันมาผลิตภาคการ์ดเกมที่แฟน ๆ ต้องการในปีเดียวกันในชื่อ Yu-Gi-Oh! Duel Monsters บนเครื่อง Game Boy และภาค 2 บน Game Boy Color ในปี 1999 ในชื่อภาค Yu-Gi-Oh! Duel Monsters II Dark duel Stories และบน PlayStation 1 ที่แฟน ๆ ต้องการในปีเดียวกันในภาค Yu-Gi-Oh! Forbidden Memories ในส่วนของภาคล่าสุดของเกมในซีรีส์ Yu-Gi-Oh! ตอนนี้ก็มี Yu-Gi-Oh! Legacy of the Duelist Link Evolution บน PC และ PlayStation 4 ส่วนบนโทรศัพท์มือถือตอนนี้ก็มี Yu-Gi-Oh! Duel Links ให้ได้เล่นกัน ใครมีเครื่องไหนก็ไปหามาเล่นกันได้ แต่ควรศึกษาวิธีเล่นก่อน เพราะตัวเกมนั้นมีการแบบใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ ใช้วิธีเล่นแบบเก่าอาจจะสู้เขาไม่ได้
Castlevania
เมื่อพูดถึงเกม Castlevania เชื่อนักเล่นเกมรุ่นใหม่หลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้จักเกมซีรีส์นี้นัก เพราะนับตั้งแต่ภาคแรกจนมาถึงภาค Castlevania Symphony of the Night บนเครื่อง PlayStation 1 เป็นต้นมา ตัวเกมได้รับความนิยมระดับกลาง ๆ ที่พอจะทำให้เกมมีภาคต่อออกมาเรื่อย ๆ ทั้งการเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นเกมต่อสู้แบบ 1 ต่อ 1 ในเกม Castlevania Judgment หรือการสร้างภาคต่อจากภาคแรก ๆ ไปจนถึงการเอากลับมาเริ่มนับ 1 ใหม่ใน Castlevania Lords of Shadow ก็ได้รับความนิยมระดับกลาง ๆ รวมถึงการทำเกมลงบนโทรศัพท์มือถือ อย่างเกม Castlevania Grimoire of Souls หรือการนำ Castlevania Symphony of the Night มาขายซ้ำบนมือถือในปีนี้ ต้องพูดว่า Konami ไม่ทิ้งเกมซีรีส์นี้จริง ๆ
แต่ถึงทาง Konami จะไม่ทิ้งเกมซีรีส์นี้ไปก็จริง แต่หนทางที่ตัวเกมซีรีส์ Castlevania จะกลับมาโด่งดังและเป็นที่พูดถึงอีกครั้งก็คงจะเป็นไปได้ยาก เพราะทีมพัฒนาชุดดั่งเดิมอย่างคุณ Koji Igarashi ผู้กำกับของซีรีส์ Castlevania หลายภาคกับทีมพัฒนาเกือบทั้งหมดได้ลาออกจาก Konami ไปแล้ว แถมยังมีผลงานการระดมทุนใน Kickstarter เพื่อทำเกมที่สานต่อจิตวิญญาณของ Castlevania อย่าง Bloodstained Ritual of the Night ออกมาตบหน้า Konami เบา ๆ ว่าเกม Castlevania ต้องเป็นแบบนี้ ไม่ใช่อย่างที่บริษัทกำลังพยายามทำ ซึ่งใครที่อยากรู้ว่าเกม Castlevania สนุกขนาดไหนก็ลองไปหาภาคเก่า ๆ อย่าง Symphony of the Night มาเล่นแล้วคุณจะรู้ว่าทำไมนักเล่นเกมถึงชื่นชอบเกม Bloodstained Ritual of the Night กัน
Gradius
Gradius เมื่อพูดถึงเกมนี้เชื่อว่านักเล่นเกมหลายคนคงจะงงว่ามันคือเกมอะไร เพราะตั้งแต่ที่เกมภาคล่าสุดอย่าง Gradius ReBirth ออกมาอย่างเงียบ ๆ บน WiiWare ในปี 2009 ก็ไม่มีเกมใหม่ในซีรีส์ยานยิงนี้ออกมาอีกเลย ทั้งที่เกม Gradius ReBirth นั้นพยายามอ้างอิงรูปแบบแนวเกมรวมถึงการเล่นแบบเก่า ที่ทาง Konami บอกว่าเกมนี้คือการ Remix กับการกลับไปเป็นเกมยิง 2 มิติแบบเลื่อนด้านข้างเหมือนกับเกม Gradius ภาคแรก แต่ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ รุ่นเก่าหันมามอง แถมนักเล่นเกมรุ่นใหม่ก็ไม่สนใจเกมแนวยานยิงแล้วในยุคนี้
ย้อนเวลากลับไปเมื่อปี 1985 เกมยานยิงมุมมองด้านข้างที่ชื่อ Gradius ได้วางจำหน่าย โดยตัวเกมนั้นได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากเครื่องเกม Arcade ที่ชื่อว่า Scramble ที่วางจำหน่ายในปี 1981 ในเกมนั้นจะให้เราควบคุมยานยิงมุมมองด้านข้างที่ได้รับความนิยม จนในปี 1985 ทาง Konami ก็เอาเกม Scramble มาปัดฝุ่นและเปลี่ยนชื่อเป็น Gradius ที่เราจะได้ควบคุมยานยิงกับศัตรูที่ดาหน้ามาเป็นจำนวนมาก แต่เราก็มีอาวุธและพลังต่าง ๆ ที่เก็บได้เพื่อใช้ในการผ่านด่าน ตัวเกมวางจำหน่ายครั้งแรกบน Arcade เกม นับจากนั้นทาง Konami ก็ปล่อยเกมซีรีส์ Gradius บนเครื่อง Famicom ในปี 1986 จนถึงตอนนี้เกมซีรีส์ Gradius ถูกสร้างออกมาแล้ว 13 ภาคกับ 4 ภาคหลักที่ไม่ค่อยจะได้รับความนิยม แม้จะพยายามเปลี่ยนแนวทางหรือพัฒนาอะไรใหม่ ๆ ลงไปก็ตาม
Silent Hill
เมื่อพูดถึงซีรีส์เกมที่แฟน ๆ ทั่วโลกหลงรักและอยากให้มีภาคต่อออกมามากที่สุดของ Konami ต้องมีเกม Silent Hill รวมอยู่ด้วย เพราะความสนุกหลอนสยองขวัญโรคจิตทั้งตัวเนื้อเรื่องฉากไปจนถึงเพลง ที่แค่เปิดฟังเฉย ๆ ไม่ต้องมีภาพก็ทำเอาคนขนหัวลุกได้แล้ว แถมตัวเกมที่เอามาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก แต่นั่นก็เป็นเพียงช่วงภาค 1 ถึง 4 เท่านั้นที่เรียกว่าความสนุกที่หลายคนชื่นชอบ เพราะตั้งแต่เกม Silent Hill Origins เรื่อยมาตัวเกมก็เปลี่ยนทีมพัฒนาจากเดิม จนทำให้อารมณ์การเล่นกับหลาย ๆ สิ่งที่ Silent Hill มีค่อย ๆ หายไป ขณะที่ตัวเกม Silent Hill นั้นยังสามารถเอามาพัฒนาต่อยอดไปได้อีกไกลเมื่อเทียบกับเกม Gradius กับ Castlevania ที่ยากต่อการเปลี่ยนแปลง เอาง่าย ๆ ดู Alan Wake ที่เป็นต้นแบบเกมสยองขวัญที่ Silent Hill ควรเดินไป
และเกม Silent Hill ก็คือหนึ่งในประเด็นที่ทำให้แฟน ๆ ทั่วโลกเกลียดและสาปแช่ง Konami เมื่อทางคุณ Hideo Kojima ที่ในสมัยนั้นยังคงอยู่กับ Konami ได้มีโครงการจะปัดฝุ่นเกมในซีรีส์ Silent Hill ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยการร่วมมือกับคุณ Guillermo del Toro ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ได้แอบสร้างเกมในนามแฝงว่า 7780s Studio ทำเกม P.T. Silent Hill ขึ้นมาในแบบมุมมองบุคคลที่ 1 (First-person) โดยมีคุณ Norman Reedus เป็นตัวเอก และเมื่อตัว Demo P.T. ถูกปล่อยออกมาก็สร้างกระแสความตื่นเต้นให้แฟน ๆ ทั่วโลกทันที กับความหลอนสยองขวัญแบบอย่างที่ Silent Hill ควรมีและเป็นอยู่ในเกมนี้จนหมด แต่สุดท้ายทาง Konami ก็ดับฝันของแฟน ๆ ทุกคนด้วยการไล่คุณ Kojima ออกและดองเกมซีรีส์นี้นับจากนั้น จนถึงตอนนี้ถ้าไม่นับที่ถูกนำมาลงบนเครื่อง Pachinko เราก็คงไม่ได้เห็นเกมซีรีส์นี้ไปอีกนานอย่างแน่นอน
Tokimeki Memorial
ถ้าจะพูดถึงเกมจีบสาวเชื่อว่านักเล่นเกมรุ่นใหม่หลายคนอาจจะไม่รู้จักเกมแนวนี้ เพราะในยุคนี้ที่ตลาดเกมเปิดกว้างมีเกมแนวใหม่ที่น่าสนใจออกมาอย่างมากมาย เกมแนวจีบสาวหรือแนว Dating sim อย่าง Tokimeki Memorial ก็คือเกมที่ถูกลืมไปตามกาลเวลา ตัวเกมภาคแรกวางจำหน่ายในปี 1994 บนเครื่อง PC Engine CD กับแนวเกมที่จะให้เรารับบทเป็นเด็กหนุ่มที่ต้องไปจีบสาว ๆ ในเกม ที่การจีบนั้นไม่ใช่แค่การไปคุยแล้วเลือกคำตอบ แต่เราต้องเพิ่มค่าพลังและความสามารถต่าง ๆ ที่เกมกำหนด ทั้งความฉลาดพละกำลังกับการเล่นมินิเกมหรือทำตามที่เกมกำหนด จึงจะเอาชนะใจสาวที่เราหมายปองได้ ซึ่งนั่นคือความสนุกของเกมที่หลายคนยังคิดถึง
แต่ถ้าเราย้อนกลับไปดูข้อมูลเกี่ยวกับเกมซีรีส์ Tokimeki Memorial จะเห็นว่าตั้งแต่ปี 1994 เป็นต้นมาทาง Konami ก็พยายามเข็นเกมซีรีส์นี้ออกมาเกือบจะทุกปี ทั้งบน PC ไปจนถึง Mobile phones ที่เป็นเกมยุคก่อน iOS กับ Android จะมา แถมยังเปลี่ยนตัวเองให้หลุดจากเกมจีบสาวมาเป็นเกมจีบหนุ่ม มีการเปลี่ยนแปลงกราฟิกให้เป็น 3D เพิ่มระบบให้ทันสมัย อย่างในภาคล่าสุดอย่าง Tokimeki Idol ในปี 2018 ที่ลงบน iOS กับ Android ก็เปลี่ยนจากแนวจีบสาวธรรมดา มาเป็นเกมจีบสาวผสมการดูแล Idol ผสมเกมกดตามจังหวะเพลง ที่ทำออกมาได้สนุกน่าสนใจ แต่นั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ทาง Konami ทำกับเกมซีรีส์นี้ เพราะตั้งแต่ที่ Tokimeki Idol ปิดตัวก็ไม่มีเกมใหม่ ๆ ออกมาอีกเลย
Pro Evolution Soccer
ในขณะที่หลายคนกำลังสนุกกับเกมฟุตบอลอย่าง FIFA Online 4 ทาง Konami ก็ยังคงหากินกับเกม Pro Evolution Soccer หรือที่นักเล่นเกมรุ่นเก่าสมัย PlayStation 1 รู้จักในชื่อ Winning Eleven ที่เคยโด่งดังจนไปที่ร้านเช่าเกมที่ไหนก็ต้องเห็นคนเล่นเกมนี้ เพราะความสมบูรณ์ของตัวเกมกับระบบการเล่นที่ดี จึงเป็นที่ชื่นชอบของหลายคนในยุคนั้น จนเมื่อเวลาผ่านไปทาง FIFA ของ EA ที่เป็นคู่แข่งก็ค่อย ๆ พัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถคว้าสิทธิ์บอลถ้วย UEFA Champions League แต่ถึงแบบนั้นทาง Konami ก็ยังคงมีเกม Pro Evolution Soccer ออกมารายปี เพราะตัวเกมที่พัฒนาภาคต่อง่ายและขายแฟน ๆ ที่ติดตามได้เรื่อย ๆ เกมนี้จึงเป็นเหมือนอีกบ่อเงินของ Konami
และในปี 2020 ทาง Konami ก็ยังมีภาคต่อของเกมนี้ออกมาให้เราได้เล่นในชื่อ eFootball Pro Evolution Soccer ที่มีการเพิ่มคำว่า eFootball ลงไปเพื่อมุ่งเน้นระบบ Online ที่ตัวเกมวางจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2019 ที่ทำลงบน PC PlayStation 4, Xbox One, Android และ iOS โดยเฉพาะบนโทรศัพท์มือถือที่มียอดดาวน์โหลดถึง 300 ล้านครั้งภายในเดือนมิถุนายน 2020 กับการพัฒนาต่อยอดจากภาคเก่ากับการเพิ่มเติมนิดหน่อยก็สร้างภาคต่อได้ยาว ๆ ที่แม้จะไม่มีสิทธิ์บอลถ้วย แต่ตัวเกมก็ยังมีทีมชั้นนำอย่าง Barcelona, Manchester United, Bayern Munich, Juventus กับ Arsenal และอีกหลายทีมชั้นนำเพียงแค่นี้ก็ทำให้ Konami กินได้ยาว ๆ แบบไม่ขาดทุนได้อีกนาน
Dance Dance Revolution
เมื่อพูดถึงเกมเต้นในยุคแรก ๆ ที่นักเล่นเกมหลายคนยังคงคิดถึงและชื่นชอบ จะเป็นเกมอะไรไปไม่ได้นอกจากเกม Dance Dance Revolution เกมกดตามจังหวะที่เราต้องใช้เท้าเหยียบลงไปบนแผ่นที่มีเครื่องหมายให้ตรงจังหวะ ตัวเกมเปิดตัวครั้งแรกบนเครื่อง Arcade ในปี 1998 ที่จนถึงตอนนี้ก็มีภาคต่อออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในหลาย ๆ ห้างในบ้านเราก็ยังคงมีเกมนี้ติดตั้งอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้เกมซีรีส์ Dance Dance Revolution โด่งดังเป็นพลุแตกก็คือการมาถึงของอุปกรณ์เสริมอย่าง Dance Pad กับแผ่นจำลองแป้นเหยียบที่เหมือนกับในเครื่อง Arcade ที่หลายคนต่างซื้อมาเล่น จนทำให้ทาง Konami ทำเกมนี้ออกมาอีกหลายต่อหลายภาค
จนเมื่อเวลาผ่านไปความนิยมของแผ่นเต้นและเกม Dance Dance Revolution จะค่อย ๆ เสื่อมความนิยมบนเครื่องเกมคอนโซล แต่บนเครื่องเกม Arcade Dance Dance Revolution ก็ยังคงขายดีและมีภาคใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ พร้อมกับเพลงใหม่ที่ถูกซื้อมาลง ที่จนถึงตอนนี้ตัวเกมก็ยังคงได้รับความนิยมและสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ทาง Konami ไม่แพ้เกม Pro Evolution Soccer เลย
Metal Gear
ปิดท้ายกับเกมที่จะขาดไปไม่ได้ในบทความนี้ เพราะมันคือหนึ่งในตัวจุดประเด็นที่ทำให้แฟน ๆ ทั่วโลกเกลียดและสาปแช่ง Konami กับเกม Metal Gear หนึ่งในซีรีส์เกมชื่อดังที่สุดเกมหนึ่งที่ทาง Konami ถืออยู่ กับนักพัฒนาเกมมากฝีมือที่เป็นผู้ให้กำเนิดเกมนี้ อย่างคุณ Hideo Kojima ที่ไม่ว่าจะสร้างออกมากี่ภาคตัวเกมก็ยังคงสนุกและถูกอกถูกใจแฟน ๆ แต่มันไม่ถูกใจเหล่าผู้บริหารของ Konami ที่คิดว่าการเอาเงินลงทุนมาพัฒนาเกมเกรด AAA มันได้ผลตอบแทนที่คุ้มก็จริง แต่การใช้เวลาสร้างเกมอย่างต่ำ 3 ปี กว่าจะได้เม็ดเงินกลับมามันต้องรอนาน ต่างกับเกมมือถือที่สร้างเร็วใช้งบประมาณการสร้างไม่นาน แถมได้ผลตอบแทนที่เกินคุ้ม ทาง Konami จึงเปลี่ยนแผนการดำเนินเกม และเร่งทางคุณ Kojima ให้รีบพัฒนาเกมให้เสร็จ ทั้งที่ตัวเกมยังไม่สมบูรณ์ซึ่งเล่นเกม Metal Gear Solid V The Phantom Pain จะทราบดีว่าตัวเกมมันถูกตัดจบ
และเมื่อคุณ Kojima ลาออกจาก Konami หลายคนต่างก็กังวลว่าเกมซีรีส์ Metal Gear Solid จะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งทาง Konami ก็ไม่รอให้กระแสจางหรืออาจจะอยากทำกำไรเพิ่มจากสิ่งที่มี จึงเอาตัวเกมฉากตัวละครจากเกม Metal Gear Solid V The Phantom Pain มาดัดแปลงเปลี่ยนเรื่องราวเพิ่มเนื้อหาบางส่วนลงไป แล้วขายเป็นเกม Metal Gear Survive ที่เป็นแนวเอาตัวรอดจากเหล่า Zombie ที่แทบไม่มีความเป็น Metal Gear เลย แถมยังพยายามเอาเรื่องราวในเกม Metal Gear Survive มาโยงกับเนื้อเรื่องของภาคหลักด้วย และยิ่งเป็นการตอกย้ำมากขึ้นไปอีก กับการประกาศ Metal Gear Solid 3 Snake Eater กับกราฟิกใหม่ที่สวยสมจริง จนแฟน ๆ ตาลุกว่าจะมีการ Remake เกมนี้ แต่ความจริงแล้วสิ่งที่เห็นคือ Metal Gear บนตู้ Pachinko ที่เป็นการตอกหน้าแฟน ๆ ให้ไม่พอใจมากขึ้นไปอีก และจนถึงตอนนี้เกมในซีรีส์ Metal Gear ก็ยังคงจะถูกดองยาวต่อไปแบบไม่มีกำหนด
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 9 เกมชื่อดังของ Konami ที่หลายคนอาจจะไม่ทราบมาก่อนว่าเกมเหล่านี้คือเกมของ Konami นี่ยังไม่นับเกมในซีรีส์ Bomberman ที่ทาง Konami ซื้อมาจาก Hudson Soft และดองยาวแบบไม่มีภาคใหม่ กับอีกหลายเกมชื่อดังที่ทาง Konami ถืออยู่ และถ้าเราจะหวังให้ทาง Konami เอาซีรีส์เกมเหล่านี้ขายให้ค่ายอื่นคงเป็นไปได้ยาก เพราะตอนนี้ทาง Konami ไม่ร้อนเงินแถมยังมีกำไร การดองเกมเหล่านี้ไว้ก็ไม่สร้างผลเสียหรือกระทบอะไรให้บริษัท เราจึงทำได้แค่หวังว่าทาง Konami จะเปลี่ยนใจและยอมหันมาทำภาคต่อเกมเหล่านี้เสียที แฟน ๆ ทั่วโลกพร้อมให้อภัยและรอเกมเหล่านั้นอยู่
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส